ตกใจ 1 คือแฟนดันไม่ช่วยพูดอะไรเลย (ถ้าเอาตามที่ท่านเล่า)
ตกใจ 2 คือแฟนท่านดันแนะนำให้กู้ซะงั้น (ทำเอามองแฟนท่านในแง่ไม่ดีเลย)

เป็นกำลังใจให้ครับ หวังว่าจะหาทางออกที่ดีที่สุดเจอไวๆนะครับ

เป็นล้านก็เกินไปผู้หญิง 40 มีลูกก็ยากแล้ว

เป็นผมปล่อยจอยค่อยๆถอยความสัมพันธ์ออกมา แค่เริ่มก็เครียดละ

ไม่คุ้มที่จะไปกู้เพื่อมาจัดงานนะ ในอนาคตตัวเราเองถ้าซื้อบ้านก็ติดปัญหาเรื่องบ้านด้วย

ประเด็นคือแฟนคุณเค้าตามใจพ่อแม่ไง และ ยืนยันมาแบบนี้ ไม่เข้าใจสถานการณ์ของเราเลย

ขึ้นอยู่ที่ท่านจัดสินใจแล้วละ เลื่อนงานไปตอนพร้อมมั้ย ถ้าทางนั้นไม่ยอมอีก ถอยออกมาน่าจะดีที่สุด

เลิกไปเถอะครับ เริ่มต้นด้วยการเป็นหนี้เนี้ยนะ ขอโทษนะครับที่ต้องพูดตรงๆ ถ้าเลิกกันไปท่านแบกค่าใช้จ่ายพังเลยนะครับ

จริงๆ ต้องคุยกันเอง2คนก่อน ว่าไหวแค่ไหน เรื่องสินสอด อะไรแบบนี้
แล้วค่อยให้ ฝ่ายหญิง ไปถามทางบ้านว่า โอเคไหม
ถ้าไม่โอเค จะได้ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่ไปเจอกัน ให้กระอักกระอ่วน

แต่ถ้ามาถึงตอนนี้แล้ว ถ้าต้องกู้ อย่างที่คนอื่นๆบอก อย่าเลย

หลังแต่งงาน ไม่เหมือนกับตอนเป็นแฟนนะ
มันจะมีความเครียดอีกหลายอย่างที่ ไม่เหมือนตอนเป็นแฟนอ่ะ
แล้วยิ่งตั้งใจมีลูกนะ + กู้เงินมาอีก เครียดหนัก

ไปยกเลิกที่จองๆ ไว้ก่อน เผื่อ ได้เงินกลับมาบ้าง

จะว่าผมมองโลกในแง่ร้ายก็ได้น่ะ ท่านเงินเดือน2หมื่นใช้แบบเดือนชนเดือน กู้มาเพื่อแต่งงานอีกเกือบ7แสนไม่รวมดอก ผ่อนกี่ปี แล้วถ้าสมมติมีลูกจะทำยังไง บ้านฝ่ายหญิงจะช่วยหรอเพราะขนาดตอนนี้ยังไม่ช่วยเลย แล้วพอมีปัญหาเรื่องเงินก็ทะเลาะๆๆแล้วเลิก สรุปท่านแบกหนี้ฝ่ายเดียว เป็นผมยอมเริ่มใหม่ดีกว่า ถึงรักแค่ไหนจะว่าเห็นแก่ตัวก็ได้

เลิกครับ เอาจริงนะ อย่าไปยอมกู้นะครับ เป็นหนี้ เราจ่ายหนี้คนเดียว แต่ถ้าชีวิตรักพัง ตอนหย่า สินทรัพย์ /2 นะ
ชีวิตท่านจะมีแต่เสียกับเสีย ผมหวังว่า ท่านจะไม่บ้า ไปกู้ เพื่อจ่ายสินสอดนะครับ

ชีวิตหลังจากแต่งงานเป็นหนี้ แตกต่างจากก่อนแต่งงานนะครับ บอกไว้เลย

อายุจะ 40 แฟนยังคิดเรื่องกู้เงินก่อนแต่งไม่ได้ ผมว่าพีคิดใหม่เฮอะ เผลอๆ แต่งไป ไม่ happy จะมีแต่ทุกข์เอา

บ้านผู้หญิง อยากได้หน้า ก็เอาเงินมาช่วยโป๊ะดิ หน้าบางมากนัก จนไม่เจียมกะลาหัวจัดๆ

เพิ่งอ่านเห็นว่าแจกการ์ด เลยอยากจะให้ความเห็นเพิ่มเติมหน่อย

คบกัน 2 ปี ยังคงสดใหม่ เข้าใจได้นะครับว่ายังเอาความรักเป็นตัวนำความคิด

แต่จากประสบการณ์ 2 ปีสั้นมากครับ ชีวิตคู่มันระยะยาวมากๆ ประคองความรักเฉยๆก็ยากมากๆแล้ว นี่ประคองไปพร้อมหนี้ ในระยะเวลาที่คบกัน บทพิสูจน์มีทุกคู่นะครับ และคุณจะผ่านมันไปได้ยากมาก ถ้าเริ่มจากติดลบ

อายุเลข 4 จริงๆเป็นวัยที่ต้องเตรียมตัวเพื่อตัวเองแล้ว โรคภัยเริ่มรุนแรงขึ้น ค่ารักษาตัวเองต้องมี เวลาทำงานเหลืออีก 20 ปีนิดๆ คุณเงินเดือนคือไม่เยอะมากนะ เงินออมก็จะออมได้น้อยลง ถ้าคุณเอาตัวเองไปแบกหนี้สินเพื่อความรักตอนนี้ แบกหนี้ไปอีกสมมุติ 10 ปี กว่าจะตั้งตัวได้ แก่ไปอาจจะลำบากได้นะ

เคารพการตัดสินใจนะ แต่ถ้าเปิดโอกาสให้ตัวเองโดยการโพสถามแล้ว ก็อย่าปิดกั้นตัวเองเพียงเพราะความรัก เก็บไปคิดเยอะๆ เพราะช่วงวัยนี้ โอกาสแก้ตัว น้อยมาก วัยรุ่นอาจจะพร้อมเดินทางขรุขระเพื่อความรักนะ เพราะยังมีเวลาให้แก้ตัว แต่กับวัยใกล้เลข 4 มันจะไม่ใช่ทางขรุขระแล้ว คุณอาจจะเอาตัวเองไปเดินเล่นขอบเหวแทนก็ได้

อายุใกล้จะสี่สิบแล้ว แต่มีความคิดที่ว่าให้กู้มาจ่ายสินสอดนี่ผมว่ายังไงๆอยู่นะครับ

เรื่องจ่ายเงินเตรียมจัดงานไปแล้วอาจจะดูขี้ปะติ๋วไปเลยถ้าเทียบกับหายนะที่อาจจะเกิดขึ้นถ้าเดินหน้าต่อ

แฟนพี่ รักพี่จริงไหมครับ ทำไมจะแต่งงานกันแต่ไม่เห็นใจกัน
เริ่มชีวิตคู่ด้วยการเป็นหนี้ มันไม่โอเคเลยนะตามความคิดผม

ไม่ได้อยากเชียร์ให้เลิกนะครับ แต่อนาคตถ้าคบต่อมีแต่ความลำบากครับ ถ้าพี่รักแฟนแล้วแฟนก็รักพี่จริงไม่อยากเลิกกัน แนะนำว่าอย่าแต่งครับ จัดงานแต่ง มีปัญหากันแน่นอน

คนเลิกกันเยอะครับกับปัญหาสินสอด ประเพณีบ้าบอ

เริ่มก็ไม่สวยแล้ว เป็นผมๆคงไม่ไปต่ออะครับ หรือขอยกเลิกงานอะอยู่ด้วยกันก็พอ ถ้าเค้าไม่โอเคก็แยกย้ายเลย

ถ้าแนะนำให้กู้เพื่อสินสอดความคิดนี้ก้แย่ละ แลเวไม่บอกสินสอดแต่แรกอีก

ยืนยัน ยื่นคำขาดไปบ้างสิว่ายังไงก็ไม่กู้ ไม่งั้นต้องกู้ร่วม ไปจดทะเบียนก่อน ไม่งั้นไม่กู้

แต่เอาจริงๆนะ อย่าแต่งเลย บอกแค่นี้

ถ้ากู้มาจริงๆ ทางนั้นบอกจะช่วยกันผ่อนเงินส่วนนี้ครับ แต่ผมเพิ่งจะสร้างบ้านเสร็จไป นั่นก็หมายความว่าตอนนี้ผมกำลังผ่อนบ้านของผมอยู่เหมือนกันครับ ซึ่งถ้าจะรวมค่าผ่อนบ้าน กับเงินกู้ที่จะกู้มาอีก ผมต้องเสียเงินเดือนไปเกือบหมดเลยไปกับค่าผ่อนหนี้ แล้วก็จะเหลือใช้อีกนิดเดียว ผมได้อธิบายกับแฟนไปแล้วด้วยเรื่องนี้ แต่เธอก็ยังยืนยันคำเดิม