ก่อนจะเป็นภาพยนตร์ขึ้นหิ้ง Gladiator (2000)
ก่อนจะเป็นภาพยนตร์ขึ้นหิ้ง เดิมที Gladiator (2000) มีเบื้องหลังยุ่งเหยิงเละเทะมาก จนบางครั้ง รัสเซลล์ โครว์ กับ ริดลีย์ สก็อตต์ คุยกันขำๆ ว่าพวกเขารอดตายจากงานนี้อย่างเหลือเชื่อ แล้วรอดไม่พอ หนังดันออกมาโคตรดี แถมชนะออสการ์ -- มันเกิดอะไรขึ้นบ้างมาดูกัน
— โครว์เผยว่าตอนเริ่มถ่ายทำ สคริปต์มีอยู่เพียง 21-22 หน้า (เคยมีบทดราฟต์เก่าที่สมบูรณ์แต่ถูกโละ) องก์สามก็ไม่มี ยังไม่รู้เลยว่าหนังจะจบยังไง โครว์บอก “นี่แหละวิธีที่โง่เง่าที่สุดในการทำหนัง” กระนั้น สิ่งที่มีคือแผนถ่ายทำซีนใหญ่ๆ ซึ่งเตรียมโลเคชั่นและเซ็ทฉากไว้พร้อม เช่น ฉากรบกับคนเถื่อนในตอนต้น หรือฉากสู้ในลานประลอง
— กระบวนการดำเนินแบบถ่ายไปด้วยเขียนบทไปด้วย มีการระดมมือเขียนบทหลายคนมาช่วยกันคิดเนื้อเรื่องไปต่อ แล้วริดลีย์, โครว์ กับพวกโปรดิวเซอร์ต้องคัดเลือกอีกทีเพื่อหาไอเดียที่ใช้ได้ กระบวนการจึงออกมั่วๆ มึนๆ เนื่องจากสคริปต์ถูกแก้ไขอยู่ตลอด หลายครั้งนักแสดงต้องด้นสดเอง หรือบางวันก็ไม่ได้ถ่ายอะไรเลย (เพราะไม่รู้จะถ่ายอะไร)
— อุบัติเหตุเกิดขึ้นเป็นประจำ โครว์บาดเจ็บบ่อยครั้ง ช่วงนั้นเลือดนักสู้ ชอบอาสาเล่นฉากสุ่มเสี่ยงเอง มีตั้งแต่แผลฟกช้ำไปจนถึงซี่โครงร้าว กระดูกเท้าแตก เอ็นร้อยหวายฉีก ส่วนฉากที่มีเสือก็เคยเกือบผิดคิว คนคุมปล่อยโซ่เร็วเกินไป เสือวิ่งขึ้นจากหลุมขณะที่โครว์ยืนขวางทางอยู่ เจ้าตัวกลิ้งหลบแทบไม่ทัน
— โอลิเวอร์ รี้ด นักแสดงอาวุโสผู้รับบท พร็อกซิโม ครูฝึกแกลดิเอเตอร์ มักมีปัญหากินเหล้าเมาระหว่างถ่าย ชอบเล่นนอกบท หนหนึ่งเคยบีบไข่นักแสดงร่วมฉาก แต่หนักสุดคือวันดีคืนดี รี้ดไปแข่งกินเหล้ากับกะลาสีในบาร์ ว่ากันว่าเขาซัดเบียร์ไป 8 ไพน์, รัม 10 ช็อต และวิสกี้อีกครึ่งขวด จนเกิดหัวใจวายตายกะทันหัน (หนังเพิ่งถ่ายไปครึ่งเรื่อง) เดิมทีพร็อกซิโมถูกวางให้รอดถึงตอนท้าย จึงต้องเปลี่ยนเป็นฆ่าตัวละครนี้ไป ฉากที่เหลืออาศัยฟุตเทจเก่า ตัวแสดงแทน ซีจีแต่ง และดันบทของ ไจม่อน ฮอนซู (จูบา) ให้เด่นขึ้นมาแทนในฉากจบ
— วาคีน ฟีนิกซ์ ระหว่างสวมบท คอมโมดัส มีความติสต์แตก เริ่มด้วยอาการประหม่าที่เพิ่งเคยเล่นหนังใหญ่ เล่นไม่ออก เข้าไม่ถึง จนโครว์ต้องพาไปก๊งเพื่อให้ผ่อนคลาย ส่วนริดลีย์จับให้เล่นซีนเดิมซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ ถึงจุดหนึ่งวาคีนปรับตัวสำเร็จ แต่ก็ยังคงติสต์ บางวันมีคิวถ่ายแต่มู้ดไม่ได้ก็ไม่ยอมเล่นดื้อๆ เลยโดนโครว์กับริดลีย์ด่าเป็นประจำ(จนได้ดี)
— เมื่อหนังถ่ายทำเครียด อารมณ์คนก็ตึง โครว์เองมักมีเรื่องกับโปรดิวเซอร์ มีครั้งหนึ่งขู่กันเลยว่า “เดี๋ยวกูจะฆ่ามึงด้วยมือเปล่านี่แหละ” ส่วนเวลาอื่นก็เอาไปทะเลาะกับริดลีย์ในแง่ไอเดีย ความเห็นไม่ตรง มีไดอะล็อกบางท่อนที่ไม่อยากเล่น บางครั้งโครว์ที่เห็นในหนังกำลังเดือดดาลอยู่จริงๆ (เช่น ฉากแม็กซิมัสถอดหน้ากากต่อหน้าคอมโมดัสและลั่นวาจาจะล้างแค้น)
สุดท้าย โครว์ยอมรับว่าที่หนังรอดจากความพินาศมาได้เป็นเพราะประสบการณ์ผู้กำกับอย่างริดลีย์ ความเก๋า ความนิ่ง รู้วิธีจัดการปัญหา รับมือคนในกอง ไม่ใจร้อนตาม จากที่ด่ากันฉ่ำ ภายหลังโครว์เล่นหนังของริดลีย์อีกถึง 4 เรื่อง
— ฉากทุ่งข้าวสาลีในจินตนาการของแม็กซิมัส คือสิ่งที่ริดลีย์บังเอิญนึกออกตอนกำลังจะปิดกล้อง เหมือนพบจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายเพื่อนำเสนอมุมความสงบภายในโศกนาฏกรรมของพระเอกแกลดิเอเตอร์ จึงรีบจัดแจงพาทีมงานชุดเล็กๆ ไปถ่ายทำเป็นฉากท้ายสุดของกระบวนการ ส่วนมือที่ลู่รวงข้าวคือสตันท์ของโครว์ (นี่สิพลังแห่งเดดไลน์)
.
— จากที่หลายคนเผื่อใจเอาไว้หนักมาก ปรากฎว่า Gladiator ทำรายรับทั่วโลกได้กว่า 465 ล้านดอลลาร์ (ทุนสร้าง 103 ล้าน) พร้อมทะยานชิงออสการ์มากถึง 12 สาขาและชนะ 5 สาขา (เบสต์พิคเจอร์, นำชาย, คอสตูม, ซาวด์, เอฟเฟกต์) กลายเป็นภาพยนตร์ขึ้นหิ้งที่ปลุกกระแสให้แนว “Sword-and-Sandal” กลับมาบูมในทศวรรษ 2000 (เช่น Troy, 300)
Credit : Facebook Vintage Motion