อย่างแรกนะผมว่า คนป่วยควรเลิกเล่น socialก่อนเลย

เหมือนแกเคยเป็นซึมเศร้าครับ เคยกินยา แต่มันไม่ใช่ทางออกสำหรับแก

ขอพูดในฐานะที่เคยผ่านมาแล้วนะครับ

ผมเป็นคนที่มี growth mindset + positive thinking จัดๆเลย

Passion การทำงาน การใช้ชีวิตก็เต็มที่มาตลอด

อยู่ๆ ช่วงนึง นอนไม่หลับ หลับๆตื่นๆ เต็มที่ได้นอนวันละ 1-2 ชม

เป็นเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ และระหว่างนั้นก็เป็นแบบ

ไม่อยากทำอะไรเลย จากนั้นก็หาข้อมูล ปรึกษา ปรากฏว่า

มีโอกาสเป็นซึมเศร้า ผมก็ตัดสินใจเข้าพบจิตแพทย์และวินิจฉัย

ก็ได้ยามากิน เปลี่ยนยาหลายรอบกว่าจะพบว่าเป็นไบโพล่าร์

แรกเริ่ม ผมเกลียดโรคนี้มาก เพราะมันทำให้ผมไม่สามารถเป็นผม

ผมคนเดิมที่อยากเป็นได้ แต่ ณ วันนี้ที่หายแล้ว ผมขอบคุณมันมาก

ที่ทำให้รู้จักและเข้าใจชีวิตมากขึ้น ที่อยากจะบอกคือ

อย่าคิดเองเลยครับ ถ้าสงสัยทำแบบทดสอบ หรือ พบจิตแพทย์

หรือนักจิตวิทยา ให้ช่วยประเมินจะดีที่สุด ในส่วนของการกินยา

ต้องฟังแพทย์ ทำตามแพทย์แนะนำ ต่อให้ mindset คุณจะดีแค่ไหน

ถ้าวันนึงที่คุณเป็นขึ้นมา แม้แต่เรื่องที่ดีในวันนั้น คุณยังไม่ยินดีกับมัน

จะเอาอะไรกับเรื่อง mindset ล่ะครับ ปัจจัยมันหลายอย่าง

แต่ก่อนผมคิดแบบนี้แหละ mindset ดี จะเป็นโรคนี้ได้ไง

เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ คนรอบข้างผมตกใจทุกคนที่ผมบอกว่า ผมเป็นนะ

เพราะด้วยพื้นฐานผมและพฤติกรรมที่ผ่านไปในทิศทางที่ดีตลอด

สุดท้ายที่ได้เรียนรู้ mindset ที่ดีของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ

เราทำเท่าที่รู้เราพอจะทำได้ ฝืนบ้างนิดหน่อย แต่อย่าฝืนมาก

รู้จักปล่อยวาง พักสมองบ้าง ฟังให้มาก ใช้ชีวิตให้เรียบง่าย

แล้วคุณจะมีความสุขมากขึ้น

ผมว่าหมอก็พูดเรื่องเดียวกันนะ คือท้ายหมอบอกพอตาชั่งสมดุล คนไข้จะดูแลตัวเองได้ดีขึ้นเริ่มออกกำลังกายนบลาๆ

ก็ความหมาบเดียวกับck ที่บอกว่าช่วงที่กินยาช่วยให้ stable แต่ต้องคุยกับตัวเอง อะไรคือความสุข มันก็เหมือนการดูแลตัวเองแบบที่หมอว่านั่นแหล่ะ

ผมว่ามันไม่ได้เป็นข้อมูลที่ขัดแย้งกัน