BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status: ชีวิต..ติดแกลบ
: 1 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 May 2020
ตอบ: 6944
ที่อยู่: ดาวโลก
โพสเมื่อ: Mon Dec 02, 2024 01:26
นักวิจัย ปลดล็อกมิติใหม่ ได้หลังคุยกันขณะที่ฝันเป็นครั้งแรก
AI เหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญในการทำนายผลการศึกษา


ภาพนี้แสดงให้เห็นสมองและชิปคอมพิวเตอร์ แม้ว่าการศึกษาของเราเน้นที่ประสาทวิทยา แต่แนวทางของเราก็เป็นสากลและควรนำไปประยุกต์ใช้กับวิทยาศาสตร์ทั้งหมดได้สำเร็จ - Cr. Neuroscience News

การศึกษาล่าสุดที่นำโดยนักวิจัยจาก University College London (UCL) พบว่า Large Language Models (LLMs) สามารถทำนายผลการศึกษาทางประสาทวิทยาได้แม่นยำกว่าผู้เชี่ยวชาญมนุษย์ โดย LLMs มีความแม่นยำถึง 81% ขณะที่นักประสาทวิทยามีความแม่นยำ 63%

ทีมวิจัยได้พัฒนาเครื่องมือที่เรียกว่า BrainBench เพื่อประเมินความสามารถของ LLMs ในการทำนายผลการศึกษาทางประสาทวิทยา โดย BrainBench ประกอบด้วยคู่ของบทคัดย่อการศึกษา ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นบทคัดย่อจริง และอีกหนึ่งเป็นบทคัดย่อที่มีการปรับผลลัพธ์ให้ผิดพลาดอย่างสมเหตุสมผล LLMs สามารถระบุบทคัดย่อที่ถูกต้องได้แม่นยำกว่าผู้เชี่ยวชาญมนุษย์

นอกจากนี้ นักวิจัยยังได้พัฒนา LLM ที่มุ่งเน้นด้านประสาทวิทยาโดยเฉพาะ ชื่อว่า BrainGPT ซึ่งมีความแม่นยำในการทำนายผลการศึกษาถึง 86% การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่า AI สามารถสังเคราะห์ความรู้จากวรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์จำนวนมาก และทำนายผลลัพธ์ของการทดลองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ศาสตราจารย์แบรดลีย์ เลิฟ จาก UCL กล่าวว่า "เราคาดว่าในไม่ช้า นักวิทยาศาสตร์จะใช้เครื่องมือ AI เพื่อช่วยในการออกแบบการทดลองและทำนายผลลัพธ์ ซึ่งจะช่วยเร่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์"

การศึกษานี้เน้นย้ำถึงศักยภาพของ AI ในการปรับปรุงการออกแบบการทดลองและนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ในหลากหลายสาขา อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจข้อจำกัดและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ AI ในการทำนายผลการศึกษา

ที่มา: https://neurosciencenews.com/ai-llms-neuroscience-data-28154

#################################################################

อุดมการณ์แบบชายแท้ เพิ่มความเสี่ยงการฆ่าตัวตายในผู้ชายถึงสองเท่า


Cr. AboutImages

การวิจัยล่าสุดเผยว่า ผู้ชายที่ยึดมั่นในบทบาทความเป็นชายแบบดั้งเดิม เช่น การเก็บกดอารมณ์และการพึ่งพาตนเอง มีความเสี่ยงที่จะพยายามฆ่าตัวตายมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเท่าเทียมถึงสองเท่า การศึกษานี้จัดกลุ่มผู้ชายออกเป็นสามกลุ่ม ได้แก่ "Egalitarians" (ผู้ที่มีมุมมองเท่าเทียม), "Players" (ผู้ที่ให้ความสำคัญกับสถานะและความสำเร็จทางเพศ), และ "Stoics" (ผู้ที่เก็บกดอารมณ์และพึ่งพาตนเอง) พบว่ากลุ่ม "Stoics" มีความเสี่ยงสูงสุดในการพยายามฆ่าตัวตาย เนื่องจากทัศนคติและพฤติกรรมของพวกเขา โดยเฉพาะในช่วงที่เผชิญกับวิกฤตสุขภาพจิต

นักวิจัยแนะนำให้มีการแทรกแซงที่มุ่งเน้นไปยังผู้ชายที่มีลักษณะเหล่านี้ เนื่องจากวิธีการดูแลสุขภาพจิตแบบดั้งเดิมมักไม่สามารถตรวจจับสัญญาณของภาวะซึมเศร้าในกลุ่มนี้ได้ การค้นพบนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพิจารณาบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมในการป้องกันการฆ่าตัวตาย

อัตราการฆ่าตัวตายในผู้ชายสูงกว่าในผู้หญิงทั่วโลก โดยหนึ่งในสาเหตุคือความเสี่ยงในผู้ชายมักถูกตรวจพบช้า อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่มีความเสี่ยงเท่ากัน โครงการวิจัยจากมหาวิทยาลัยซูริกได้ระบุปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรมที่เพิ่มความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายของผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ที่ยึดมั่นในบทบาทความเป็นชายแบบดั้งเดิม


Cr. AboutImages

การศึกษาระยะยาวในสหรัฐอเมริกาที่มีผู้ชายหนุ่มประมาณ 10,000 คน พบว่าผู้ที่ยึดมั่นในบทบาทความเป็นชายแบบดั้งเดิมมีแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตายมากขึ้นในช่วง 20 ปี บรรทัดฐานเหล่านี้รวมถึงการพึ่งพาตนเอง การควบคุมอารมณ์ และการไม่แสดงความอ่อนแอ ซึ่งสรุปได้ว่าเป็น "อุดมการณ์ความเป็นชายแบบดั้งเดิม"

ในการศึกษานี้ ทีมวิจัยได้คัดเลือกผู้ชายเกือบ 500 คนจากประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมันผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามที่ประเมินอาการซึมเศร้า ความสอดคล้องกับอุดมการณ์ความเป็นชายแบบดั้งเดิม และความคิดและพฤติกรรมการฆ่าตัวตาย

ผลการวิเคราะห์พบว่า 13% ของผู้เข้าร่วมเคยพยายามฆ่าตัวตาย หนึ่งในสี่รายงานว่าเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า และหนึ่งในห้าระบุว่าเคยรับการบำบัดทางจิตวิทยา การวิเคราะห์เพิ่มเติมพบว่าผู้ชายสามารถแบ่งออกเป็นสามกลุ่มตามความสอดคล้องกับอุดมการณ์ความเป็นชายแบบดั้งเดิม

กลุ่มแรก "Egalitarians" ประมาณ 60% ของผู้เข้าร่วม ไม่ยึดมั่นในอุดมการณ์ความเป็นชายแบบดั้งเดิม กลุ่มที่สอง "Players" ประมาณ 15% ให้ความสำคัญกับสถานะและความสำเร็จทางเพศ กลุ่มที่สาม "Stoics" ประมาณ 25% ยึดมั่นในอุดมการณ์ความเป็นชายแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะการควบคุมอารมณ์ การพึ่งพาตนเอง และการเสี่ยงภัย

การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าผู้ชายที่ยึดมั่นในบทบาทความเป็นชายแบบดั้งเดิมมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการพยายามฆ่าตัวตาย และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพัฒนามาตรการป้องกันที่มุ่งเน้นไปยังกลุ่มนี้ เพื่อให้สามารถตรวจจับและจัดการกับความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา: https://neurosciencenews.com/masculine-gender-role-suicide-28158

#################################################################

นักวิจัยศึกษาวิธีนำเครือข่ายประสาทขนาดใหญ่เข้าใกล้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของสมองชีวภาพมากขึ้น


Cr. Unsplash/CC0 Public Domain

เครือข่ายประสาทเทียมขนาดใหญ่
นักวิจัยจาก International School of Advanced Studies (SISSA) ได้สำรวจการพัฒนาประสิทธิภาพของเครือข่ายประสาทเทียม (neural networks) ที่มีขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายในการสร้างระบบที่มีความใกล้เคียงกับสมองมนุษย์มากขึ้น แม้ว่าเครือข่ายขนาดใหญ่จะมีความสามารถในการเรียนรู้ที่ดีกว่า แต่การเพิ่มขนาดอย่างไร้ขีดจำกัดนั้นกลับไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพหรือยั่งยืน เนื่องจากการใช้ทรัพยากรที่มากเกินไป

การเลียนแบบการเรียนรู้ของสมอง
ทีมวิจัยได้ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า "การเรียนรู้แบบหลักสูตร" (curriculum learning) ซึ่งเลียนแบบวิธีการเรียนรู้ของสมองมนุษย์ โดยเริ่มจากการฝึกฝนด้วยข้อมูลง่าย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มความซับซ้อนเมื่อเครือข่ายเรียนรู้ได้ดีขึ้น วิธีนี้คาดว่าจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรและเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนรู้

ข้อจำกัดของเครือข่ายขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม พบว่าเครือข่ายที่มีพารามิเตอร์จำนวนมากอาจไม่ได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้แบบหลักสูตร เนื่องจากความ "สมบูรณ์" ของเครือข่ายทำให้สามารถเรียนรู้ได้โดยพึ่งพาทรัพยากรมากกว่าคุณภาพของข้อมูล ความสมบูรณ์นี้ทำให้เครือข่ายเรียนรู้เร็วขึ้นแต่ไม่เพิ่มประสิทธิภาพในระยะยาว

การปรับขนาดเพื่อประสิทธิภาพ
งานวิจัยนี้เสนอว่า การปรับขนาดของเครือข่ายในช่วงเริ่มต้นอย่างระมัดระวังสามารถทำให้การเรียนรู้แบบหลักสูตรมีประสิทธิภาพมากขึ้น กลยุทธ์นี้ช่วยลดการใช้พลังงานและทรัพยากรโดยรวม ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในโลกที่เทคโนโลยี AI ต้องการพลังงานอย่างมาก

ความสำคัญของการศึกษานี้
การค้นพบนี้ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาเครือข่ายประสาทเทียมที่มีประสิทธิภาพสูง โดยเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น การปรับขนาดและกระบวนการเรียนรู้ที่คล้ายคลึงกับสมองมนุษย์อาจนำไปสู่ AI ที่มีความสามารถสูงและยั่งยืนในอนาคต

ที่มา: https://techxplore.com/news/2024-11-explore-larger-neural-networks-closer.html

#################################################################

นักวิจัยเผยพวกเขาสามารถปลดล็อกมิติใหม่ได้หลังจากที่คนสองคนคุยกันขณะที่ฝันเป็นครั้งแรก


Cr. shapedream.co

นักวิจัยจาก REMspace บริษัทนิวโรเทคในซานฟรานซิสโก ได้บรรลุความสำเร็จครั้งสำคัญในการสื่อสารระหว่างสองบุคคลขณะฝันแบบรู้ตัว (lucid dreaming) โดยใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเฉพาะ ผู้เข้าร่วมการทดลองสองคนสามารถแลกเปลี่ยนข้อความง่าย ๆ ระหว่างการฝันได้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสำรวจศักยภาพของการสื่อสารในโลกแห่งความฝัน

การทดลองนี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบข้อมูล polysomnographic ของผู้เข้าร่วมขณะนอนหลับ เมื่อระบบตรวจพบว่าผู้เข้าร่วมคนแรกเข้าสู่สภาวะฝันรู้ตัว ระบบจะสร้างคำแบบสุ่มและส่งผ่านหูฟัง ผู้เข้าร่วมจะตอบสนองต่อคำดังกล่าวในฝัน และการตอบสนองนั้นจะถูกบันทึกไว้ จากนั้น ข้อความที่บันทึกจะถูกส่งไปยังผู้เข้าร่วมคนที่สองเมื่อเขาเข้าสู่สภาวะฝันรู้ตัว และเขาสามารถยืนยันข้อความนั้นหลังจากตื่นขึ้น


นี่อาจเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในเทคโนโลยีแห่งความฝัน Cr. X/@MichaelRaduga/REMspace

Michael Raduga ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ REMspace กล่าวว่า "เมื่อวานนี้ การสื่อสารในฝันยังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ พรุ่งนี้ มันจะเป็นเรื่องปกติที่เราไม่สามารถจินตนาการชีวิตโดยปราศจากเทคโนโลยีนี้ได้" เขาเชื่อว่า "การนอนหลับแบบ REM และปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การฝันรู้ตัว จะกลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ถัดไปหลังจาก AI"

ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างเข้มข้นเกือบห้าปี REMspace กำลังมุ่งเน้นไปที่ความท้าทายถัดไป คือการสื่อสารแบบเรียลไทม์ในฝันรู้ตัว แม้ว่าจะเป็นเป้าหมายที่ซับซ้อนกว่า แต่ทีมงานมั่นใจว่าสามารถบรรลุได้ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า

การค้นพบนี้เปิดประตูสู่การประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์มากมาย และอาจเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราคิดเกี่ยวกับการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ในโลกแห่งความฝัน อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ยังต้องการการตรวจสอบและยืนยันเพิ่มเติมจากชุมชนวิทยาศาสตร์ เพื่อยืนยันความถูกต้องและศักยภาพในการใช้งานจริง

ที่มา: https://www.uniladtech.com/science/news/researchers-remspace-chat-dreaming-662981-20241128

#################################################################

การฝันแบบรู้ตัวสามารถช่วยให้เราเข้าใจสมองได้อย่างไร


นักวิจัยพบว่า การจำความฝันเป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้ได้ - Cr. Neuroscience News

การฝันรู้ตัว (lucid dreaming) เป็นสภาวะที่ผู้ฝันตระหนักว่าตนกำลังฝันและสามารถควบคุมเนื้อหาของความฝันได้ การวิจัยล่าสุดได้เปิดเผยความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ รวมถึงความเป็นไปได้ในการสื่อสารสองทางระหว่างผู้ฝันและนักวิจัย และบทบาทของการแบ่งปันความฝันในการเพิ่มพูนความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจระหว่างบุคคล

ในปี 2021 การศึกษาระดับนานาชาติแสดงให้เห็นว่าการสื่อสารสองทางระหว่างผู้ฝันรู้ตัวและนักวิจัยในห้องปฏิบัติการเป็นไปได้ และในปี 2024 การศึกษาต่อเนื่องได้ฝึกผู้ฝันรู้ตัวให้ควบคุมวัตถุเสมือนจริงขณะหลับ โดยใช้การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเล็กน้อยเพื่อส่งสัญญาณไปยังคอมพิวเตอร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพในการสื่อสารแบบเรียลไทม์ระหว่างความฝัน

นอกจากนี้ การวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าการแบ่งปันความฝันอาจเพิ่มพูนความเห็นอกเห็นใจและความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งอาจมีประโยชน์ในเชิงวิวัฒนาการ การอภิปรายความฝันในกลุ่มสามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมและความเข้าใจระหว่างบุคคล

ทัศนคติเชิงบวกต่อความฝันยังสัมพันธ์กับความสามารถในการจดจำความฝันได้ดีขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าทักษะการให้ความสนใจอาจมีบทบาทในการจดจำและตีความความฝัน

การค้นพบเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างความฝันและชีวิตประจำวัน และเปิดโอกาสใหม่ในการวิจัยเกี่ยวกับจิตสำนึกและการสื่อสารระหว่างบุคคลในสภาวะต่าง ๆ ของจิตใจ

ที่มา: https://neurosciencenews.com/lucid-dreams-empathy-neuroscience-27780

#################################################################

ขนาดสมองมนุษย์กับวิวัฒนาการที่ค่อยเป็นค่อยไป


งานวิจัยนี้ท้าทายความคิดเก่าๆ ที่ว่าสิ่งมีชีวิตบางสายพันธุ์ เช่น มนุษย์นีแอนเดอร์ธัล ไม่เปลี่ยนแปลงและไม่สามารถปรับตัวได้ แต่กลับเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปและต่อเนื่องซึ่งเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังวิวัฒนาการขนาดสมอง - Cr. Neuroscience News

การศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสมองมนุษย์ ผลการศึกษาระบุว่าการเพิ่มขึ้นของขนาดสมองเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในแต่ละสายพันธุ์ แทนที่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันตามที่เคยเชื่อ ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเรดดิ้ง อ็อกซ์ฟอร์ด และเดอแรม ได้รวบรวมข้อมูลจากฟอสซิลมนุษย์กว่า 300 ชิ้น ครอบคลุมช่วงเวลา 7 ล้านปี เพื่อสร้างแบบจำลองการเปลี่ยนแปลงของสมองในสายพันธุ์มนุษย์ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน


ความสัมพันธ์ระหว่างความจุของกะโหลกศีรษะ ขนาดของร่างกาย และเวลาทั้งภายในและภายนอกสายพันธุ์ - Cr. Proceedings of the National Academy of Sciences (2024) DOI: 10.1073/pnas.2409542121

หลักฐานจากฟอสซิลโบราณ
ข้อมูลฟอสซิลมนุษย์แสดงให้เห็นว่าขนาดสมองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ Sahelanthropus tchadensis ซึ่งมีสมองขนาดเล็กเกือบเท่ากับลิงชิมแปนซี ไปจนถึง Homo sapiens ที่มีสมองใหญ่ที่สุดในสายพันธุ์มนุษย์ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นภายในแต่ละสายพันธุ์มากกว่าการเปลี่ยนแปลงระหว่างสายพันธุ์ ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขนาดสมองจาก Homo habilis ไปยัง Homo erectus และ Homo sapiens นั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่สะสมในระยะยาว

สมองใหญ่ขึ้น แต่ร่างกายไม่ได้ใหญ่ตาม
ที่น่าสนใจคือ ขนาดร่างกายของมนุษย์ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามขนาดสมองในทุกสายพันธุ์ ตัวอย่างเช่น Homo erectus ซึ่งมีขนาดสมองใหญ่กว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า แต่ร่างกายของพวกเขาไม่ได้ใหญ่ขึ้นมากนัก ข้อนี้บ่งชี้ว่าการเพิ่มขนาดสมองไม่ได้สัมพันธ์โดยตรงกับขนาดร่างกายเสมอไป และอาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยอื่น เช่น สภาพแวดล้อมและพฤติกรรม

ผลกระทบของสิ่งแวดล้อมต่อสมอง
ทีมวิจัยชี้ว่าสภาพแวดล้อมมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการวิวัฒนาการของสมอง การปรับตัวให้เข้ากับภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและการขยายพื้นที่อยู่อาศัย เช่น การใช้ชีวิตในทุ่งหญ้าสะวันนาในแอฟริกา อาจสร้างความต้องการทางปัญญาที่สูงขึ้น เช่น ความสามารถในการวางแผนและการแก้ปัญหา สิ่งนี้ช่วยเร่งการพัฒนาสมองในช่วงวิวัฒนาการของมนุษย์


หินอ่อนอียิปต์โบราณประวัติศาสตร์ - Cr. okanakdeniz

พัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม
ขนาดสมองที่เพิ่มขึ้นยังสัมพันธ์กับความก้าวหน้าทางสังคมและวัฒนธรรม เช่น การพัฒนาภาษา การประดิษฐ์เครื่องมือ และการทำงานร่วมกันในกลุ่ม การทำงานร่วมกันที่ซับซ้อนต้องอาศัยความสามารถในการคิดวิเคราะห์และสื่อสาร ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มขนาดสมองในมนุษย์ยุคหลัง

ท้าทายแนวคิดเดิม
การศึกษานี้ท้าทายแนวคิดที่ว่าการเพิ่มขึ้นของขนาดสมองมนุษย์เกิดจากการกระโดดทางวิวัฒนาการ เช่น การเกิดขึ้นของสายพันธุ์ใหม่ ข้อมูลใหม่นี้ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งสะท้อนถึงความซับซ้อนของการวิวัฒนาการในระยะยาว

ความหมายของการค้นพบ
การค้นพบครั้งนี้ช่วยเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสมองมนุษย์ และเปิดโอกาสให้ศึกษาเกี่ยวกับบทบาทของสิ่งแวดล้อมและปัจจัยทางสังคมที่มีผลต่อการพัฒนาสมอง การเข้าใจวิวัฒนาการนี้ยังช่วยให้เรามองเห็นกระบวนการพัฒนาสติปัญญาในสายพันธุ์มนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้ชัดเจนขึ้น

บทสรุป
การวิจัยใหม่ยืนยันว่า การวิวัฒนาการของขนาดสมองมนุษย์เป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไปและซับซ้อน การเพิ่มขนาดสมองไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด แต่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่สะสมในระยะยาว ความเข้าใจนี้ช่วยเปิดประตูสู่การค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์และการพัฒนาความสามารถทางปัญญาในอนาคต

ที่มา: https://phys.org/news/2024-11-brains-grew-faster-humans-evolved.html, https://neurosciencenews.com/evolution-brain-size-28153
10
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2020
ตอบ: 23068
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 02, 2024 01:32
[RE: นักวิจัย ปลดล็อกมิติใหม่ ได้หลังคุยกันขณะที่ฝันเป็นครั้งแรก]
อีกสิบปีโลกจะไปไกลขนาดไหนหว่ากับ ai
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

เมื่อไหร่โดนบังคับให้ไม่พูดสิ่งที่ควรพูด ถือว่าเราตายไปแล้ว :D
ออฟไลน์
แข้งบุนเดสลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Mar 2020
ตอบ: 12795
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 02, 2024 01:48
[RE: นักวิจัย ปลดล็อกมิติใหม่ ได้หลังคุยกันขณะที่ฝันเป็นครั้งแรก]
อยากสื่อสารในฝันได้เหมือนกัน จะได้เรียนรู้ขณะหลับได้

เทคโนโลยี Nerve Gear ใกล้ความเป็นจริงอีกก้าวแล้วสินะ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้จัดการทีมชาติ
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Oct 2005
ตอบ: 40381
ที่อยู่: Kanagawa, Japan
โพสเมื่อ: Mon Dec 02, 2024 01:55
[RE: นักวิจัย ปลดล็อกมิติใหม่ ได้หลังคุยกันขณะที่ฝันเป็นครั้งแรก]
"เมื่อระบบตรวจพบว่าผู้เข้าร่วมคนแรกเข้าสู่สภาวะฝันรู้ตัว ระบบจะสร้างคำแบบสุ่มและส่งผ่านหูฟัง ผู้เข้าร่วมจะตอบสนองต่อคำดังกล่าวในฝัน และการตอบสนองนั้นจะถูกบันทึกไว้"

ประเด็นคือระบบมันตรวจสอบคำตอบวิธีไหน ปัจจุบันผมเดาว่าน่าจะเก็บได้แค่การเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมอง

อารมณ์เหมือนถามคนป่วยโคม่าดูปฏิกิริยาตอบสนอง..มากกว่านั้นไม่น่าจะได้ เลยไม่อยากเรียกว่าการสื่อสารเท่าไหร่
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 Jul 2020
ตอบ: 1655
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 02, 2024 03:04
[RE: นักวิจัย ปลดล็อกมิติใหม่ ได้หลังคุยกันขณะที่ฝันเป็นครั้งแรก]
หนักแล้ว ชาว SS ตอนฝันยังไม่พักแน่นอน
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5956
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 02, 2024 03:22
[RE: นักวิจัย ปลดล็อกมิติใหม่ ได้หลังคุยกันขณะที่ฝันเป็นครั้งแรก]
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
อีกสิบปีโลกจะไปไกลขนาดไหนหว่ากับ ai  


สายเทคตัวพ่ออย่างนายอาร์ม พูดไว้ตั้งแต่ chat gpt ตัวแรกปล่อยออกมาว่า ตอนนี้โลกเราเหมือนกลับไปยุคที่มนุษย์ค้นพบไฟเป็นครั้งแรก แบบนั้นเลยครับ ถ้าอีก 10 ปี ผมว่า หุ่นยนต์รับใช้เดินกันเต็มตลาดแล้วแน่นอน
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status: ชีวิต..ติดแกลบ
: 1 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 May 2020
ตอบ: 6944
ที่อยู่: ดาวโลก
โพสเมื่อ: Mon Dec 02, 2024 07:19
[RE: นักวิจัย ปลดล็อกมิติใหม่ ได้หลังคุยกันขณะที่ฝันเป็นครั้งแรก]
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
"เมื่อระบบตรวจพบว่าผู้เข้าร่วมคนแรกเข้าสู่สภาวะฝันรู้ตัว ระบบจะสร้างคำแบบสุ่มและส่งผ่านหูฟัง ผู้เข้าร่วมจะตอบสนองต่อคำดังกล่าวในฝัน และการตอบสนองนั้นจะถูกบันทึกไว้"

ประเด็นคือระบบมันตรวจสอบคำตอบวิธีไหน ปัจจุบันผมเดาว่าน่าจะเก็บได้แค่การเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมอง

อารมณ์เหมือนถามคนป่วยโคม่าดูปฏิกิริยาตอบสนอง..มากกว่านั้นไม่น่าจะได้ เลยไม่อยากเรียกว่าการสื่อสารเท่าไหร่  


ผมคิดว่าน่าจะต้องมีการถามคำตอบจากคนที่ฝันด้วย เพราะถ้าสื่อสารได้จริงก็จะรู้ว่าคำถามคืออะไร ผมเคยเห็นตปท.เค้าขายเครื่องช่วยให้ฝันแบบนี้แหละ สัก6ปีที่แล้วราคาไทยประมาณ3หมื่น ตอนนั้นยังคิดเลยว่ามันจะเป็นไปได้เหรอ ส่วนพวกบริษัทที่พยายามวิจัยอยู่ก็อาจมีแรงบันดาลใจคล้ายๆกัน ถ้าทำได้คงเปลี่ยนโลกไปเลย (คนเพี้ยนเยอะขึ้น )
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งบุนเดสลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Sep 2013
ตอบ: 11483
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 02, 2024 07:38
[RE: นักวิจัย ปลดล็อกมิติใหม่ ได้หลังคุยกันขณะที่ฝันเป็นครั้งแรก]
จริงๆมันมีอยู่แล้ว แค่เรายังอธิบายไม่ได้ เช่น เราฝันเห็นคนๆนึงซึ่งไปเจอนานแล้ว และมารู้อีกทีว่าเขามาเข้าฝันสั่งลา บางทีฝันนั่นละคือจุดเชื่อมมิติสองมิติแบบชั่วคราวก็เป็นได้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel