[RE: ผมเครียด เรื่องสินสอดหว่ะครับ]
nakata2009 พิมพ์ว่า:
Kurt Bunker พิมพ์ว่า:
nakata2009 พิมพ์ว่า:
Kyle_Rayner พิมพ์ว่า:
อันนี้ถามนิดนึง ตอนแรกคุณไปถามแล้วแม่แฟนบอกเอาให้พอเหมาะ แต่ตอนหลังที่มาเรียกสินสอดจัดเต็มแล้วต่อรองไม่ได้ นี่คือหลังคุณตกลงจะแต่ง แล้วเตรียมงาน ไปแล้วใช่ไหม แบบ เชิญแขกไปแล้ว ไรงี้ค่อยเรียกสินสอด ใช่ป่าวครับ ตรงนี้ผมว่าสำคัญนะ
ผมอาจจะเข้าใจผิดนะ
แต่ผมว่าถ้าซีเรียสว่าต้องมีสินสอดขนาดนั้น ควรรีบบอกป่าว ฝ่ายชายจะได้มีเวลาเตรียมตัว หาเงิน หรือถ้าไม่ไหวก็มีเวลาเผื่อคุย ไม่ไหวสุดๆก็ยังถอยได้ มาบอกตอนงานเดินไปแล้ว ถอยยากแล้วนี่ไงดี
เคยถามไปรอบนึง ตอนมาที่บ้านผมครับ แกอ้ำอึ้งที่จะพูดค่าสินสอดครับ พูดไม่ออกกัน แต่รอบล่าสุดนี่ กว่าจะพูดออกมาได้สินสอดเท่านี้ ก็ต้องเค้นถามจนยอมพูดออกมา วินาทีนั้น ผู้ใหญ่ฝ่ายผมตกใจมากครับ เลยเจรจาต่อรองไปครับ แฟนผมลุกเดินหนีเลยครับ (อันนี้ผมไม่เห็นด้วยมากเลย เพราะทำเหมือนไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ทางผมเลยครับ) แฟนผมมองว่าผมให้เงินน้อยเกินไป และคิดว่าผมไปดูถูกด้วย ที่เสนอเงินแค่นั้นไป ผมต้องเดินตามไปคุย ไปง้อ แต่เธอก็ไม่พูดอะไรเลยครับ เอาแต่โกรธ จนผมทนไม่ไหวก็เดินหนีออกมา แล้วก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ จนแยกย้ายกันกลับบ้านเลยครับ
ที่ผ่านมาแฟนท่านรักท่านมากไหม ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันขนาดไหนครับ
ก็รักกันดีนะครับ แต่มีบางครั้งก็ทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องบ้าง เป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว ขี้งอน ซึ่งผมต้องคอยตามง้ออยู่ตลอด เธอซื้อประกันสุขภาพ แล้วก็ทำประกันชีวิตให้ผมด้วยนะครับ สรูปแล้ว ผมคิดว่าเธอก็รักผมอยู่ แต่ด้วยเธอเป็นคนแบบนั้น ซึ่งพอมองจริงๆ มันก็ไม่ดีเท่าไหร่เลยครับ
แหม ถ้าใครเจอช๊อตลุกหนี ผมว่าตัดสินใจได้ง่ายเลยนะ
แต่อย่างว่าพอเป็นเรื่องตัวเองมันตัดสินใจยากกว่า
ไอเรื่องทำประกันชีวิตให้ ชื่อใครรับผลประโยชน์ครับ
ยิ่งเล่ายิ่งคล้ายเรื่องพี่ผม ประกันสุขภาพก็ทำให้เหมือนกัน
แต่พี่ผมออกตังนะ 55555
ท่านลองถอยตัวเองออกมาห่างๆ คิดซิ ถ้าเป็นเพื่อน เป็นพี่ชายน้องชายท่านเจอแบบนี้
ท่านจะแนะนำให้เค้าทำยังไง
ที่คนในนี้แนะนำ ผมว่าเค้าห่วงท่านกันทั้งนั้นแหละ
แต่สุดท้ายการตัดสินใจก็อยู่ที่ท่านแหละ ค่อยๆคิดดูครับ
อย่าไปคิดว่าฝ่ายหญิงเสียเปรียบ
เราก็ลูกมีพ่อมีแม่ เค้าก็เลี้ยงเรามาดีไม่แพ้ฝ่ายหญิงหรอก
จะมามองว่าชายได้เปรียบ หญิงเสียเปรียบ มันไม่ใช่เรื่อง