เพิ่งดูจบในMax สอบถามครับว่า ลำดับขั้นตอนทุกเหตุการณ์ในหนัง รวมถึงการประชุมฝ่ายรัฐ ที่หารือกัน ที่เอามาสร้างในหนังนี่เป็นข้อเท็จจริงหมดไหม หรือมีเติมสีเข้าไปบ้าง

คือเข้าใจว่าบางตัวละครอย่าง นักวิทย์หญิงอันนี้เพิ่มเข้ามาเป็นตัวแทนนักวิทยาศาสตร์หลายๆท่านที่ช่วยเลกาซอฟ แต่อยากรู้พาร์ทอื่นๆเขาจำลองมาจริงๆเลยใช่ไหมครับ

แต่ซีรีส์ทำออกมาโคตรดี ดูแล้วกดดัน ขนลุกทุกตอน

ไม่รู้มีใครเป็นไหม ตอนดูเรื่องนี้แล้วแทบไม่กล้าหายใจเวลาฉากoutdoorตามบรรยากาศในหนังไปด้วยเลย

อีกเรื่องที่สงสัยคือ ตอนมันระเบิดแล้วควันกันมันตรังสี,กราไฟต์ ลอยไกลไปถึงประเทศอื่นๆในยุโรป รวมถึงเยอรมัน ทำไมไม่มีประเทศอื่นเข้ามาช่วยหรือแทรกแทรงเลย ทั้งที่มันกระทบใหญ่เป็นวงกว้างมาก น่าจะมีประเทศอื่นๆรีบเข้ามาช่วยแบบเร่งด่วน แต่นี่แก้ปัญหากันภายในล้วนๆ ถ้าเกิดแก้ปัญหาไม่ได้ สารไหลลงแม่น้ำ ลำคลอง ทะเล ไม่ซวยทั้งทวีปเลยเหรอ ดูประเทศอื่นไม่ห่วงจะช่วยแก้ไขเท่าไหร่

เพราะประเทศที่เกิดคือโซเวียตครับ ในยุโรปตอนนั้นคือช่วงสงครามเย็นอยู่ประเทศที่นอกเหนือในเครือโซเวียตก็จะเป็นพันธมิตร Nato ทั้งหมดหรือบางส่วนก็เป็นกลาง การเข้าช่วยเหลือหรือเข้าไปตรวจสอบแทบเป็นไปไม่ได้เลย เห็นภาพขัด ๆ คือโซเวียตตอนนั้น = เกาหลีเหนือตอนนี้่

ปรับบทเยอะอยู่นะ ตัวละครหญิงคนเดียว ความจริงแทนกลุ่มนักวิทย์ที่ทำงานหน้างาน
ขั้นตอนการระเบิดก็ตัดตัวซับซ้อนออก ให้อธิบายเข้าใจง่ายแบบในศาล มันจะได้เล่าให้สบอารมณ์คนดู
ประเทศเพื่อนบ้านแถวนั้นก็โซเวียตอ่ะ พอโซเวียตบอกว่าเอาอยู่ ประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่ทำอะไร
ถึงแม้ว่าเซนเซอร์จะตัวแดงก็เถอะ
มีคนบอกว่าโซเวียตล่มสลาย มีเชอโนบิลเป็นตัวเร่ง

น่าจะมีคลิปนายอาร์มมั้ง ทำเรื่องเชอโนบิลนี้อยู่ อธิบายแบบละเอียด

ก็เพราะเป็นโซเวียตไงครับ เลยปิดข่าว กว่าประเทศอื่นจะรู้ แต่ถึงอยากช่วย โซเวียตก็ไม่ยอมให้ช่วยอะครับ

ผมชอบ2ฉากนี้ที่สุดแล้ว it'must be done กับ they heard me but they Listened to you โคตรมีพลัง
กับตอนจบ What is the cost of lies? โคตรนึกถึงประเทศไทย

แต่ในโซเวียตเองก็ดูปล่อยจอยไปไหม ปัญหาระดับนี้ปล่อยให้แก้ปัญหากัน2-3คน แถมเห็นผลกระทบจากอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐานขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมไปแก้ไขที่อื่นอีก

ดูแล้วขนลุกทุกตอน แม่งหลอนยิ่งกว่าหนังผี

ไอ่ตอนที่มันส่งคนดำน้ำไปปิดวาลน้ำอะแล้วตัดจบแบบมืดมีแต่เสียงคือโคตรอัจฉริยะ ผมยกให้เลยคือแม่งทำให้คนดูอึดอัดจัดๆแบบหายใจไม่ออกไปเลย

อึดอัดสุดๆ ผมว่าคนคิดฉากนี้สุดยอดอะ เริ่มจากบีบส่งคนไปตายในลุ้นว่ารอดไหม แล้วตัดจบแล้วเปิดมาแมร่งเอา เลกาเซฟกับบอรีสไปนั่งลุุ้นในรถแคบๆอีก

นั่นก็ระดับหัวกะทิที่สุดแล้วครับ คือของจริงมันไม่ได้มีแค่ 2-3 คนครับตามที่บอกคือเป็นทีมที่ดีที่สุดเท่าที่โซเวียตมีแล้วในตอนนั้น ช่วยกันแก้ปัญหาตามแบบที่เห็นครับ เบื้องหลังมันมีเรื่องการเมืองอีกมากครับ

จริงๆผู้เชี่ยวชาญเคยออกมาพูดแล้วครับว่าแต่งสีประมาณ 20-30% ของเรื่อง แต่ไม่ได้แย่มากเหมือนพวกฮอลิวูดที่เวลาทำพวกหนังแนวนี้แล้วชอบ Dramatize มากๆจนคนนึกว่าชีวิตจริงมันเร้าใจขนาดนั้น

อันนี้คือเปิดคอมมาตอบเลย ไม่ได้อ่านบรรทัดเรื่องนักวิทย์หญิง
จะบอกว่ายุคนั้นฝั่งโซเวียตให้คุณค่าผญมากกว่าฝั่งตะวันตกแล้วก็จริง แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดรับฟังมากขนาดเป็นแนวหน้ามาสู้อะไรขนาดนั้น

ส่วนเรื่องทำไมต่างประเทศไม่ช่วย ช่วยนะครับ จำไอหุ่นที่หย่อนลงบนหลังคาเพื่อเก็บกราไฟต์ได้ไหมล่ะครับ
อันนั้นแหละเยอรมันส่งมา ชื่อ Joker (ทุกวันนี้นอนตากลมอยู่ที่เชอโนบิลนั่นแหละเพราะเกราะมันมีแต่รังสี ลองกุกี้ "Chernobyl Joker Robot" ดู)

อันนี้ลองหาข้อมูลเพิ่มให้ จริงๆตรงนี้เป็น 1 จุดที่ซีรี่ย์ใส่สีครับ
เพราะในเทปที่อัดไว้ของ Legasov (พี่แว่นพระเอกนั่นแหละ) แกบอกว่าจริงๆแล้วหุ่นมันใช้งานได้สักพักนึงเลยแหละ แต่ฝั่งโซเวียตเนี่ย เบื้องบนเขาต้องการให้จัดการให้ไวที่สุด (มันไม่ได้ห่วงเรื่องชีวิตคนหรอก แต่มันห่วงเรื่องเสียหน้า เพราะประเทศอื่นมันเริ่มรายงานถึงรังสีที่วัดได้แล้ว) ก็เลยไปโมฯหุ่นยนต์จนแม่งพัง
่ส่วนในซีรี่ย์บอกว่าโซเวียตไปโกหกเรื่องเลขรังสีก็เลยส่งมาแบบกันแค่ระดับกลางๆก็เลยช็อต
อันนี้คลิปอ้างอิง

ส่วนอันนี้ภาพตอนส่งผ่านช็อปปี้มา : https://www.reddit.com/r/chernobyl/comments/iniu3r/the_actual_arrival_of_joker_robot_to_chernobyl/

คือต้องเข้าใจว่าตอนนั้นมันเป็นยุคท้ายๆของสหภาพโซเวียตแล้ว ซึ่งสภาพตอนนั้นง่อนแง่นมาก ปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองมันทำให้กอบาชอฟไม่สามารถยอมรับต่อโลกได้ว่ามีปัญหาจริงๆ แต่โชคดีว่าโกบาชอฟเป็นคนที่ท่าทีอ่อนกว่าผู้นำโซเวียตคนก่อนๆทั้งครุชชอฟ ทั้งเบรชเนฟ (และอีกสองหน่อที่เป็นกันอยู่ปีเดียวก่อนจะแก่ตายทั้งแอนโดพอฟและเชอเน็นโค) เลยปล่อยให้อำนาจการจัดการอยู่กับคนเชี่ยวชาญทางนี้ไป

อันนี้ขอเพิ่ม หาข้อมูลแล้วตกใจเหมือนกันว่าใส่สีเยอะ
ไอฉากที่อธิบายกระบวนการโรงไฟฟ้าและแถลงต่อหน้าสภาฯอันนั้นแต่งนะครับ
เรื่องจริงคือ โพลิตบูโร (คณะกรรมการพรรคคอมมี่ฯ)เรียกเข้าไปพบพร้อมกับพวกคณะบริหารโรงไฟฟ้า (คล้ายๆแบบในซีรี่ย์แหละ) แต่ไม่มีคนมานั่งฟังเยอะอะไรขนาดนั้น ไม่มีสื่อไม่มีกล้อง (ไอที่มีสื่อมีกล้องอันนั้นที่ไปแถลงในเวียนนา แต่อันนั้นคือแกไปโกหกหลายอย่างมาก เหมือนที่ในซีรี่ย์บอก)

เลกาซอฟก็เลยแฉตอนนั้นต่อหน้ากอบาชอฟว่ามันเป็นปัญหาการดีไซน์ตั้งแต่แรกแล้ว แถมเสนอความปลอดภัยไปก็ไม่มีคนรับฟัง กอบาชอฟก็เลยฉุนขาดสั่งลงโทษพวกนักวิทยาศาสตร์ + วิศวกรนิวเคลียร์ไปหลายคนอยู่
นั่นก็เป็นเหตุผลนึงแหละว่าทำไมเลกาซอฟถึงไม่สามารถจัดตั้งคณะกรรมการหรืออะไรได้เลยหลังเรื่องเชอโนบิล เฮียแกแฉหมดจนนักวิทยาศาสตร์เขาก็ไม่อยากยุ่งด้วย (ตามสไตล์คนยุคโซเวียตอะนะ)

้ิอ้อ อีกจุดนึงที่ซีรี่ย์แต่งสีคือ จริงๆแล้วเลกาชอฟไม่ได้โดน KGB ตามหรือเฝ้าระวังขนาดนั้นนะครับ
แต่คือสภาพจิตใจแกหลังจากเชอโนบิลเนี่ยมันแย่เอามากๆ ตอนเสร็จเรื่องเชอโนบิลแกก็ไม่ได้รับรางวัลอะไรกับคนอื่นเขา เพราะคนในวงการเหม็นขี้หน้าแกมากที่ไปแฉอะไรขนาดนั้นออกสื่อและหักหน้าคนระดับซีเนียร์อีก แถมแกป่วยจากการโดนรังสีหนักมากจนแกจะฆตตไปหลายรอบแล้ว ดีว่ามีคนช่วยไว้ตลอด

แกพยายามผลักดันเรื่องความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพราะแกรู้ว่าทุกโรงมันมีโอกาสระเบิดได้หมด (ก็มันดีไซน์เดียวกัน)แต่แกเสนอให้ใครไปก็ไม่มีใครรับฟัง ฟางเส้นสุดท้ายคือแกพยายามตั้งคณะกรรมการเพื่อหารือความปลอดภัยก็ยังโดนปฏิเสธกลับมา แกก็เลยแบบแขวนคอแม่มแบบในหนังนั่นแหละ