✍️ ตัวเต็ม !!
โอเว่นเปลือยใจ #ผมไม่ได้รับความรักจากแฟนบอลลิเวอร์พูล และ #หากเทรนต์อยากย้ายโทรหาผมได้
.
บทความฉบับยาวของ Simon Hughes ที่ตีพิมพ์ใน The Athletic เกี่ยวกับไมเคิล โอเว่น และเรื่องราวของเขา-ลิเวอร์พูล- รีล มาดริด-แมนยู-เทรนต์ รวมถึงบัลลงดอร์ เป็นบทความที่ยาวแต่เขียนดีมากๆ เราจะมาแปลให้ทุกคนได้อ่านกันครับ
.
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2019 หลังจากจบเกมรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 0-3 ให้กับบาร์เซโลน่า แฟนบอลลิเวอร์พูลกำลังเดินทางกลับบ้านอย่างชอกช้ำที่สนามบิน แต่ที่บริเวณเกต บางคนเห็นหนึ่งในตำนานถล่มประตูของสโมสร นั่งอยู่อย่างเดียวดาย คางซบกับอก
.
แน่นอนว่าแฟนบอลพยายามเรียกหาไมเคิล โอเว่น และพยายามตะโกนเรียกอยู่หลายครั้ง ในที่สุดโอเว่นก็เริ่มหันมา และรู้ดีว่าจะต้องเจอกับอะไร "เฮ้ นายจากแมนเชสเตอร์"
.
"โอเคเพื่อน ฉันเข้าใจแล้ว" โอเว่น ตอบกลับไปแบบเซ็งๆ แต่ก็ทำให้คนตรงนั้นหยุดพูดต่อได้ อย่างไรก็ตามคงไม่มีนักบอลคนไหนจะโดนแบบนี้แน่นอน
.
โอเว่นที่ช้ำใจในวันนั้น และความเจ็บปวดของเขาที่ถูกกีดกันจากสโมสรที่ได้เข้าร่วมตั้งแต่อายุ 12 ขวบ และอยู่นานถึง 13 ปี ซึ่งระหว่างที่พูดคุยกัน เขายังคงภาคภูมิใจในการเป็นลิเวอร์พูลอยู่เสมอเวลาเข้าใกล้แอนฟิลด์ แต่ก็ตระหนักดีว่าแฟนๆ มองเขาไม่เหมือนที่เขามองแฟนๆ มันทำให้รู้สึกว่า "ผมไม่ได้รับการต้อนรับหรือความรัก มันทำให้เจ็บปวดมากๆ เลยพยายามที่จะหลีกเลี่ยงมันซะ"
.
เรื่องราวของโอเว่นสอนให้รู้ว่า ถึงคุณจะทำได้ 158 ประตูจาก 297 เกม อยู่ในอันดับ 7 ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสร แต่ก็จบลงด้วยความเกลียดชังจากการเลือกในเส้นทางอาชีพของเขา
.
หลายคนอาจจะมองว่าการย้ายไปแมนยูในปี 2009 คือจุดที่ทำให้สร้างความขัดแย้งมากที่สุด แต่โอเว่นยังเชื่อว่าการย้ายไปรีล มาดริด ในปี 2004 ต่างหาก ที่ทำให้ทั้งหมดเป็นแบบนี้
.
โอเว่นเชื่อมั่นว่าตัวเองจะไปรีล มาดริด แค่ 1-2 ปี แล้วกลับมาอยู่กับลิเวอร์พูล เหมือนที่เอียน รัช ทำ แต่เขาเสียการควบคุมสถานการณ์ตรงนั้น ทั้งๆ ที่เขาเกือบจะได้กลับลิเวอร์พูลแล้ว แต่นิวคาสเซิล กลับมาด้วยข้อเสนอที่สูงกว่าแล้วลิเวอร์พูลไม่สามารถเทียบเคียงได้
.
และในตอนที่เขาย้ายไปแมนยู โอเว่นยืนยันว่าเขาพยายามอย่างเต็มที่ ถึงกับคุยกับเจมี่ คาราเกอร์ ให้โน้มน้าวราฟา เบนิเตซ ดึงเขากลับไปแอนฟิลด์ ทว่าตัวเลือกของโอเว่นตอนนั้นมีแค่แมนยู, ฮัลล์ ซิตี้, เอฟเวอร์ตัน (ถ้าย้ายไปก็โดนเกลียดเช่นกัน) หรือแขวนสตั๊ดไปซะ ทำให้โอเว่นเลือกแมนยูเพราะมีโอกาสดีที่สุดในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ก่อนจะทำได้ในปี 2011
.
การตัดสินใจย้ายไปแมนยูนั้นทำได้ง่ายมากหลังเขาโดนแฟนบอลลิเวอร์พูลโห่ใส่ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ช่วงที่เขายังมีสัญญากับรีล มาดริด และมาทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง แต่แฟนบอลโห่ใส่เขาและครอบครัวของเขาตอนที่ออกจากสนาม
.
เรื่องราวของนักเตะลิเวอร์พูลที่ย้ายไปรีล มาดริด ถูกยกขึ้นมาในช่วงนี้เมื่อทั้งสองกำลังจะเจอกันในแชมเปี้ยนส์ลีก(คืนนี้) ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของรีล มาดริด ที่ต้องการ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไปร่วมทีม
.
การเปรียบเทียบเคสนี้ที่ชัดเจนอาจจะเป็นการเทียบกับสตีฟ แม็คมานามาน ที่ย้ายไปร่วมทีมราชันชุดขาวแบบไม่มีค่าตัวในปี 1999 หลังจากหมดสัญญากับทีม ซึ่งน่าจะคล้ายกับกรณีของเทรนต์มากกว่า เพราะอย่างน้อยโอเว่นก็ทำเงินให้สโมสรได้ 8 ล้านปอนด์เพื่อไปนำเอาชาบี อลอนโซ่ เข้ามาร่วมทีม เพียงแต่แฟนบอลก็หงุดหงิดเพราะเขาไม่ยอมต่อสัญญาบีบให้ทีมต้องขายออกไป
.
โอเว่น ยืนยันว่าตัวเองไม่เคยผลักดันการย้ายทีมในซัมเมอร์นั้น การได้รับข้อเสนอจากรีล มาดริด เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์เขามากๆ
.
"มาดริดเป็นสโมสรที่มีสเน่ห์ แต่ผมไม่เคยคิดหรือฝันจะเล่นให้พวกเขา เมื่อได้ยินว่าเขาสนใจ ผมจึงมีความรู้สึกสับสน มีความภูมิใจที่สโมสรระดับนั้นสนใจ ซึ่งผมใช้เวลาเป็นสัปดาห์ก่อนจะตัดสินใจที่จะย้ายไป"
.
"ผมได้คุยกับเบนิเตซ และริค แพร์รี่ ว่าจะย้าย แต่ในใจก็แอบคิดเสมอว่า ตอบรับข้อเสนอเถอะนะแล้วอีก 1-2 ปีจะกลับมา นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ ผมไม่อยากย้ายทีมไป ลิเวอร์พูลคือสโมสรของผม แต่ก็แค่รู้สึกว่าจะเสียใจไหมถ้าไม่ได้ลองย้ายไปรีล มาดริด"
.
โอเว่น ยืนยันว่า มันไม่ผิดถ้าเทรนต์เลือกจะย้ายทีมจากสโมสรที่อยู่มาทั้งชีวิตกับทีมที่ได้แชมป์ยุโรป 15 สมัย แต่สถานะของเขากับลิเวอร์พูลก็อาจจะเหมือนการโยนเหรียญหัว-ก้อย เช่นกัน
.
โอเว่นเชื่อว่าเทรนต์จะรักษาสถานภาพการเป็นตำนานของทีมได้ เพราะแบ๊กขวาทีมชาติอังกฤษพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, ได้แชมยุโรป ซึ่งโอเว่นไม่เคยทำได้ใกล้เคียงเลย ดีที่สุดก็รอบ 8 ทีมแชมเปี้ยนส์ลีก และรองแชมป์พรีเมียร์ลีก ปี 2002
.
บวกกับการจากไปของโอเว่น ซึ่งเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของสโมวรในเวลานั้น พาทีมเอาชนะเกมใหญ่ๆ ด้วยตัวเองได้ การจากไปจึงทำให้รู้สึกว่าทีมถูกลดโอกาสการคว้าแชมป์ใหญ่ๆ ลงไป และเหมือนโดนทอดทิ้ง
.
คำเตือนของโอเว่นต่อเทรนต์ในการย้ายไปเมืองหลวงของสเปน ที่เขาสูญเสียการควบคุมชีวิตตัวเอง, สูญเสียความรู้สึกของตัวเอง กลืนหายไปกับห้องแต่งตัวของนักเตะชื่อดัง
.
"เมื่อย้ายทีมครั้งหนึ่ง และอยู่ในสถานที่ที่ทุกคนคิดว่าคุณจะไม่ย้ายออกไป มันจะกลายเป็นสิ่งของมีมูลค่า ผมไม่เคยเติบโตมาแล้วอยากเล่นให้รีล มาดริด แต่ก็เป็นเกียรติที่ได้ทำ ผมโตมาด้วยการเล่นให้ลิเวอร์พูล เมื่อย้ายออกไปจะเสียความผูกพันกับสโมสรของตัวเองอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นของเพื่อการค้าขาย สูญเสียสิ่งเชื่อมโยงกับสโมสร เพราะคุณไม่ได้เล่นให้ทีมที่เชียร์ เป็นเพียงนักเตะที่ทำผลงานให้ดีที่สุดสำหรับทีมที่อยู่เท่านั้น การที่ผ่านการฝึกฝนกับทีมมามันมีความหมายมากกว่า"
.
เมื่อเทรนต์พูดถึงความคาดหวังจะคว้าบัลลงดอร์ มันเป็นอะไรที่ผิดปกติเพราะนักเตะลิเวอร์พูล โดยเฉพาะคนท้องถิ่นมักจะไม่พูดถึงความทะเยอทะยานส่วนตัว ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับสโมสร เป็นมรดกจากปรัชญาของบิล แชงคลีย์
.
ดังนั้นนี่อาจจะเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งว่าเขาอาจจะมองตัวเองแตกต่างจากที่โอเว่นมอง เทรนต์น่าจะมีความคิดแบบ "Elite" เป็นความเชื่อมั่นที่ไม่สั่นคลอนในความสามารถของตัวเอง โอเว่นมองว่าความหลงในมาตรฐานของตัวเอง คือสิ่งที่ทำให้เทรนต์โดดเด่น ไม่ใช่ร่างกายหรือเทคนิค แต่เป็นจิตวิทยาที่บอกตัวเองว่า "ข้าเก่งที่สุด"
.
โอเว่นจำได้ว่าคาราเกอร์เคยโน้มน้าวเขาไม่ให้ย้ายไปรีล มาดริด เพราะจะไม่ค่อยได้ลงเล่นมากนัก เนื่องจากในทีมมีทั้ง หลุยส์ ฟิโก้, ซีเนอดีน ซีดาน, ราอูล กอนซาเลซ หรือโรนัลโด้ ในเวลานั้น และโอเว่นเองไม่ได้มีความมั่นใจในตัวเองเลย
.
"ผมโดนถามเรื่องการเล่นกับกาแลคติกอส ผมอยากถามกลับว่าไม่ไปถามพวกเขาว่าคิดยังไงที่ได้เล่นกับผมบ้างหล่ะ ผมไม่รู้สึกประทับใจใครเลย ผมเคารพคนมากมาย แต่พอมีคนถามว่าใครคือคนที่อยากเจอมากที่สุด ผมก็คงเกาหัวแกร่กๆ เพราะไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย"
"สิ่งที่ผมต้องการคือได้รับการยอมรับจากผู้เล่นคนอื่นๆ ผมจำได้ว่าในการซ้อมครั้งแรกกับรีล มาดริด ผมคิดว่าจะต้องแสดงให้ดูว่าทำอะไรได้บ้าง ผมอยากทำแบบนั้นตลอดทั้งตอนไปนิวคาสเซิล หรือตอนขึ้นมาสู่เมลวู้ดแรกๆ สิ่งที่ต้องทำคือแสดงให้เพื่อนร่วมทีมเห็นและมั่นใจที่จะส่งบอลมาให้ เป็นหนึ่งในทีมพวกเขา อยู่ในระดับเดียวกัน แบบที่ถ้าส่งมาให้ จะทำให้พวกเขาเก่งขึ้นด้วยซ้ำ"
.
บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่อาจจะเข้าใจได้ โอเว่นหรือเทรนต์อาจจะโดนดูถูกได้ถ้าไม่ได้เป็นตัวแทนให้กับทีม
.
ถึงจะเล่นภายใต้ผู้จัดการทีม 4 คนในรอบ 1 ปี แต่โอเว่นก็ลงเตะไป 26 จาก 45 นัด และยังทำได้ 16 ประตูในปีเดียวของเขากับทีมราชันชุดขาว ซึ่งเขาคงอยู่นานกว่านี้ถ้าปรับตัวนอกสนามได้ดีกว่านี้ เขาไม่มีเวลาเหมือนแม็คมานามานที่มาซื้อบ้านเตรียมได้เป็นปี แต่เขากับภรรยาต้องอยู่ในโรงแรม พยายามออกไปทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ แต่ระหว่างออกรอบกับโรนัลโด้ ใจเขาก็กลับโรงแรมไปซะแล้ว
.
การที่มีนักเตะหลายคนพูดอังกฤษได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันทำให้เรียนรู้ภาษาสเปนหรือภาษาอื่นๆ ได้ยากขึ้น ขณะที่ความสนใจของสื่อก็มากกว่าตอนอยู่ลิเวอร์พูล สื่อได้โอกาสเข้าชมการฝึกซ้อมทั้งหมด แล้วรุ่งขึ้นก็จะถูกนำเรื่องในสนามซ้อมไปเผยแพร่ต่อไป มันไม่มีช่วงเวลาของความผิดพลาดได้เลย เพราะแสงจากสื่อมวลชนมันสว่างมากๆ
.
โอเว่น ยังเป็นนักเตะอังกฤษคนสุดท้ายที่ได้รับบัลงดอร์ หลังจากผลงานยอดเยี่ยมในปี 2021 ของสโมสร ก่อนหน้านั้นมีคนอังกฤษแค่ 3 คนเท่านั้นที่เคยได้ คือเควิน คีแกน (1978, 1979) บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน (1966) และ แสตนลีย์ แมตธิวส์ (1956)
.
โอเว่น บอกว่า เอาจริงรางวัลนี้ไม่ค่อยป๊อปปูลาร์ในอังกฤษเหมือนในประเทศอื่นๆ เท่าไหร่ ระหว่างที่ฟร้องซ์ ฟุตบอล มาถ่ายทำที่เมลวู้ดช่วงก่อนลงเตะนัดต่อไป เขาก็คิดแค่อยากจะเล่นเกมต่อไปเท่านั้น
.
กับเทรนต์มันคงต่างออกไป ถ้าเขาได้รับรางวัลนี้สักวันหนึ่ง เพราะความสำคัญของรางวัลนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนวิธีคิดของผมกับตัวเอง ผมไม่ได้กระโดดโลดเต้นแน่นอน เมื่อมองดูถ้วยที่วางอยู่ในตู้โชว์ ผมไม่รู้ว่ามีใครในประเทศนี้ทำรางวัลนี้ได้อีกบ้าง แต่ก็แค่คิดว่า "ฉันก็ทำได้ไม่เลวนะนี่"
.
#แอดสตีวี่ตูนรายงาน #เพจต้นทางฟุตบอล