ตอนที่ญี่ปุ่นโดนระเบิดปรมาณูสภาพญี่ปุ่นในเวลานั้นหมดทางสู้แล้วครับไม่สามารถป้องกันตัวเองได้แล้ว สหรัฐครองอากาศครองทะเลได้หมด กองเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐทำลายกองเรือผสมของทัพเรือญี่ปุ่นได้หมดแล้ว He who commands the sea has command of everything. กองทัพอากาศก็ครองน่านฟ้าไว้หมด B-29 กับ P-51 บินเกาะหมู่ไปทิ้งระเบิดเมืองหลวงกับเมืองอุตสาหกรรมจนวอดวายหมด

ญี่ปุ่น ก่อนเจอนิวเคลียร์ 2 ลูก (ฮิโรชิม่า 6 สิงหา 1945/นางาซากิ 9 สิงหา 1945)

ก็เจอทิ้งระเบิดยับแล้ว ยิ่งโตเกียวช่วง 9-10 มีนา 1945 คนตายเป็นแสน

คือตอนนั้นเมกาครองน่านฟ้าและทะเลได้เกือบหมดละ ญี่ปุ่นได้แต่รบป้องกันตามเกาะไปเรื่อยๆ
เพื่อไม่ให้ข้าศึกไปถึงแผ่นดินใหญ่ ส่วนนักบินเก่งๆก็แทบไม่เหลือ ฝึกรุ่นใหม่ๆมาก็เอาไปกามิกาเซ่หมด

ง่ายมากเลยในสมัยนั้น เรดาห์พึ่งจะมีคิดค้นโดยอังกฤษ อังกฤษมีประจำการแล้ว

แต่ที่อเมริกาช่วงนั้นพึ่งจะมี 2 เครื่องที่อังกฤษส่งมอบให้ แล้วติดตั้งที่ฮาวายหนึ่งระบบ

อเมริกายังใช้ไม่ค่อยเป็นเพราะใหม่มาก แถมยังไม่ได้เปิด 24 ชม. อีก ถ้าจำไม่ผิดเปิดวันละ 5-6 ชั่วโมงเอง

นี่เป็นจอเรดาห์ปัจจุบัน


นี่เป็นจอเรดาห์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2


เห็นสองรูปนี้แล้วคงพอเข้าใจว่าเทคโนโลยีมันต่างกันมาก

เรดาห์สมัยนั้น มันแยกไม่ค่อยออกว่าอะไรเป็นอะไร นกบินเป็นฝูงมาสัญญานที่ได้ก็ไม่ต่างจากเครื่องบิน

เพราะฉะนั้นเลยมีการลาดตระเวนไง เครื่องบิน บินลาดตระเวนตลอดสังเกตการณ์ด้วยสายตา

เครื่องบินก็ไม่มีเรดาห์อะไรทั้งนั้น มีแต่วิทยุคลื่นสั้นแบบ AM ที่ใช้ติดต่อกัน

ยิ่งฝ่ายอักษะไม่ว่าเยอรมันหรือญี่ปุ่นยังไม่มีเรดาห์ด้วย ฝ่ายสัมพันธมิตรบินเข้าเขตสบายเลย

นักบินสมัยก่อนงานหนักกว่าสมัยนี้เยอะ การบินลาดตระเวนทำกันตลอด 24 ชั่วโมง นักบินต้องสลับกันขึ้นบิน

เครื่องบินและนักบินสมัยก่อนเลยจำเป็นต้องมีจำนวนมากๆ

ไม่เหมือนสมัยนี้เรดาห์จับสัญญานกันได้เป็นหลายร้อยกิโล ค่อยส่งนักบินขึ้นไปบินสะกัด


มาที่ญี่ปุ่นโจมที่อ่าวเพิร์ล หน่วยข่าวกรองสหรัฐรู้นะว่ากองเรือญี่ปุ่นออกจากฐานทัพ
(หน่วยข่าวกรองสหรัฐตอนนั้นไม่ใช่ CIA เพราะ CIA พึ่งจะมาก่อตั้งหลังสงครามโลก)

สหรัฐก็คาดการณ์ว่าญี่ปุ่นมีแนวโน้มสูงว่าจะโจมตีสหรัฐ

แต่!!! โจมตีที่ไหนล่ะ พื้นที่สหรัฐมีตั้งแต่ที่ฟิลิปินส์ เกาะกวม เกาะมิดเวย์ หมู่เกาะมาแชล ฮาวาย ล้วนแต่มีฐานทัพสหรัฐ
(ตอนนั้นฮาวายยังเป็นราชอาณาจักรมีกษัตริย์ปกครอง พึ่งจะมาร่วมเป็นรัฐกับสหรัฐหลังสงครามโลก 15 ปี)

แล้วพื้นที่ตั้งแต่ฟิลิปินส์ถึงสหรัฐมันใหญ่มาก เป็นพื้นที่ในมหาสมุทรแปซิฟิค กินเนื้อที่ใหญ่กว่าทวีปเอเชียทั้งทวีปอ่ะ

นี่อ่ะครับพื้นที่ว่า กินเนื้อที่ 47 ล้าน ตร.กม. (ทวีปเอเชียมีพื้นที่ 45 ล้านตร.กม.)


กองเรือญี่ปุ่นที่ว่ามา มาเป็นกลุ่มเกาะกลุ่มกันประมาณ 1 ตร.กม.

ลองคิดดูนะครับ หาวัตถุที่มีขนาด 1 ตร.กม. ในพื้นที่ 47 ล้านตร.กม. นี่ล่ะงมเข็มในมหาสมุทรของแทร่เลย

กองทัพสหรัฐพยายามหากองเรือนี้นะครับ ทั้งเรือและเครื่องบินสหรัฐลาดตระเวนหนักมากยังไม่เจอ

แล้วเรื่องเรือบรรทุกเครื่องของสหรัฐที่ไม่อยู่ในอ่าวเพิร์ล ที่ไม่โดนจมซักลำ


นักทฤษฎีสมคมคิดก็ว่า เพราะสหรัฐปล่อยให้ญี่ปุ่นโจมตีเพื่อหาเหตุประกาศสงครามนั้น

จริงๆแล้วช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่สหรัฐอยู่ในสถานะเฝ้าระวังภัยสงคราม

เรือบรรทุกเครื่องบินทุกลำได้รับคำสั่งให้ออกลาดตะเวณ ไม่ต้องเข้าฐานทัพหากไม่ได้รับคำสั่ง

การเติมสเบียง การเติมน้ำมันจะมีเรือนำไปส่ง หากมีเหตุจำเป็นต้องกลับฐานต้องขออนุญาต(เหตุเร่งด่วนจริงๆ)

เรือที่โดนจมวันนั้นเป็นเรือที่ไม่ใช่เรือบรรทุกเครื่องบิน ที่กลับมาจากการลาดตระเวน กลับเข้าฐานเพื่อเติมน้ำเติมเสบียง และให้ลูกเรือได้พักเป็นเวลาสั้นๆ

(มีเรือสองแบบที่ได้รับคำสั่งลาดตะเวณตลอดคือ เรือบรรทุกเครื่องบินและเรือดำน้ำ)

Fact

การโจมตีอ่าวเพิร์ลโด่งดังมากที่สุดเพราะเป็นการเปิดฉากการโจมตีสหรัฐของจักรวรรดิญุี่ปุ่นครั้งแรก

แต่ความเสียหายนั้นไม่เท่าอีก 10 ชั่วโมงต่อมาที่ญี่ปุ่นบุกฟิลิปินส์ที่เป็นอาณานิคมของสหรัฐ

และที่ฟิลลิปปินส์ยังเป็นฐานทัพที่อยู่นอกสหรัฐที่ใหญ่ที่สุด มีผู้บัญชาการระดับนายพล 5 ดาว
(ยศเทียบเท่าจอมพลฯของบ้านเรา ซึ่งในปวศ.สหรัฐมีคนได้ตำแหน่งนี้แค่ 8 คน)

คือ นายพล ดักลาส แมกอาเธอร์ ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐภาคพื้นแปซิฟิค


สหรัฐป้องกันอยู๋ 4 วัน กำลังจะแพ้ ปธน.ปธน.โรสเวลต์ สั่งการให้ แมกอาเธอร์ หนี เพราะไม่อยากให้ระดับนายพลโดนจับตัวได้ตั้งแต่เริ่มสงคราม

สหรัฐสูญเสียทั้งฐานทัพทั้งอาณานิคม มีทหารสหรัฐ(และฟิลิปปินส์ที่อยู่ในกองทัพ) ตาย 25,000 คน/สูญหาย 21,000 คน/โดนจับเป็นเชลย 100,000 คน

นับเป็นความเสียหายที่มากที่สุดของสหรัฐในสงครามโลกครั้งที่สองเลย

จริงๆ แล้ว __ไทเกอรื ไม่ใช่ รถถังลัก ของเยอรมันนะ


รถถังหลักของเยอรมัน จริงๆ คือ แพนเธอร์ หรือ Panzer IV มากกว่า เพราะ ผลิตมาเยอะกว่ามาก


แต่ไทเกอร์ ถูกสื่อ อวยมากที่สุด

ญี่ปุ่น ไม่รู้ไง ว่ามีนิวเคลียร์


เรดาห์ของญี่ปุ่น ตรวจเจอ เครื่องบิน B-29 ที่มาทิ้งนิวเคลียร์แล้ว


แต่ ในกลุ่มบินทิ้งนิวเคลียร์ มากันแค่ 3 เครื่อง


สมัยนั้น เครื่องบินทิ้งระเบิดไม่แม่น จะมาทิ้งระเบิดที มากันเป็น 100 เครื่อง

พอเห็นว่า มาแค่ 3 เครื่อง ญี่ปุ่นมันเลยคิดว่า แค่มาสอดแนมถ่ายภาพ

ไม่ได้ส่งเครื่องบินสกัด เพราะ ขาดแคลนน้ำมัน

จริงๆแล้ว Tiger I เป็น Main Battle Tank ครับ เป็น Heavy Tank หนัก 57 ตัน ปืนใหญ่ 88 มม.

ส่วน Panzer IV เป็น Medium tank หนักแค่ 25 ตัน ปืนใหญ่ 75 มม.



ถ้าจะนับ Panzer IV เป้นรถถังหลักก็เป็นรถถังหลักในยุทธวิธี "บลิทซ์ครีค" ของ จอมพล ไฮนซ์ กูเดอร์เรียน


ยุทธวิธี"สงครามสายฟ้าแลบ" ต้องการความรวดเร็วในการโจมตีเลยออกแบบรถถังที่มีขนาดเบาคล่องตัวกว่าพวก Main Battle Tank



ถึงแม้ Tiger I จะเป็น Main Battle Tank แต่ พวกรถถังซีรีย์ Panzer ใช้เยอะกว่าเพราะมีจำนวนมากกว่า

และในกองพลรถถังต่างๆไม่ว่าจะเป็นของ รอมเมลหรือกูเดอร์เรียน จะมีเจ้า Tiger I ไว้ประจัญบานกับรถถังข้าศึก

เจ้า Panzer IV สูสีกับ Sherman ของเมกา แต่แพ้ต่อ เจ้า T-38 ของโซเวียต

(ก็แหงล่ะ Panzer IV ไม่ได้ออกแบบให้มาต่อสู้รถถังด้วยกัน ไม่ใช่ภาระกิจหลักของมัน)

่ส่วนเจ้า Tiger I นั้นกิน Sherman ขาด และพอจะเอาชนะเจ้า T-34 ได้
(จนโซเวียตออกรุ่น T-43 มาสู้กับ Tiger โดยเฉพาะ)

ส่วนรถถังหลักที่เยอรมันผลิตช่วงท้ายสงครามคือ King Tiger หรือ Tiger II ก็มาช้าเกินไปผลิตมาไม่มากก็แพ้สงครามไปก่อน

คำว่า Main battle tank ใช้กับรถถังหลังสงครามโลกครับ


ส่วนสมัยสงครามโลก มี แค่ _light medium heavy tank

ทราบครับว่าคำที่ว่าพึ่งจะมาตั้งหลังสงครามโลก แล้วกำหนดโดยพวกอเมริกันด้วย

แต่ในบริบทนี้ผมหมายถึงหน้าที่ ไม่ใช่แค่เพียงชื่อ

เคยดูสารคดี กองทัพนาซีเยอรมันกำหนดให้รถถังซีรีส์ Tiger เป็นรถถังหลักของกองทัพ

ส่วนรถถังซีรีส์ Panzer เป็นรถถังสนับสนุนการบและเป็นตัวหลักในภาระกิจพิเศษ(เช่นบรีสครีกและบาร์บาร็อสซา)

แต่อย่างที่ท่านว่าล่ะ กองทัพเยอรมันใช้ Panzer เยอะจนจะเป็นตัวหลักในการรบ

ชอบครับได้พูดคุยได้แลกเปลี่ยนกับคนที่มีความรู้ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ ^_^