สัปดาห์แรก 17 - 25 มีนาคม 2568: เราเตะกับ ศรีลังกา ในบ้าน ทีมที่เชิญมาง่ายที่สุดคือ อัฟกานิสถาน เพราะต้องมาเยือน เมียนม่าร์ และการเล่นทีมใกล้เคียงกับ ศรีลังกา ที่สุดที่ชุดใหญ่เน้นลูกครึ่ง ส่วนทีมอื่นในเอเชียใต้ก็ปักหลักเล่นในบ้านตอนแข่งเอเชียนคัพ ยากที่จะเชิญมา ต้องเดินทางมาเตะอุ่นเครื่องเราก่อน และไม่มีทีมแข่งฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ครั้งที่สามเลย

สัปดาห์ที่สอง 2 - 10 มิถุนายน 2568: เราไปเยือน เติร์กเมนิสถาน ฟีฟ่า เดย์ เตะนอกบ้านกับทีม ทาจิกีสถาน ที่ต้องเจอ ฟิลิปปินส์ ในเอเชียนคัพ แมตชิ่งกันพอดี และเดินทางไม่ไกล มาดามแป้ง ต้องให้ทีมเชิญมาให้ได้ ส่วน คีร์กีซสถาน และ อุซเบกิสถาน แข่งฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ครั้งที่สามอยู่ ไม่ว่างอุ่นกับเราแน่นอน ส่วน รัสเซีย ไกลไป เหนื่อยการเดินทาง

สัปดาห์ที่สาม 6 - 14 ตุลาคม 2568: เราแข่งทั้ง 2 เกม โดยเดินทางไปเยือน ไต้หวัน ก่อน 5 วันให้หลังเปิดบ้านพบ ไต้หวัน แต่เรามีฟีฟ่า เดย์ ในวันที่ 1 - 9 กันยายน พยายามติดต่อโซนเอเชีย ตะวันออกให้ได้ โดยเฉพาะ จีน มาแก้มือ และเตรียมทีมได้ดีที่สุด ติดต่อง่ายที่สุด ถ้าทำ 2 เกมทั้งเหย้าและเยือนเจอ จีน จะเพอร์เฟ็ค ถ้าทำไม่ได้ขอเยือนจีนไว้ก่อน ส่วนในบ้านเชิญทีม มองโกเลีย เกาหลีเหนือ ส่วนฮ่องกง เชิญมายาก เพราะต้องเตรียมทีมเจอ บัลกลาเทศ เขาก็ต้องจำลองเกมของทีมเขาเช่นกัน ส่วน เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น คงไม่คิดแข่งกับเรา เช่นเดียวกัน เราคงไม่คิดแข่งกับ มาเก๊า ที่ระดับต่างกับไต้หวันที่เราเจอมากเกินไป

ถ้า จีน ไม่ว่างเพราะผ่านเข้ารอบคัดเลือก ครั้งที่สี่ ฟุตบอลโลก หรือผ่านไปเล่น ฟุตบอลโลก ตั้งแต่รอบคัดเลือก ครั้งที่สาม เขาก็คงอยากอุ่นเครื่องทีมผ่านฟุตบอลโลกด้วยกันต่างทวีป นัดเยือนติดต่อ มองโกเลีย เพราะ เกาหลีเหนือ คงไปเยือนยาก ติดต่อ เกาหลีเหนือ คงเช่าสนามที่ลาวเตะเหมือนเดิม ไม่ได้บรรยากาศไปเยือนที่สูง ซึ่ง ไต้หวัน ชอบใช้เป็นสนามเหย้าเหมือนไปเยือน มองโกเลีย แล้วเกมที่สองในบ้านค่อยเลือก เกาหลีเหนือ ได้

สัปดาห์ที่สี่ 10 - 18 พฤศจิกายน 2568: เราไปเยือน ศรีลังกา ในวันสุดท้ายของฟีฟ่า เดย์ โดยทีมชาติเอเชียใต้ทีมอื่นมีโปรแกรมดังนี้ มัลดีฟส์ ไปเยือน ฟิลิปปินส์ ภูฐาน ไปเยือน เยเมน บัลกลาเทศ เปิดศึกดาบี้แมตชมพูทวีปพบ อินเดีย ปากีสถาน เปิดบ้านพบ ซีเรีย อัฟกานิสถาน เปิดบ้านพบ เมียนม่าร์ (และถ้าตามแผนที่ผมวางไว้เจอไปแล้วในช่วงสัปดาห์แรก) เนปาล ไปเยือน มาเลเซีย สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา คือ ไปเช่าสนามแข่งที่ บัลกลาเทศ แล้วพบกับอินเดีย ทีมที่แข็งที่สุดในเอเชียใต้ และล้างแค้นที่แพ้ครั้งล่าสุดในเอเชี่ยนคัพ เมื่อ 2 ครั้งก่อน รองลงมาคือเจอ บัลกลาเทศ ติดต่อได้ง่าย ปรับตัวกับอากาศแต่เนิ่นๆ และไม่เหนื่อยเดินทาง ส่วนทีม บัลกลาเทศ และอินเดีย มันไม่มีโอกาสไปจำลองเกมพบทีมเอเชียใต้ด้วยกันกับทีมอื่นที่มีคิวในเอเชียนคัพทั้งนั้น แถมส่วนใหญ่ไปเยือนด้วย

สัปดาห์สุดท้าย 23 - 31 มีนาคม 2569: เราเปิดบ้านพบ เติร์กเมนิสถาน ถ้า คีร์กีซสถาน ตกรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก ครั้งที่สาม เหมาะเจาะเลย เชิญทีมเขามาอุ่นเครื่องเตรียมจำลองเกมดีที่สุด ส่วน อุซเบกิสถาน โอกาสผ่านเข้าฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายมีเยอะกว่า คีร์กีซสถาน มาก เขาน่าจะเตรียมทีมเจอในฟุตบอลโลกมากกว่า อีกทีมคือ รัสเซีย ที่ว่างมาอุ่นแน่นอน แต่การเจอทีมแข็งโป๊กก่อนแข่งจริง มันจะทำให้ทีมเราช้ำเกินไป เอ่อนึกได้ถ้าติดต่อ คาซัคสถาน ซึ่งโอกาสตกรอบรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก ในโซนยุโรปสูงก็จะดีมาก แข็งกว่า อุซเบกิสถาน แต่ไม่เท่ากับ รัสเซีย ทีมเราคงไม่ช้ำมาก ส่วนทาจิกีสถาน เปิดบ้าน ฟิลิปปินส์ เขาไม่ว่างเดินทางมาแข่งกับเรา (และตามแผนที่ผมวางไว้เจอกันไปแล้วในสัปดาห์ที่สอง)

ส่วนถ้าทีม คีร์กีซสถาน เกิดผ่านเข้าเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย หรือต้องไปเตะ รอบคัดเลือก-เพลย์ออฟระหว่างทวีป คาซัคสถาน ยิ่งต้องติดต่อมาให้ได้เลย ดีที่สุดที่มี

อยากเจอ ปูติน กะผู้นำคิม

อันนี้ ท่านวิเคราะห์ แล้วสรุปเองดูก่อนใช่ไหม?

เป็นแนวทางที่ผมเสนอครับ กระทู้เปิดโอกาสให้ท่านอื่นแสดงความคิดเห็นที่คิดว่าเหมาะสมกว่าได้ครับ เพราะเป้าหมายเราก็ต้องการให้ ทีมฟุตบอลชายไทย พร้อมมากที่สุดครับ และมันต่างกับฟุตบอลโลก ที่ไม่ได้แข่งทั้ง 2 วันในฟีฟ่า เดย์

สุดท้าย ไม่มีอุ่นเครื่อง เตะแต่คัดเลือกเอเชียนคัพ

ต้องเอาเวลาว่างไปเตะบอลลีก เดี๋ยวปีหน้าไปถ้วยเอเชีย ท่านเค้าก็ขอเลื่อนอีก

ประเด็นคือ ผมไม่ได้ว่าอะไร จะบอกว่าเป็นกระทู้ที่ดีด้วยซ้ำนะ
แนวๆ วิเคราะห์ Discuss เนี่ย ผมชอบอ่าน

แค่ข้อมูลที่ท่านยกมาข้างบนนั้น ดูก็รู้ว่าไม่ได้เปิดดูแค่หน้าเดียว ว่าไทยเจอกับใครอ่ะ?
แต่ไปค้นหา รวบรวมมาเพิ่ม แล้วมาเล่าให้กันฟัง แค่นี้ก็โอละครับ



สำหรับผม โปรแกรมทีมชาติต่อจากนี้ ส่วนใหญ่เจอทีม
ที่อ่อนกว่าเราเกือบหมดเลยนะครับ จะว่าไป จะให้อิชิอิ ลองทีมเรื่อยๆ ก็ยังได้

แต่ผมอยากให้เจอทีมใหญ่ สลับกันไปมากกว่า ผมชอบ Moment ที่ทีมชาติเรา
เจอพวก Top 7-15 Asia แล้วเราสู้ได้อ่ะ ไม่ต้องมองไปถึง Top 6 Asia นะ

แค่เอา ทีมชาติเราเข้าไปอยู่ในกลุ่ม Top 7-15 Asia ได้ ผมโอเคสุดละ
หลังจากนี้ หรือปีหน้า หรือปีถัดไป ไอพวกเด็กๆ ต่ำกว่า 24 ปีไปนี้ ต้องรีบทำฟอร์มตัวเองให้ดีขึ้นอ่ะ

เพราะว่า อิชิอิ หลังจากนี้ น่าจะดัน สายเลือดใหม่เต็มๆ ละ
ส่วนคนที่ผ่านในสายตาผม กับการเจอติมอร์ ก็มี เสกสรร นี้ละ กล้าเล่น ตัดสินใจดี รู้จังหวะเกมส์

น้องเล็กสุดในทีม แต่ดันเล่นได้้เข้่าตา เหมือนอยู่ชุดใหญ่มานาน
แต่อาจจะต้องดูอีกที ตอนเจอเกมส์ใหญ่ๆ แต่เด็กมันอยู่ บุรีรัมย์ น่าจะคุ้นๆ กับความกดดันดีละมั่ง

ปัญหาคือ ทีมใหญ่ๆ ในเอเชีย เขาก็ติดแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ครั้งที่สาม นัดที่เหลือ ถ้าทีมชาติที่ได้อันดับ 3 ถึงอันดับ 4 ของรอบคัดเลือก ครั้งที่สาม ก็ต้องไปแข่งรอบคัดเลือก ครั้งต่อไปอีก ส่วนทีมที่ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เขาก็อยากเตรียมทีมแข่งบอลโลกของเขาเหมือนกัน ซึ่งเราไม่ใช่เป้าหมายเขาแน่นอน ประกอบกับเราโดนบังคับต้องแข่งกับทีมนั้นทีมนี้ในบ้านบ้าง นอกบ้านบ้างในรอบคัดเลือก ครั้งสุดท้าย เอเชี่ยน คัพ ถ้าเราต้องไปเดินทางก่อนมาเล่นในบ้าน หรือไปเยือนที่ไกลๆ แล้วนักฟุตบอลเหนื่อยกับการเดินทางมากไป ก็ใช่ที่ครับ

ถ้าเป็นแบบฟีฟ่า เดย์ ปรกติไม่มีทัวร์นาเม้นต์บังคับเราต้องไปแข่งนัดใดนัดหนึ่งใน 2 นัดของฟีฟ่า เดย์ ผมเห็นด้วยกับคุณเลยครับ

ผมว่าแนวคิดจำลองทีมที่จะเจอก่อนนัดจริงก็ดีครับ
ทำได้สัก 50% ของที่ว่ามาก็โอเคเลย
เพราะจะให้ได้ 100% คงเป็นไปได้ยาก
เรื่องการประสานงานทีม เรื่องการเช่าสนามนอกบ้าน
ไทยไม่เคยทำเท่าไร จะเห็นมีแต่ญี่ปุ่นที่เค้าตั้งยุโรปเป็นบ้านหลังที่สองเลย

ยังไงก็ตาม fifa window รอบละ 2 นัดต้องใช้ให้คุ้ม ให้เต็มทุกรอบ
จะเตรียมทีม หรือจะเก็บคะแนน ก็ต้องมีแมทช์ให้เต็มไว้ก่อน