Ferdinand สัมภาษณ์ Lewandowski
เป็นคลิปที่ริโอเชิญเลวานมาสัมภาษณ์ในรายการตัวเอง ดูเล่นๆไปมาๆ จบเลย เพลินมาก
จากที่มองเลวานเป็น scorer เงียบๆ แต่พอได้พูดคุยแล้วเป็นคนที่โฟกัสและพิถีพิถันกับการเล่นมาก
แล้วใดๆคือทำไมพูดอังกฤษเก่งจัง ผมสรุปมาเล่นๆสำหรับคนไม่มีเวลาเปิดดู
(อาจจะไม่ตรง 100% นะ อิ๊งไม่แข็งเท่าไหร่)
- ทั้ง 2 เห็นตรงกันว่าฟุตบอลเปลี่ยนไปใน 18 เดือนหลัง ตำแหน่งที่ทั้งคู่มองว่าเป็นแกนกลางของทีม และ
สำคัญมากที่สุดคือตำแหน่งเบอร์ 6 (แบบโครส โรดรี้ กุนโดกัน) ทุกๆทีมพยายามหาคนมาลงตำแหน่งนี้
- เลวานพูดถึงทั้งอันเช่และเป็ป รวมถึงเจอร์เก็น คล็อป
อันเช่เป็นโค้ชที่วางแท็กติกไว้หลวมๆ
และใส่สกิลเด่นๆนักเตะที่นักเตะมี เข้าไปในตำแหน่งที่ต้องการใช้งาน แต่อันเช่เป็นคนที่เทคแคร์ลูกทีม
เหมือนคุณลุงคนนึงเป็นคนที่นักเตะกล้าเดินเข้าไปพูดคุยเรื่องต่างๆ ในฐานะมนุษย์คนนึง
ต่างกันกับเป็ป
เป็ปมาบาเยิร์นพร้อมไอเดียเต็มหัวและโฟกัสมากๆ ในเรื่องแท็กติก ไม่ค่อยสนอย่างอื่น
ถ้าทุกคนอยากชนะต้องทำตามเขาให้ได้ 100%
นักเตะส่วนใหญ่จึงจะช็อคเมื่อเจอเป็ปช่วงแรก
เป็ปลงรายละเอียดขนาดที่ว่าพอคุณออกบอลไปแล้ว ลำตัวคุณต้องหันไปฝั่งไหนเพื่อเพิ่ม Option ในการเล่น
และเพิ่มวิชั่นในการมองเห็น การเล่นลิง หรือบอล 7-7 ของเป็ปเลยโครดจะซีเรียส
จ่ายกันสามทีก็สั่งเบรคติวแล้ว
(ริโองงเลยว่าอะไรจะขนาดนั้น) แต่หลังๆ เลวานบอกว่าเป็ปผ่อนคลายขึ้น
มีความเป็นมนุษย์มากขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
- เปรียบเทียบกัน โค้ชทั้ง 2 แบบก็ดีคนละฝ่าย
แต่แอบนึกไปเองว่าเลวานแอบเอียงไปทางอันเช่มากกว่า เพราะแกบอกว่า
ฟุตบอลนัดสำคัญๆ อย่างรอบรอง และชิง UCL แท็กติกมีผลน้อยกว่าสภาพจิตใจนักเตะ ที่ส่วนใหญ่จะเครียด
และกดดัน (และอันเช่ก็ชนะ UCL บ่อยๆ อย่างมีนัยยะสำคัญ)
- ความอัจฉริยะของโทมัส มุลเล่อร์เป็นสิ่งที่เลวานไม่เคยเห็นใครมีมาก่อนในอาชีพการค้าแข้ง
พอพูดเรื่องแท็กติกไม่จำเป็นเท่าไหร่ ริโอเลยถามว่ามุลเลอร์ดูเป็นคนที่เหมาะกับสถานการณ์แบบนั้นมั๊ย
เพราะมุลเล่อร์ดูเป็นคนบ้าๆบวมๆ ไม่มีตำแหน่งเป็นชิ้นเป็นอัน เลวานกลับตอบว่า
เห็นอย่างนั้นมุลเล่อร์ฉลาดในสนามมาก เอาแค่การที่เลวานเริ่มเพรซซิ่งทีมตรงข้าม
ตัวเขาจะเห็นแค่ตัวรับฝั่งตรงข้าม แต่ไม่เห็นเบอร์ 6 ของอีกทีมขยับไปรับบอล
ก็เป็นมุลเล่อร์นี่แหละที่คอยกำกับ ว่าให้วิ่งไปกันทางซ้ายหรือทางขวา (บล็อกทางออกบอลไปเบอร์ 6)
และถ้ามีใครสักคนเก็บบอล 2 ต่อจากนี้ได้ เลวานเองก็ไม่เปลืองแรงและโฟกัสตำแหน่งเกมส์รุกได้ดีขึ้น
มุลเล่อร์เลยเป็นเหมือนกาวของทีม ที่ผนึก 11 คนในสนามให้เล่นเป็นภาพเดียวกัน
(ติดตลกด้วยว่ามุลเล่อร์ทั้งไม่เร็ว ทั้งไม่คม แต่ถ้าต้องการสกอร์เดี๋ยวมุลเล่อร์ก็หาวิธีมาได้เอง)
- ชาบี้ อลอนโซ่
เลวานเจออลอลโซ่หลังจากย้ายมาจากมาดริด ซึ่งตอนนั้นอลอนโซ่น่าจะ 33-35 แล้ว (จะบอกว่าแก่)
ซึ่งวันแรกที่อลอนโซ่มา เขามาเตรียมตัวก่อนซ้อมแล้ว
ซึ่งอลอนโซ่เดินแต่จ่ายง่ายๆ ไปมาๆ ไม่มีอะไรน่าดูเท่าไหร่
เลยคิดว่าว่า ok เราน่าจะเล่นด้วยกันได้ แต่พอได้ซ้อมด้วยกันถึงเข้าใจ
ว่าบอลของอลอนโซ่ ไม่เร็วและไม่แรง แต่พอดีเท่ากันทุกครั้ง จ่าย 10 ครั้งน้ำหนักเดียวกัน 10 ครั้ง
เป็นสิ่งทีเขาทึ่ง และโทษตัวเองว่าถ้าเทียบกับบอลจ่ายง่ายๆ ของอลอนโซ่
ตัวเขาเองต้องมุ่งมั่นและตั้งใจอีกมาก
(ทั้งๆที่อลอนโซ่จัดว่าแก่แล้ว แต่ก็มีมาตรฐานที่ทำให้เขาอึ้งได้)
- เกี่ยวกับยามาล
เลวานเห็นยามาลครั้งแรก ก็ได้แต่สงสัยว่าหมอนี้อายุเท่าไหร่กันแน่ เพราะดูพร้อมแล้วสำหรับความกดดัน
ทั้งสกิล ทักษะ การตัดสินใจ มีเกินเด็กอายุ 16 ไปมาก ซึ่งเลวานเองก็พยายามแนะนำรุ่นน้องคนนี้
แต่ก็แนะนำไม่ได้มาก เพราะเก่งเป็นทุนแล้ว เจ้าตัวเลยกังวลว่าหลังจากนี้ยามาลจะพัฒนาตัวเองยังไง
ให้เก่งกว่านี้ได้ (เก่งจนเวลตันแต่เด็ก) เลยเป็นห่วงว่ายามาลต้องวางแผนพัฒนาตัวเองใน 10 ปีนี้ให้ดี
เพราะไม่งั้นจะเป็นบอลหน้าเดียวที่คู่แข่งรู้ทาง และทำให้หมดไฟไปในตัว
**หมดแรงแล้ว**
ใครมีเวลาแนะนำให้ดู สนุกจริงๆ ที่เวลาเห็นนักบอลมองอะไรที่เรามองไม่เห็นในสนาม