หัวจะปวดกับพวกหิวเงินฮะ มันไม่จอบแค่ เจ็ดแสนห้าหรอกเชื่อผมดิ
ผมนี้โชคดี ฝั่งนู้นเรียกไม่มาก มามากที่ดีเทลงานแต่งนี้แหละ คุณเมียนี้ต้องนั้นต้องนี้สรุป สามแสนแพงกว่าสินสอดอีก
ก็ต้องรีบคุยหาจุดที่รับได้กันทั้งสองฝ่ายครับ ไม่งั้นมันจะเป็นจุดเริ่มต้นของความบาดหมาง

เป็นผม น่ะย้ำว่าเป็นผม เลิกหาใหม่ ก็ต้องกู้อยู่ไปก็ไม่ความสุข อยู่คนเดียวดีกว่า

จะแนะนำให้เช่าเงินมาวางสินสอด แต่เห็นว่าจะเก็บเงินเป็นหลักประกัน ผมแนะนำอย่างนี้ละกัน
- เคลียร์กับที่บ้านให้ชัด ว่าสินสอดมีเท่านี้และไม่สามารถกู้มาได้ ให้สินสอดเท่าที่ท่านให้ได้แล้วส่วนที่เหลือก็เช่ามาวางเพื่อให้ภาพลักษณ์มันดูดี

-เลิกกับแฟน เพราะแฟนคุณไม่เข้าใจอะไรในตัวคุณเลย การกู้เงินมาใช้กับเรื่องไร้สาระมันไม่ควร แล้วให้คำมั่นว่าจะใช้ด้วยกันแค่คำพูดสำหรับผมน้ำหนักมันไม่พอ สุดท้ายท่านจะเป็นคนแบกภาระทั้งหมด

สำหรับแม่แฟนท่านที่บอกว่าเงินสินสอดเป็นหลักประกันอ่ะใช่ แต่การแต่งงานไม่ใช่หลักประกันของชีวิตคู่ งานแต่งงานให้มันเหนื่อยแค่ตื่นตี3จนถึงเสร็จงานพอ อย่ามาเหนื่อยใช้หนี้กับสิ่งที่ไม่เป็นเรื่องเลย

อ่าวพึ่งเห็นว่าคุยกับออแกไนซ์แล้ว ผมบอกเลยนะ ตั้งสติแล้วไปคุยกับทางนั้นให้เคลียร์ ถ้าไม่เคลียร์ก็สุดแล้วแต่ท่านจะทำยังไงต่อ แต่สำหรับผมวิธีการของท่านมันไม่โอเค

การแก้ไขปัญหามันง่ายมากเลยครับ เลิกกับ ผญ เลยเพราะถ้าเลยเถิดแต่งงานไปจะมีเรื่องอีกเป็นกระพรุนและจะมานั่งเสียใจย้อนหลังเพราะไม่ยอมตัดจบ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไปแล้วก็ขอรับผิดชอบเอง ชีวิตคุณจะดีขึ้นอย่างมากเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 2 เดือนนับจากวันเลิก แต่ถ้าชอบชีวิตเต็มไปด้วยปัญหาทุกวันก็แต่งเลยครับ ส่วนเงินเดือน 2 หมื่นอย่าคิดที่จะแต่งครับ สมัยนี้มันที่สุดของความไม่พอเลย ไม่ต้องไปนึกถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆอย่างเรื่องบ้านเลยครับ อ่านแล้วปลง

อ่าว เพิ่งเห็นว่าedit ว่า แจกการ์ดจองไรต่างๆไว้หมดแล้ว

แบบนี้ ก็...มีสองทางอะ ไม่บังคับฝ่ายใดฝ่ายนึงมัดมือชกไปเลย

นั่นก็คือ กุมีสินสอดเท่านี้จะเอาไหม ต้องเอาแล้ว ไม่งั้นงานแต่งล่มนะ

(เอาจริงๆนะ ถ้ายังไม่ได้มัดจำไรเยอะแยะ ก็ยกเลิกไปเถอะ)

ถ้าเอาแบบโฉดๆ เลยก็ ท่านทำแฟนท้องครับ ยังไงก็ต้องยอมเรา

ระวังแต่งไปเดือนเดียวแฟนขอหย่านะครับ ถึงขนาดบอกให้กู้เงิน 500,000 มาเป็นสินสอด แล้วไม่คืนด้วย

คนดีๆที่ไหนเค้าทำกัน ผมว่านะพูดกันตามประสาเพื่อน ss เตือนด้วยความหวังดีเลย เลิกได้เลิกครับ

แล้วอย่าฝืนจนตกกระไดพลอยโจนกู้เงินมาแต่งเค้าจริงๆนะ หายนะชัดๆ

ถ้ากลัวชาวบ้านจะนินทา


เด๋วนี้เขามีบริการให้เช่าสินสอด สำหรับโชว์ในงานแต่ง แล้วนะครับ
พอจบงาน ก็คืนสินสอดไป

หรือ เงินสินสอด ก็เงินเก็บของเรา
แค่เอามาวางโชว์เฉยๆ แต่ต้องคุยตกลงกันให้ดีนะครับ

ค่าบ้านแฟนช่วยผ่อนไหมครับ

อย่ากู้เงินมาจัดงานเด็ดขาดครับ เริ่มต้นก็ติดลบแล้ว

ท่านลองคำนวณดูว่าท่านใส่เงินสุดๆได้ที่เท่าไหร่ จากนั้นก็เอาตัวเลขนั้นมาบริหารเป็นค่าจัดงานและสินสอด แล้วเข้าไปคุยกับฝ่ายหญิงดู ยื่นคำขาดไปว่างบท่านสุดๆมีเท่านี้ แล้วให้เขาเลือกเอาว่าจะแต่งเลยหรือรอเก็บเงินให้ได้จำนวนที่เรียกมา ถ้ายังคุยตกลงกันไม่ได้อีกก็บายเถอะครับ พวกค่าใช้จ่ายที่จองไว้มันนิดเดียวเมื่อเทียบกับยอดหนี้ที่ท่านต้องใช้หลังงานจบ

ุคำตอบผมอาจไม่ถูกใจท่านน่ะ แต่ผมเชียร์ให้เลิกดีกว่าครับ ผ่อนทั้งบ้านทั้งเงินกู้ต่ำๆท่านได้คำนวนไหมว่ากี่สิบปี ในเมื่อท่านมีภาระอยู่แล้วถ้าแฟนท่านรอให้ท่านหมดภาระไม่ได้ บางทีท่านควรยอมปล่อยมือดีกว่าครับ "ทางนั้นบอกจะช่วยกันผ่อนเงินส่วนนี้ครับ"ได้สอบถามไหมครับ ช่วยทำไรยังไง เพราะสุดท้ายถ้าช่วยไม่กี่เดือนหรือปี2ปีสุดท้ายท่านก็แบกรับหนี้ที่เหลืออยู่ดี จะกลายเป็นท่านจะไม่รอดเอา ในแง่ร้ายสมมติกู้มาแต่งแล้วไม่รอดเลิกกัน เศร้า+หนี้ จุดจบไม่สวยอ่ะครับ

ไม่อยากคิดสภาพเลยครับถ้ากู้มาแล้วบังเอิญได้หย่ากันจริงๆ

ใช้หนี้อ่วมแน่ๆ แล้วสินสอดก็น่าจะอดด้วย

Mind set เรื่องเงินท่านดีนะ ผมว่าอนาคตดีๆกำลังรอท่านอยู่ครับ อาจจะไม่รวยล้นฟ้าแต่ผมว่าท่านจะไม่จนแน่ๆ

แต่คนที่ Mind set ขอให้กู้เงินมาเพราะเสียหน้าไม่ได้เนี่ย ผมว่าอนาคตเรือหายแน่นอนครับ

ผมยังไม่อยากเชียร์ให้เลิกกัน อยากให้พูดคุยกันดีๆ ฝัง Mind set เรื่องเงินให้เค้าเยอะๆ ถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยเลิกครับ

ดูยังไงก็ไม่ไหว

เล่าประสบการณ์พี่ชายผมละกัน เงินสี่แสน ทองสี่บาท

พี่ผมเงินเดือนพอๆกับท่านเลย ตอนแต่ง

บ้านผมขอลดสินสอด ผญ ไม่ยอม งอแง จะขอเลิก

แต่ตอนนั้นลำบากตรง ผญ ท้อง บ้านผมเลยยอม

สี่แสน ทองสี่บาท ค่าจัดงาน ฝ่ายชายออกเกือบหมด ซองฝ่ายหญิงเก็บ

พึ่งหย่าไปเอง 555555

เอาเรื่องเงินมาเป็นตัวตั้ง เห็นแววเละแต่ต้นเลย

ถ้าแฟนคิดเองไม่ได้ ยังยืนยันจะให้กู้มาแต่ง ผมก็ไม่แต่ง แล้วก็จะไม่เอามาเป็นคู่ชีวิตด้วย