ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงวิกฤตของ Nissan โดย CEO Makoto Uchida ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าบริษัทกำลังเข้าสู่ภาวะฉุกเฉิน เพื่อรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจและการดำเนินงานที่ยากลำบาก ในการแถลงข่าวครั้งนั้น Stephen Ma ยังยืนเคียงข้าง Uchida บนเวที แต่รายงานจาก Bloomberg อ้างว่า Ma อาจกำลังพิจารณาลงจากตำแหน่งหรือเปลี่ยนบทบาทในบริษัท

Nissan กำลังอยู่ในระหว่างพิจารณามาตรการลดต้นทุนทุกทิศทาง ในฐานะส่วนหนึ่งของภาวะฉุกเฉิน Nissan ได้ประกาศปลดพนักงานประมาณ 9,000 คน รวมไปถึงการที่ผู้บริหารไม่เว้นแม้กระทั่ง CEO ที่ยอมลดเงินเดือนลง

นอกจากนี้สถานการณ์ที่ยากลำบากไม่ว่าจะเป็นการผลิตทั่วโลกของ Nissan ที่ลดลงอย่างมาก โดยได้ลดกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ลง 17% ยกเว้นในเม็กซิโกที่ยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้ แต่ยอดขายทั่วโลกยังคงทรงตัว ไม่สามารถช่วยให้บริษัทกลับมายืนได้อย่างมั่นคงในเร็วๆนี้

ภายหลังจากที่มีข่าวจาก Financial Times ระบุว่า Nissan มีเวลาเพียง 12-14 เดือน ในการพลิกฟื้นบริษัทก่อนจะถึงจุดวิกฤตครั้งสำคัญ Nissan จึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนารถยนต์ไฮบริดเพื่อจับกระแสในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งยังล้าหลังคู่แข่งในด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม การลดการผลิตเพื่อประหยัดต้นทุนอาจทำให้ความสามารถในการตอบสนองความต้องการในตลาดลดลง

หาก Stephen Ma ลาออกจริง CFO คนใหม่จะต้องเผชิญภารกิจที่หนักหน่วง ด้วยหน้าที่จำเป็นในการนำพา Nissan ให้รอดพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้ ทำให้เวลาที่เหลืออยู่นับว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของอนาคต

Stephen Ma เป็นผู้บริหารระดับสูงของ Nissan Motor Co., Ltd. โดยดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) รับผิดชอบการดำเนินการด้านการเงินทั่วโลกของ Nissan รวมถึงระบบข้อมูลและเทคโนโลยี (Global IS/IT), การสื่อสารกับนักลงทุน (Investor Relations) และการบริหารประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Operations Performance)

Stephen Ma เข้าร่วมงานกับ Nissan ตั้งแต่ปี 1996 ที่ Nissan North Americaและมีประสบการณ์ทำงานในหลากหลายภูมิภาค เช่น อเมริกาเหนือ จีน และญี่ปุ่น นับว่าเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญคลุมทั้งความเข้าใจในองค์กรและปัจจัยที่ขับเคลื่อนบริษัท

Stephen Ma ได้รั้งตำแหน่ง Global Controller เพื่อดูแลการเงินทั่วโลกของ Nissan Motor Co., Ltd. ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็น CFO ในปัจจุบัน รวมไปถึงประสบการณที่ได้เป็น CFO ของ Dongfeng Motor Co., Ltd. บริหารการเงินของบริษัทร่วมทุนระหว่าง Nissan และ Dongfeng ในจีน ด้วยทักษะการสื่อสารได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนกลาง จึงช่วยเสริมบทบาทการทำงานในองค์กรระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ