รีวิวใช้งานจริง Dolphin STD vs Ativ 2023 (จากคนเคยทำงานโต)
รีวิวใช้จริงฉบับ รถของตัวเองเลยเดิมๆ วิ่งน้อยและอยู่ภาคเหนือ ในมุมของคนเคยทำงาน โตโยต้า ด้วย เทียบ Segment เดียวกัน รถเดิมๆ จริงๆมี Mazda2 อีกคัน แต่ Gen มันต่างกันเกินไป
การขับขี่
โลมา อัตราเร่งดีเยี่ยม เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถเร่งความเร็วได้ทันทีโดยไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์
แต่รถมีอาการโยนเล็กน้อย เวลาเข้าโค้งไวๆ ทำให้รู้สึกไม่มั่นคง แต่จริงๆมันเอาอยู่นะ มันแค่รู้สึก อาจจะเพราะยางติดรถห่วยจริง ซึ่งเอทีฟ แม้จะอืด รถซื้อแกง แต่เวลาเข้าโค้งรู้สึกมั่นคงในช่วงล่างและการเข้าโค้งมากกว่า แต่ไม่ใช่ดีที่สุดนะ พวก Mazda 2 / CITY / ALMERA พวกนั้นดีกว่าเยอะ
ข้อนี้ โลมา นิดหนึ่ง เพราะคิดว่าเปลี่ยนยางน่าจะดีขึ้น แต่ความเร็วมันแก้ยาก
ในส่วนของระบบความปลอดภัย ทั้งสองรุ่นนี้มีฟังก์ชั่นที่คล้ายกัน
โลมา ACC ใช้ Radar ร่วมกับกล้อง (เอทีฟ ACC ใช้กล้องอย่างเดียว) ทำให้การทำงานชาญฉลาดและนุ่มนวลกว่า มี Lane Centering สามารถเข้าโค้งได้ แต่ Blind Spot ไม่มีเสียงเตือน ต้องดูจอเอาเอง (เอทีฟ Blind Spot มีเสียงเตือน) และ ไฟหน้าไม่สว่างเท่าเอทีฟ แม้จะปรับระดับได้ และตัวไฟสูงอัตโนมัติค่อนข้างเอ๋อๆ ซึ่งเอทีฟฉลาดกว่าในเรื่องไฟสูงอัตโนมัติ แต่ไฟหน้าออโต้ โง่พอๆกัน ต้องเปลี่ยนตัวครอบแสง
อีกข้อที่ทำให้รู้สึกว่าความสะดวกสบายแตกต่างกันคือระบบการเข้าออกรถ เอทีฟมีระบบ Welcome Walk ที่ทำให้สามารถเปิดรถได้ง่ายเพียงแค่เดินเข้าใกล้ เวลาถือของเยอะๆ มันเปิดประตูได้เลย ขณะที่โลมาต้องใช้แอป กุญแจหรือการ์ด NFC ซึ่งบางครั้งอาจจะยุ่งยากกว่าในกรณีที่มือไม่ว่าง แต่ข้อดีของ App โลมา คือเปิดแอร์ในรถไว้ได้
ข้อนี้ให้เสมอกัน เพราะมีดีกันคนละด้านจริงๆ อันหนึ่ง ACC ฉลาดแต่ไฟเอ๋อ มุมอับไม่มีเสียงเตือน ถ้าปลดล็อคแอบไม่มีกุญแจก็สตาร์ทไปได้เลย อีกอัน ACC เอ๋อ แต่ไฟฉลาดและมีเสียงเตือน และมี welcome walk
ในด้านระบบ Entertainment นั้น
โลมา ตั้งแต่ Fw2407 ลง GBOX โดยศูนย์ ก็สามารถดาวน์โหลดแอพได้เอง ทำให้จอกลางเหมือน Tablet ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นใหญ่เลย แทบไม่ได้แตะ Andriond Auto หรือ Carplay เลย
ซึ่ง ATIV ก็มี Andriod Auto และ Carplay แบบมีสาย และสามารถชดเชยได้หากซื้อกล่อง Andriod มาทดแทนได้ ซึ่งในเรื่องของเครื่องเสียงรู้สึกว่า เอทีฟ ก็ทำได้ดีกว่าเพราะ PIONEER ล้วนๆเลย(แต่ไม่ใช่ดีที่สุดนะ) ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่พอดูรวมๆแล้ว Entertainment ให้ โลมา ชนะ เพราะสะดวกกว่า
พูดถึงคือระบบปรับอากาศ
เอทีฟ ชนะด้วยระบบแอร์ DENSO ที่เย็นเร็วและเย็นถึง รวมถึงมีแอร์หลัง แต่บวดนั้นไม่ได้มีแอร์หลัง ซึ่งแอร์ร้อนกว่าชัดเจนมากๆ แต่มีฮีทเตอร์ ซึ่งก็ได้ใช้งานในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น
ดังนั้นเรื่องแอร์ให้ ATIV ชนะขาดลอยไปเลย
ห้องโดยสาร
สำหรับการขนของ แม้ในกรณีที่ไม่พับเบาะ เอทีฟจะขนของได้เยอะ แต่หากพับเบาะแล้ว โลมาก็สามารถขนของได้เยอะกว่าอย่างชัดเจน ห้องโดยสาร โลมา กว้างและสบายกว่า ในส่วนคนขับคอนโซลกลางเกะกะ พอๆกันเลย และโลมา ปุ่มปรับต่างๆ ส่วนใหญ่อยู่ตรงจอกลาง ซึ่งโคตรลำบากเวลาเปิดปิดอะไร
รวมไปถึงงานประกอบผมให้คุณภาพไม่ต่างกันเลย บางจุด โลมา ทำได้ดีกว่าด้วย แต่มาตราฐานไม่ค่อยมี ในกลุ่มเจอ แต่รถไม่เจอ ก็โชคดีไป เลยไม่กล้าบอกว่า บวด ดีกว่า ไดฮัทสุ
ข้อนี้ให้เสมอกัน เพราะอยู่ที่การใช้งานเลย บางครั้งก็รู้สึกเอทีฟดีกว่า
เช่นตอนซื้อทุเรียนจะชอบเอทีฟมากกว่าโลมา เป็นต้น
ในเรื่องของค่าใช้จ่าย
ถ้าเทียบในช่วง 1 เดือน สำหรับคนใช้รถน้อย เดินทางประมาณ 2,000 กิโลเมตร เอทีฟจะใช้เงินประมาณ 4,000 บาท ขณะที่ โลมาใช้เพียงแค่ 800 บาทเท่านั้น ซึ่งต่างกันเกือบ 3,200 บาท และการใช้ชาร์จ Portable ก็จะใช้เวลานานมาก ดังนั้นการมี Wall Box จะสะดวกมากกว่าในระยะยาว แต่จะทำให้มีค่าใช้จ่ายแฝงเพิ่มเข้าไปราวๆ 2-3 หมื่นบาทต่อคัน
ดังนั้นถ้าพูดแค่ค่าใช้จ่าย ให้ โลมา ชนะ
การเดินทางไกล
ข้อนี้พอสถานการณ์จริงๆ ไม่ได้ต่างมากมายเลย โลมามีข้อเสียที่ชัดเจน คือ การเดินทางไกล การวางแผนเกี่ยวกับตู้ชาร์จที่อาจจะไม่สะดวกเสมอไป ทั้งการหาตู้ที่ไม่เสีย หรือ ไปเจอคนนั่งจอดแช่ที่ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ ราคาชาร์จตู้ DC ก็ค่อนข้างสูงประมาณหนึ่ง แม้จะถูกกว่าน้ำมัน แต่ก็ไม่ได้ประหยัดมากมายอะไร แลกกับเวลาชาร์จที่เสียไป
ดังนั้นการเดินทางไกล ATIV ชนะ
สรุป
โลมา เหมาะสำหรับคนที่เน้นในเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายและการขับขี่ในระยะทางไม่ไกลจนเกินไป เจอรถติดบ่อยๆ ซึ่งจะใช้พลังงานน้อยมากๆ ถ้ารถติด แต่วิ่งไกลจะเป็นอีกเรื่องเลย เพราะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากทั้งในด้านพลังงานและการดูแลรักษา แต่ก็ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดในเรื่องการชาร์จและเวลาในการเดินทางไกลที่อาจจะทำให้เกิดความยุ่งยาก ต้องมีการวางแผนการชาร์จให้ดี รวมถึงการเดินทางไกลที่อาจจะไม่สะดวกนักหากไม่มีตู้ชาร์จที่พร้อมใช้งาน
เอทีฟ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกในการขับขี่ระยะทางไกล รถไม่ติดวิ่งโล่งๆสบายๆ อัตรากินน้ำมัน ไม่ได้แย่เลยสำหรับรถรุ่นนี้ ถึงแม้ว่าเอทีฟจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าในเรื่องน้ำมันและค่าใช้จ่ายโดยรวม แต่ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการความสะดวกในการเดินทางไกลและไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ
สำหรับคนที่ลังเลในการเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า
หากคุณกำลังใช้รถไฮบริดอยู่แล้ว การเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าอาจจะไม่ได้สร้างความแตกต่างที่ชัดเจนในแง่ของการใช้งานประจำวัน เพราะรถไฮบริดสามารถเดินทางไกลได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ และยังคงประหยัดพลังงานได้ดีในระยะทางไกลๆ เพราะรถไฟฟ้าจะมีอัตราการใช้พลังงานที่สูงเมื่อเดินทางไกล และการชาร์จอาจจะต้องใช้เวลา ซึ่งอาจจะทำให้เสียเวลาและเพิ่มความยุ่งยากในการวางแผนการเดินทาง โดยเฉพาะยิ่งถ้าคนใช้ PHEV แทยจะไม่เห็นความแตกต่างเลย ถ้าอนาคต PHEV วิ่งได้ไกลขึ้น ก็จะคลุมทั้งในเมืองและทางไกลทันที
นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยขับรถหรือไม่ได้ใช้รถทุกวัน การเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าอาจจะไม่คุ้มค่ามากนัก เพราะส่วนต่างจะแทบไม่มีผลเลย เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการซื้อและค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จที่บ้านอาจจะสูง ขณะที่การใช้รถเบนซินหรือไฮบริดอาจจะสะดวกกว่าในแง่ของความพร้อมในการใช้งาน
อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องพิจารณาคือ หากคุณไม่มีที่ชาร์จที่บ้าน การชาร์จข้างนอกจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่ามาก ซึ่งอาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายรวมในการใช้รถไฟฟ้าสูงกว่าที่คาดไว้ การวางแผนเรื่องตู้ชาร์จจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่มีสถานีชาร์จหรือ Wall Box ที่บ้านแล้ว รถไฟฟ้าก็อาจไม่คุ้มค่ากับการใช้งานในระยะยาว