พอดีตามอ่านไม่หมด สรุปว่าเจ้าของมู้ จะเอายังไงครับ

แต่ถ้าให้แนะนำนะ คบกันแค่ 2 ปี อายุก็เยอะกันแล้ว แถมเรียกมาขนาดนี้ ผมแนะนำให้เลิกเถอะครับ ถ้าฝั่งผู้ใหญ่ยังยืนกรานจะเอาเท่านั้น ไม่งั้นคุณจะเริ่มตั้งตัวได้ตอนไหน หรือถ้าจะให้แฟร์ๆ ก็เป็นหนี้ร่วมกับแฟนไปเลย

ผมเงียบครับ ตอนนี้ เมื่อวานเกือบตัดสินใจเอารถไปเข้าแล้วครับ ก่อนที่จะมาโพสถามในนี้ แต่ที่บ้านไม่เห็นด้วยเลยครับ ที่จะทำแบบนั้น ผมก็เลยหยุด ยังไม่ทำอะไรซักอย่างเลย ให้มันค้างแบบนั้นไปก่อน ถ้ายังห่วงภาพลักษณ์ขนาดนั้นอะครับ

แฟนท่านมันก็ปัญญาอ่อน อายุหลัก4กันแล้ว ยังจะตามผู้ใหญ่ เลิกไปเหอะ

จบนะ

ทำแบบนี้ก็ดีครับ เราต้องหัดแข็งไว้บ้างครับ เห็นแก่ภาพลักษณ์มากไปทำชีวิตหลังจากนี้ลำบากก็ไม่ใช่เรื่องเลย

กลัวชาวบ้านเขานินทา แต่ตอนไปกู้เงินมาชาวบ้านพวกนั้นไม่ได้มาช่วยคุณใช้หนี้นะครับ แล้วสรุปงานแต่งนี้ทำเพื่อใคร

เพื่อชาวบ้านเพื่อพ่อแม่หรือเพื่อตัวบ่าวสาวเอง ลองตกลงดูมั้ยครับว่าสินสอดก็ตามที่คุณไหวนั่นแหละ

ส่วนถ้ากลัวอายชาวบ้านนัก ก็ให้รวมๆเงินกันลงไปกองๆไว้ให้มันดูเยอะก็ได้ คิดซะว่าทำเพื่อบ่าวสาวและก็ทำเพื่อรักษาหน้าญาติๆ

เงื่อนไขที่สร้างๆกันขึ้นมาก็ต้องช่วยกันแก้ ไม่ใช่ให้มาลงกับคุณฝ่ายเดียว

ถ้าการเงินคุณเท่านี้แล้วไปแต่งงานกับคอนดิชั่นแบบนี้ก็ ไม่ต้องโทษใครเลยครับ...

ผมมองว่าคุณทำผิดไปเรื่องนึงนะครับ....
เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

เรื่องค่าสินสอด ค่าจัดงานแต่งงานอะไรต่างๆ
คุณควรคุยกับ แฟน แค่สองคน

ไม่ควรพามาคุยต่อหน้า ผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะฝ่ายไหน
ผช. ควรคุยกับ ผู้ใหญ่ฝั่งตน ให้เรียบร้อย
ผญ. ก็คุยกับ ผู้ใหญ่ฝั่งตน ให้เรียบร้อย

จากนั้น ผช.ผญ. ก็มาปรึกษากันเองว่าจะมาพบกันครึ่งทางกันยังไง
ถ้าตกลงได้แล้ว ให้แต่ละฝ่าย นำข้อตกลงไปคุยกับฝั่งตัวเอง

ไม่ให้ ผู้ใหญ่ต้องมาวุ่นวาย หรือมาเผชิญหน้ากัน
ทำให้เสียบรรยากาศ เสียความสัมพันธ์ครับ

ส่วนที่ ผญ. ลุกหนี ตอนคุยกันค่าสินสอด...

ผญ.อาจเสียมารยาท แต่พอให้อภัยได้นะ
อารมณ์ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็แบบนี้ ถ้าเขาเป็นคนตรงไปตรงมา ก็แสดงออกเลย ว่าไม่พอใจ
ซึ่งเขาไม่ผิด...ผิดที่คุณนำเรื่องนี้มาคุยต่อหน้าคนอื่น..
มันทำให้ ผญ. รู้สึกเสียหน้าครับ

ส่วน ผญ.จะรักคุณ หรือไม่ คุณรู้ดีที่สุด
เขารักคุณ แต่เขาก็ต้องรักตัวเขาเองด้วย
จะมาบอกว่า เขาไม่รักคุณเลย ผมว่า มันก็ไม่ใช่...
คุณอย่ามองแค่ตัวเองฝ่ายเดียว
มองถึง ฝั่งผญ.ด้วยนะครับ ใจเขาใจเรา

ใครบอก ผญ. ไม่เสียเปรียบ...
นี่แสดงว่า ผช. ที่คิดแบบนี้ เห็นแก่ตัวมาก

ใครบอกให้เลิก
ผมว่า คุณต้องคิดให้ดีๆ
คำเตือน นั้นฟังได้
แต่ ความรักของคนสองคน
ไม่มีใครเข้าใจ มากกว่าคุณแน่นอน

ปัญหาของคุณคล้ายกะของผม
เพียงแต่ว่า ไม่มีผุ้ใหญ่ มาก้าวก่ายมากมาย

เรื่องค่าสินสอด ค่าจัดงานแต่ง แฟนผม ก็ช่วยในส่วนนึง
แล้วเงินทั้งหมด ก็ยกให้ทางฝั่ง ญ
ส่วนเขาจะจัดการยังไง ก็เรื่องเขา จะคืนเรา หรือเก็บไว้เอง
ผมไม่ไปยุ่งเลย เพราะตั้งใจแต่แรกว่า จะยกให้ครับ

งานแต่งงาน ทุกคนล้วนมีปัญหากันทั้งนั้น
มากน้อยก็แล้วแต่คน..
เรา ผช. อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยครับ

ถ้าเรารักเขาจริง....
ยอมได้ก็ยอม ถ้าเรื่องแค่นี้ยอมไม่ได้ อย่าไปแต่งครับ อนาคตมีปัญหาแน่นอน
หนักนิดเบาหน่อย ก็อภัย
ปัญหาเรื่องเงิน ต่อไปย่อมมี...อันนี้แค่บททดสอบแรกของเรา
ว่าจะจัดการให้ผ่านไปได้ไหม
อะไรที่เราสละได้ ก็ควรสละ ควรทำ
เราไปพราก ลูกสาวเขามา ร่วมชีวิต
ก็ควรทำอะไรให้ ทางเขารู้สึกมั่นใจในตัวเราครับ

พ่อแม่เขาเลี้ยงอบรมดูแลแฟนเรามาจนโต ให้กลายเป็นคนสำคัญสำหรับเรา
ก็ถือว่า เป็นสิ่งที่เราควรตอบแทนเขาด้วยเช่นกัน
ถ้าเป็นลูกสาวคุณ คุณก็คิดไม่ต่างจากเขาหรอก....


ขออวยพร ให้คุณแก้ปัญหาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ให้ได้สมรส ได้ครองคู่อยู่ด้วยกัน อย่างมีความสุขครับ

ปัญหาคือล็อกวันแต่งแล้ว แต่พึ่งคุยเรื่องสินสอด
ผมพยายามไม่มองแง่ลบมากนัก
คิดแค่เขาห่วงหน้าตา กับอยากมั่นใจได้ว่าเรามั่นคงพอ
ถ้าหนาบางจริงเขาก็ไม่หักกับท่านหรอก จะแต่งอยู่แล้วเลิกกลางทางเขาก็เสียหน้า
เจรจาใหม่เลย คุยดีๆ ใช้เหตุผลกว่าเดิม อาจจะลงตัวครับ

ความเห็นผม ทางท่านต้องหนักแน่นเลยว่า ไม่กู้มาแต่งเด็ดขาด กู้ร่วมก็ไม่ควร
ถ้าจะกู้ วางแผนเลย กู้มาทำธุรกิจ ต่อยอดเงินที่กู้
ช่วยกันทำมาหากิน หรือขอเวลาหาเงินเพิ่ม แบบนี้คุยกันได้

เงินกู้ไม่ควรกู้มาใช้จ่ายอะไรฟุ้งเฟ้อต่อยอดไม่ได้แบบนี้ครับ

ใช้เหตุผลเราเข้าไว้ครับ ไม่ใช่ไม่รัก แต่มันต้องคุย และเข้าใจ

คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่ชีวิตคู่เราเลือกได้ ฝากไว้แค่นี้ครับ

ญ เอาตามพ่อแม่ พออยู่ๆไปก็เอาตามพ่อแม่ไปเรื่อยๆ ปสด แน่นวล


เลิกดีกว่า ไม่ต้องเป็นหนี้ระยะยาวด้วย

ทำงานเงินเดือน 20000 บาท
สินสอด 500000 ทอง 5 บาท ค่าจัดงานอีก 250000 รวมแล้วกลมๆ ประมาณ 1 ล้านบาท
ถ้าไปกู้มาจัดงานแต่งเต็มจำนวน
ใช้เวลา 50 เดือนในการผ่อนชำระเงินต้นยังไม่รวมดอกเบี้ยเงินกู้

คุณถามครอบครัวแฟนเถอะครับ อยากให้ลูกสาวอยู่กับคนที่มีภาระทางการเงินแบบนี้จริงๆเหรอครับ

เรื่องสินสอดอยากอวดอยากโชว์ มีคนให้บริการให้เช่าเงินเอามาวางอวดชาวบ้านนะครับ แต่เอาจริงๆเก็บเงินไว้ใช้ชีวิตในสภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้คุ้มกว่าเยอะ
็็

ปล่อยค้างไม่ช่วยอะไรครับ ฝั่งนั้นก็จะคิดว่าคุณกำลังไปหาเงินมาแต่งอยู่ ได้แต่งแน่นอน

คุณต้องกลับไปบอกครับว่า 5 แสน ทอง 5 บาทไม่ไหว
มีแค่ 2 แสน ทอง 1 บาท ถ้าห่วงหน้าตาก็ช่วยวางเงินเพิ่มหน่อย ขาด 3 แสน ทอง 4 บาท ก็แบ่งกันวางคนละครึ่ง
พ่อแม่คุณช่วย 1.5 แสน ทอง 2
พ่อแม่เขาช่วย 1.5 แสน ทอง 2
จบงานคืนส่วนที่ช่วยวางให้ครบทุกบาททุกสตางค์

ถ้าจะให้กู้ ขอให้แฟนกู้ร่วม/ช่วยค้ำ

ถ้าไม่มีสินสอด หรือน้อยมันทำเขาเสียหน้าทางสังคมขนาดนั้น เราออกจากสังคมเขาดีกว่าครับ ไม่ได้บอกว่าห้ามให้สินสอดกันนะ แต่มันเกินกำลังเราไปหน่อย และเมื่อเขารู้ว่าเกินกำลังก็ยังไม่มีการประนีประนอมอีก พอจบ

ผมไม่แนะนำให้กู้เพื่อมาแต่งครับ หนี้นี้คือหนี้ระยะยาวที่ต้องรับผิดชอบและเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดผลกำไรหรือผลประโยชน์ใดๆเลยครับ
ก้อนหนี้ขนาดหนี้ ตีนก่ายหน้าผากแน่นอนครับ5ปี

ทางออกเรื่องนี้มีอย่างเดียวคือเปิดอกคุยกับทางผู้หญิงและทางผู้ใหญ่ถึงข้อดีข้อเสีย
ถ้าทางผู้ใหญ๋เค้าไม่ยอมก็คงต้องแจ้งเวลาไม่พร้อม แล้วขอเวลาไป 2ปี3ปีว่าไปครับ
แต่ถ้ายังดึงดันว่าจะแต่งให้ได้ก็คงต้องคุยเรื่องของสินสอดให้ลดลงมาอยู่ในเกณ์ที่เรารับผิดชอบไหวครับ

สินสอดนี่คืนรึเปล่าถ้าเก็บผมว่าเกินไป เคสของผมก็หามาวางกองไว้ แต่พ่อตาแม่ยายเขาไม่ได้เก็บ

ก็คืนเรามาทั้งหมด เงินที่ไปหามากองก็คืนๆไป จริงๆน่าจะคุยให้เคลียร์ตั้งแต่ตอนนัดคุยเลย สุดท้ายถ้าไม่ไหว

ก็ยกเลิกงานแต่งไปก่อนก็ได้เจ็บน้อยดีกว่าเจ็บมาก อยู่ๆไปก่อนพร้อมค่อยแต่งก็ได้ครับอย่าไปยึดอะไรมาก

ถ้าแฟนรักเราจริงเขาต้องเข้าใจ

mindset เรื่องการเงินนี่โคตรสำคัญ นี่แค่เริ่มต้นเลย

ต่อไปเจ็บไข้ได้ป่วย หรือมีญาติพี่น้องต้องช่วยเหลือ ถ้ามาทรงแบบนี้ปวดหัวยาวแน่นอน