ตอนใช้ Android Auto แบบไม่มีตัวเปรียบเทียบ
ผมก็ใช้ได้แบบไม่มีปัญหานะ
แผนที่มันก็ทำหน้าที่ได้ปกติ

แต่เฮ้ย...พอมีคนใช้แอปเปิ้ลมาเทียบ
ทำไมฟังก์ชันมันเยอะกว่ากันเฉยเลย (วะ)

ใน Apple CarPlay
แผนที่มันจะโชว์ เข็มทิศ กับ ความเร็ว ด้วย
แล้วก็การโชว์ข้อมูล สถานที่รอบๆ ดูจะละเอียดกว่า

แผนที่ ของตัวเอง ดันฟีเจอร์น้อยกว่าที่ทำให้คู่แข่งเฉยเลย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แถมอีกอย่าง ที่แอปเปิ้ลดูจะ ...คิดมาดีกว่า
ต่อ Apple CarPlay - Android Auto แบบ Wireless
ของ Apple CarPlay ตอนต่อครั้งแรก จะขึ้นมาถามว่า จะต่อสายอย่างเดียว รึต่อ Wireless
ส่วนของ Android Auto บังคับ...บังคับว่าจะต่อ Wireless ตลอด
ซึ่ง Wireless สัญญานแย่กว่า

ของ Android จะบังคับต่อสายอย่างเดียวก็ ...หลายขั้นเลย
ต้องไปเปิด Developer Mode ของ Android Auto ที่ซ่อนลึกเชียว

จริงครับ ผมใช้ทั้งคู่ maps Android auto กระตุกอย่างบ่อย ต้องกดเข้า Re-center ประจำครับ เวลาขับไปนานๆ
แต่ข้อดีคือหากเราเผลอปิดแอพ google maps ในมือถือไป maps ในตัวรถยังคงทำงาน ไม่ต้องกดซ้ำครับ
ซึ่งช่วยประหยัดแบตเราได้ประมาณนึงเมื่อเทียบกับ Carplay ที่หากปิดแอพใน ios device แล้วคือจะหลุดไปเลยครับ

บอกเลย ความเนียนของ Map ในแอนดรอยอยู่ที่รุ่นจริงๆ

ยิ่งใช้ Android Auto ยิ่งเห็นผล เมื่อก่อนใช้ Oneplus

เนียนกริบ ตรงเปะ ยิ่งจับความเร็ววัดผลได้เลย

เปลี่ยนมาใช้ Vivo แทบสลบ หมุนมั่วไปหมด

หลังๆใช้ Here wego ของ Nokia แทนอันนี้แม่นจริง

ผมใช้แต่ gg map อะ แอปเปิลไม่เปิดเลย ทั้งๆที่ถ้าใช้แอปเปิลจะดีกว่าเพราะมันตรงกับการเชื่อต่อ(แอปเปิ้บคาร์เพย์)

รถผมเวลาถึงทางเลี้ยวทางแยกมันจะเปิดกบ้แวขึ้นมาให้ดูอัตโนมัติเลย อีกดี่เมตรเบี้ยวหรือเป็นทางแยก

แต่ก็ใช้gg mapอยู่ดี555