ปัญหาโลกแตกครับ จากประสบการณ์ตรงของผมคือมีปัญหาครับยิ่งกรณีที่ฝ่ายญก็กำลังผ่อนบ้านของเค้าเหมือนกัน
เรามีภาระผ่อนบ้านเรา เค้าก็อยากอยู่บ้านเค้า (กรณีผมหนักตรงฝ่ายญให้ผมช่วยเค้าผ่อนบ้านด้วย)

แต่อย่างที่ข้างบนว่านั่นแหละครับคิดเยอะไปก็ไม่ดี บางคู่คบกันจะแต่งงานค่อยมาหาซื้อบ้านลงหลักปักฐานร่วมกัน แต่ไม่นานไปไม่รอดดันจะเลิกกันงานหยาบเลยทีนี้

ขอบคุณครับท่าน เด๋วนี้คิดเผื่อเยอะไปแหละผม 555

ข้อนี้แหละที่ผมยังระวัง ว่าเค้าโอเคกับผม แต่ถ้าเกิดยอมไม่ได้ถ้าด้อยกว่าแฟนของเพื่อนเค้า ของสังคมเค้า

ผมว่าทำเลที่เลือกมันใกล้ถนนใหญ่ ตอนนั้นก่อสร้างถนนอะไรๆใกล้เสร็จพอดี คงไว้กล่อมได้บ้างครับ

คิดเยอะดีละครับ ปัญหาส่วนมากเกิดจากพวกไม่คิดไปตายดาบหน้าทั้งนั้น

อ่าน่าคิดครับ ขอบคุนมากก แบบ bottleneck การซื้อบ้านคือ หา(ว่าที่)เมียให้ได้ก่อนนนน

คนที่ใช่ไม่ต้องพยายามครับท่าน

เพื่อนผมหลายคนก็ซื้อบ้านตัวเองก่อนมีแฟนและหลายๆคู่ก็แต่งงานกันไปแล้ว

ตัวเอง 70% แฟน 30% ครับยังไม่ใช่ภรรยา

ดีครับที่คิดอะไรรอบด้าน ระมัดระวัง

ทีนี้เพื่อให้ตอบโจทย์ที่เพิ่มเข้ามาอีกจุด
คือเรื่องความไม่แน่นอนการของปักหมุด
ผมคิดว่าต้องเลือกชอยส์ที่มันเฟล็กซิเบิ้ล

1.ซื้อที่มีแบรนด์ ผมไม่ค่อยรู้ราคา position ตลาดบ้าน แต่อยากให้เน้นแบรนด์แม้จะไม่ใช่ตัวท้อป ถ้าในทำเลราคาที่มีให้เลือก ให้น้ำหนักกับโครงการที่เจ้าของโครงการชื่อเสียงดีกว่า จะแสนสิริ ap ไรก็ว่าไป

2.เลือกทำเลให้ดีเหมาะกับคนส่วนใหญ่ แม้ว่าคุณอาจจะไม่สะดวก เช่นไปทำงานลำบากกว่าหน่อย

3.ดูแบบให้เหมาะกับที่มันจะขายง่าย เช่น ถ้าเป็นคอนโด เพิ่มเงินอีกนิดแล้วขยับจากสตูไป1bed ได้ควรขยับ จะขายง่าย ถ้าทาว์นโฮมพวก หลังแรกหลังสุดท้ายไม่ติดใคร มีที่เพิ่มด้านข้าง สุดซอยจอดรถได้ (ไม่ได้แนะนำให้จอดแต่มันก็คงมีคนที่หวังว่าจะใช้จอด) ตอนขายน่าจะดี

4.ใกล้ส่วนกลางใกล้สวน หรืออะไรที่ทำให้มันน่าอยู่ขึ้น

ที่ว่ามาบางอันอาจจะต้องเพิ่มเงิน เพิ่มไปเพิ่มมาก็อาจจะเยอะ หรือไม่ก็เน้นถูกไปเลย คือต้องให้มีกิมมิคมีจุดเด่นเวลาขายด้วย

ถ้าถึงวันนึงไเราจะขายก็ขายง่าย หรือถ้าไม่ขายแต่งงานอยู่ยาวมันก็ดีเช่นหลังสุดท้ายมีที่เพิ่ม

จากประสพกามวัยหลักสี่ ผมว่าโฟกัสตัวเองไว้เลยครับ ปัจจัยด้านอื่นจะเป็นอย่างไรเราอาจยังคาดเดาไม่ได้ แต่อะไรที่เราควบคุมได้มันส่งเสริมให้เรามีชีวิตที่ดีพร้อมที่จะรับสิ่งดีๆเข้ามาเสมอ