ผมจบป.ตรีนะ แต่ได้คุยกับหัวหน้าที่เป็น จบ ป.โท หรือ ป.เอก ตอนแรกๆก็คุยไม่ค่อยรู้เรื่องไม่ค่อยเข้าใจ เคยได้ยินพวกจบสูงๆจะคุยไม่รู้เรื่อง แต่พอคลุกคลีไปนานๆ คนเหล่านี้จะมีความคิดความอ่านที่ลึกซึ้ง ละเอียดรอบคอบ ตรรกะการคิดเป็นเหตุเป็นผล
อีกมุมมองนึงนักเรียนประถมติดมือถือติดโชเชี่ยล และเดี๋ยวนี้ผู้ปกครองไม่ค่อยมีเวลาดูแล และคอนเท้นในโชเชี่ยลก็มีแต่คอนเท้นไม่ค่อยมีประโยชน์ พอนักเรียนติดโชเชี่ยล/เกม >>> ส่งผลให้ไม่ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือไม่ออก คิดเลขไม่ได้ >>พอโตมาก็ขี้เกียจเรียน ถ้าไม่ได้รับการอบรมที่ดีอาจจะส่งผลให้เป็นภาระต่อสังคมได้เยอะขึ้น แต่บางคนกลับกันอันนี้จากที่เห็นนะ เด็กฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ไม่มีมือถือ หรือคอมพิวเตอร์ แต่กลับเรียนได้ดีเพราะไม่มีอะไรคอยดึงความสนใจจากสมอง จะโฟกัสการเรียนได้ดีกว่า ถ้าผมเป็นรัฐบาลจะทำทุวิถีทางเพื่อให้เรียนฟรีจนจบ ป.ตรี เลย ทุุกคน เปล่าผมแค่บ่น ในสภาพแวดล้อมที่เจอคือ เด็กส่วนใหญ่ป.5-6 ติดโชเชี่ยลรู้หมดทุกอย่าง แต่อ่านหนังสือคำง่ายๆยังไม่ออก ท่องสูตรคูณยังไม่ได้ แต่พ่นคำหยาบต่างๆพฤติกรรม มารยาทต่างๆ ก็อบมาจากโชเชี่ยล มันส่งผลต่ออนาคตในวงกว้างจริงๆนะ

ช่วงนี้เตรียมเรื่องของบโครงการปีหน้า เรื่องโครงการของหน่วยงานต่างๆที่จะเริ่มประมูล ผมเลยได้คลุกคลีกับพวกดร.บางหน่วยงานที่แบบเก่ง เก่งจริงๆ รู้สึกเลยว่า เออ เขาเก่งจริงว่ะ ยกระดับการสนทนาไปอีกขั้นเลย เรื่องงาน วิชาการ แนวคิด ช่วยให้ผมพัฒนาบางจุดได้เลยล่ะ

งานวิชาการอ่ะใช่ ความรับผิดชอบกับนิสัยส่วนตัวก็อีกเรื่องหนึ่ง
ผอ. รร แฟนผมจบ ป.เอก จะไม่ค่อยคุยกับครูที่จบปริญญาตรีสักเท่าไหร่นะ จะคุยกับคนที่จบโท และก็จะมักแต่งตั้งคนเหล่านั้นให้มาเป็นหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ถามว่าผิดไหม ก็ไม่ผิดหรอก แต่งานออกมาคือเละครับ เพราะคนจบโทส่วนใหญ่เป็นเด็กที่พึ่งบรรจุได้ ประสบการณ์ไม่ค่อยมี แถมเลิกงานปุ๊บ กลับบ้าน งานโรงเรียนยากที่จะช่วยทำ แฟนผมนี่บ่นอุบเลย นึกว่าได้ คศ.3 แล้วจะดีขึ้น

ผมอยู่ออสเตรเลีย ที่นี่เพิ่งออกกฎหมายเด็กต่ำกว่า 16 ห้ามใช้โซเชียล

ถ้าที่ไทยทำมั่งจะเป็นไงนะ

โดนด่า ประท้วงขับไล่. สมัยนี้เด็กยิ่งใหญ่

พวก ผอ รร ที่จบ ป. เอก อย่าให้แฉกันเลยครับ ว่าส่วนใหญ่จบ ป. เอก เพราะ อะไร

ยิ่งที่พบเจอหลายคนใยุคนี้ (จะอายุเท่าไหร่ก็ตามแต่)

- สติอ่อน สมาธิสั้นมาก จดจ่อหรือทำอะไรกับสิ่งตรงหน้าต่อเนื่องได้น้อยมาก
- ความอดทนต่อเรื่องเล็กน้อยก็แทบไม่มี อาจเป็นเพราะว่าในโลกโซเชียลทุกอย่างมันตอบสนองสิ่งที่เราต้องการได้อย่างรวดเร็ว พอมาเจอสิ่งที่ต้องอดทนรอหรืออดกลั้นต่อสิ่งนั้นก็หงุดหงุดไม่พอใจ เป็นทุกข์อีก ทั้งที่หลายสิ่งหลายอย่างเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

ที่จีน เขาถึงมีกฏหมายควบคุม จำกัดเวลาเด็กเล่นเกม

แต่การแข่งขันเขาสูงจริงอ่านหนังสือกันเป็นตั้งๆ เพื่อสอบเข้ามหาลัย (เกาเข่า)

แล้วบ้านเขาให้ความสำคัญกับวันนั้นมากๆ มีพ่อแม่-ครู-นร.-ผู้คนในเมืองออกมายืนส่ง มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก มีรถรับส่ง ให้เด็กได้ไปสอบได้ทัน มีการห้ามใช้เสียงทุกชนิดรอบสนามสอบ และตัดสัญญานมือถือเพื่อไม่ให้ไปรบกวนสมาธิเด็ก

เป็นการสอบที่จะเปลี่ยนชีวิตไปตลอดจริงๆ

ต้องปรับหลักสูตรครับ เน้นนั่งเรียนในห้องให้น้อยลง เพิ่มประสบการณ์+ความรู้ไปด้วยจะดีมากกว่า

การได้ลงมือทำเอง มากกว่าการมานั่งท่องจำ มันคือการสร้างองค์ความรู้ให้ตัวเด็กเองดีที่สุดครับ

บ้านเรามันสอนแปลกๆ

อย่างผมชอบเลข อาจจะไม่ตั้งใจเรียน แต่เลขผมไม่กากแน่สมัยเรียน

ไอด้วยความที่ชอบมันเลยทำโจทย์มาเยอะ วิธีทำมันเลยลัดขั้นมั่ง เหมือนคนทำอะไรซ้ำๆ แล้วขั้นตอนมันอยู่ในหัว บางทีจากที่สอน 7 บรรทัด ผมเขียน 3-4 ก็จบแล้ว

พอไปเจอข้อสอบ ก็อ่านหัวนะ ว่ามันเขียนว่า จงหาคำตอบ เราก็เขียนแค่ที่อยู่ในหัวไปจนถึงคำตอบ คือหมูมาก

คะแนนออกมาแม่งน้อยกว่าคนตอบผิด แต่เขียนวิธีทำอะไรไม่รู้ ยึกยือเป็นหน้าอะ แบบจริงๆมี 7-8 ไอคนทำไม่ได้แม่งเขียนไป 10-15 เต็มๆหน้า คำตอบก็ผิด อันนี้เพราะผมไปแย้งถามหลังคะแนนออก เค้าบอกต้องการให้แสดงวิธีทำแบบละเอียด

ผมหมดศรัทธาเลย บ้านเรายังให้ความสำคัญกับวิธีการผิดๆ ที่ไปสู่ผลลัพธ์ที่ผิดๆ ไม่รู้เพื่ออะไร

ขนาดในมหาลัย เค้าจะไม่แม้แต่จะพยายามเข้าใจด้วยซ้ำ ว่าถ้าคนแม่มมีวิธีที่ไปสู่คำตอบที่ถูกได้ ในแบบที่สั้นกว่ามันคือเรื่องดี หลังจากนั้นในคลาสผมปล่อยจอยเลย ถามมาก็ไม่ตอบ ไม่สนใจ อยากสอนไรสอนไป เสียเวลา

สำคัญสุดแล้วครับ คนรวยที่ผมเคยเจอมา ตั้งแต่หมอยันนักธุรกิจ ทุกคนเวลามีลูก สิ่งสำคัญสุดคือ การศึกษา
ส่วนคนจน ให้ทรัพย์สิน ให้หนี้ การเรียนช่างมันเอาตัวรอดได้พอ มายเชต คนละแบบ ผลมันก็ต่างกันละ

การศึกษา ไม่ใช่แค่ความรู้ แต่มันคือสภาพแวดล้อม เพื่อนฝูง วิธีคิด สังคม รวมไปถึงคู่ชีวิต อย่าง เด็กเรียนเค้าก็อยู่สังคมเค้าช่วยกันเรียนช่วยกันรับผิดชอบ แต่งงานก็แต่งกับคนระดับเดียวกัน ความมั่นคง คอนเนคชั่นก็แน่นขึ้นเรื่อยๆ

บ้านเราเน้นผลิต ไม่เน้นคุณภาพ เลี้ยงลูกด้วยยูทูป โซเชี่ยล การศึกษาไม่สูงแต่ทำตัวเหมือนรู้ดีทุกอย่าง คนแบบนี้คุยด้วยแล้วปวดหัว ส่วนตัวผมคิดว่ายิ่งการศึกษาสูงระดับในการคิด วิเคราะห์ และการวางแผนมันจะมีความซับซ้อนมากขึ้นนะ

อ่านของท่าน 2 บรรทัดแรก รู้สึกว่าท่านกำลังเจอหัวหน้างานที่ดี (ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการศึกษานะ) ดูเหมือนท่านชื่นชมเขา ถือว่าท่านโชคดีแล้วครับ การเจอหัวหน้างานที่เราชื่นชม อยากทำงานด้วย อยากเรียนรู้จากเขา บางทีก็ไม่ได้เจอกันได้ง่ายๆ

เลอะเทอะ ถ้าบริบทกฎหมายสมเหตุสมผล และมีการซัพพอตด้านอื่นๆ ยังไงก็เข้าใจได้ทั้งนั้น

ที่ออสเขาห้ามเด็ก 16 ใช้โซเชี่ยล ก็ต้องดูบริบทของกฎหมายด้วย

และต้องดูการซัพพอตด้านอื่นๆด้วยครับ ไม่ใช่สักแต่จะแซะไปเรื่อยเปื่อย

ถ้าไทยจะเอามาแค่บทกฎหมายมาตราเดียว เอามาห้ามเลย แบบนี้มันก็ไม่แฟร์

เพราะพื้นฐานที่ไทยกับออสเหมือนต่างฟ้ากับนรกชั้นล่างสุด

ผ่านร่าง และ ใช้จริงแล้วเหรอ ?