ข่าวนักท่องเที่ยวเสียชีวิต
ไฟไหม้โรงแรม เซ่น 3 ศพ ในย่านข้าวสาร คลอก "พญ.บราซิล"สยอง
เพลิงนรกไหม้โรงแรมดังย่านถนนข้าวสาร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้รถกระเช้าไปช่วยเหยื่อกว่า 30 คน ที่หนีไปอยู่บนดาดฟ้าลงมา ได้อย่างปลอดภัย ต้องระดมฉีดน้ำกว่า 1 ชม.จึงสงบ สลดพบศพแพทย์หญิงชาวบราซิลเสียชีวิตอยู่ในห้องเกิดเหตุชั้น 5 ทั้งที่ไม่ใช่ห้องพักตัวเอง สอบแฟนหนุ่มชาติเดียวกันเผยเพิ่งขอ เหยื่อแต่งงาน ไม่ทันได้เข้าพิธี ระหว่างเกิดเหตุจับมือ แฟนวิ่งฝ่าควันหนาทึบแต่เกิดหลุดมือ ตัวเองไปโผล่ ระเบียงชั้น 3 กระโดดลงมาบาดเจ็บ คาดเหยื่อคลำไป ตามกำแพงพบประตูห้องต้นเพลิงที่ไม่มีคนอยู่ หลงเข้าไปจนถูกไฟคลอกเสียชีวิต
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าหลังจากเจ้าหน้าที่นำผู้บาดเจ็บชายชาวต่างชาติที่สำลักควันหมดสติในที่เกิดเหตุ แต่ไปเสียชีวิตที่ส่ง รพ.ราชวิถี 1 คน และมีชายชาวต่างชาติไปเสียชีวิตที่ รพ.วชิรพยาบาล อีก 1 คน รวมมีผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้โรงแรมดิเอ็มเบอร์ โฮเทล 3 ศพ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสำลักควันอีก 1 คน
ที่มา .....
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2833803
อันนี้เหตุเกิดวันที่ 29 ธค.ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวจ่ายให้ศพละ 1 ล้านบาท คุณหมอน่าสงสารเพราะพึ่งจะมาหมั้นที่ไทยแล้วจะกลับไปแต่งงานที่บ้าน แต่มาเสียชีวิตก่อน โรงแรมเป็นอาคารดัดแปลงขนาดเล็ก ไม่เข้าข่ายต้องติดสปริงเกิ้ล แต่ทางหนีไฟนี่สิ ยังถกเถียงกันอยู่
รพ.ช้างกระบี่ เปิดสาเหตุ "ช้างตกใจ" ทำร้ายนักท่องเที่ยวสเปนเสียชีวิต
รพ.ช้างกระบี่ เผยสาเหตุ "พังสมบูรณ์" ช้างในปางช้างแห่งหนึ่งบนเกาะยาวทำร้ายนักท่องเที่ยวสาวชาวสเปนเสียชีวิต เกิดจากสัญชาตญาณเมื่อถูกสัมผัสงวงแบบฉับพลันหลังนักท่องเที่ยวลื่นไถลลงบ่อน้ำ-ควาญช้างไร้อุปกรณ์ควบคุม ตั้งคำถามการเลี้ยงช้างมือเปล่า
วันนี้ (7 ม.ค.2568) โรงพยาบาลช้างกระบี่ Krabi Elephant Hospital โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า สำนักข่าวต่าง ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศข้อเท็จจริงรายงานด้วยโทนที่แตกต่างกัน โดยผู้เสียชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวสาวจากประเทศสเปน มาพักผ่อนที่เมืองไทยพร้อมกับแฟนหนุ่มหลังจากสำเร็จการศึกษา เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2568 โดยได้มาท่องเที่ยวแบบธรรมชาติที่ปางช้างแห่งหนึ่งบนเกาะยาว จ.พังงา จนถูกช้างทำร้ายเสียชีวิต
จากกการสอบถามพูดคุยกับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ทราบว่าช้างพังสมบูรณ์ ตัวเมียอายุ 45 ปี นั่งหมอบในท่า dog sitting ในสระน้ำ ระดับน้ำประมาณ 1 เมตร และต่อมาคุณการ์เซีย (ผู้เสียชีวิต)ได้เดินมาที่บันไดในสระน้ำและลื่นไถลลงมา ด้วยความตกใจจึงไถลไปเกาะที่งวงช้างที่นั่งหมอบอยู่ข้าง ๆ
แต่สัญชาตญาณช้าง มักไม่ใคร่ให้ใครจับสัมผัสงวงแบบฉับพลันเช่นนี้ จากนั้นจึงเกิดเหตุตามมาคือช้างใช้งวงกดร่างนักท่องเที่ยวไปกับขอบสระด้วยความตกใจ โดยที่ควาญช้างไม่สามารถหยุดยั้งพฤติกรรมได้อย่างทันท่วงที ด้วยมือเปล่า
คนเลี้ยงช้างส่วนใหญ่ทราบดีว่าหากสิ่งใดตกหล่น หรืออยู่เบื้องหน้าช้างแบบฉับพลัน ช้างมักจะแสดงอาการตกใจด้วยการใช้งวงกดสิ่งนั้นให้หยุดเคลื่อนไหว บางเชือกอาจใช้งากระแทก เท้าเตะ สิ่งที่พอจะเรียกสติช้างและหยุดยั้งแบบฉับพลันได้ คือ อุปกรณ์ควบคุมช้าง เช่น ตะขอ มีดปลายแหลม แต่มากกว่านั้นคือการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับนักท่องเที่ยว ไกด์ คนภายนอกให้เข้าใจพฤติกรรมช้าง และข้อควรระวังก่อนทำกิจกรรมร่วมกับช้างทุกครั้ง
"การเลี้ยงช้างแบบมือเปล่า หากเกิดเหตุไม่คาดคิด ไม่มีใครช่วยเหลือใครได้ มีแต่จะเกิดความสูญเสีย อีกทั้งไม่แฟร์ต่อนักท่องเที่ยวที่เขาไม่รู้จักช้าง คิดว่าช้างสัตว์กินพืชไม่มีพิษภัย? และที่สำคัญไม่แฟร์กับช้างที่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรอันเกิดจากสัญชาตญาณตามธรรมชาติของเขาเอง"
ที่มา .....
https://www.thaipbs.or.th/news/content/347942
เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันจริงๆ แต่การที่ให้นักท่องเที่ยวใกล้ชิดช้างเกินไป ก็มีความเสี่ยงสูง การเลี้ยงช้างแบบมือปล่าว ไม่มีควาญมันก็อาจจะมีผลเสียแบบนี้ ซึ่งอาจไม่ใช่รายสุดท้ายก็เป็นได้ที่เจอแบบนี้ ซึ่งข่าวต่างประเทศตีข่าวเรื่องนี้ ก็อาจจะกระทบการท่องเที่ยวไทยบ้าง ทั้งเหตุการณ์ไฟไหม้อีก เป็นข่าวร้ายแบบต่อเนื่องกันเลย