เรื่องสัญญานี่เป็นเรื่องที่ทั้งอยากเขียนและไม่อยากเขียน เพราะน่าจะดราม่าแน่ๆ
ในโลกอุดมคติ เรายื่นเช็คเปล่าให้นักเตะเขียนเงินเดือนและอายุสัญญาที่ต้องการ เอากลับมาเซ็นชื่อสั่งจ่าย จบ ง๊ายง่าย

ในโลกกึ่งอุดมคติ นักเตะและสโมสร อ่านใจซึ่งกันและกันได้ รู้ว่าลิมิตแต่ละฝ่ายอยู่ตรงไหน และ อุ๊ย ใจตรงกัน เขียนตัวเลขลงกระดาษมาเซ็นชื่อ จบเหมือนกัน

ตอนนี้ก็ต้องขอต้อนรับสู่โลกอันเลวร้าย เจ้าของสโมสรไม่ใช่นักบุญ งบประมาณมีจำกัด คู่เจรจาไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน อ่านใจกันไม่ได้ และต่างฝ่ายต่างต้องการผลประโยชน์สูงสุด

ขอยกตัวอย่างการเจรจาแบบมีวัตถุประสงค์แอบแฝง(in bad faith) ก่อนละกันครับ
ตอน ราฮีม สเตอลิง กำลังจะหมดสัญญา เอเยนต์ บอกว่าให้สัญญาวีคละ 9 แสน ก็ไม่เซ็น หรือพูดง่ายๆก็คือตีรวนไม่ต่อสัญญา เพื่อบีบให้ทีมขายออก

ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเล่นแง่แบบนี้ ดีลจบไม่ลงครับ เล่นแง่แบบนี้เล่นได้ทั้งสองฝ่ายแบบไม่โฉ่งฉ่างด้วย เช่นสโมสรเจตนายื่นค่าเหนื่อยต่ำกว่าจุดยอมรับได้ หรือเตะถ่วงการเจรจา หรือนักเตะเรียกสูงกว่าที่สโมสรจะจ่ายได้(แบบรู้อยู่แก่ใจ) เพื่อดึงเวลาขอย้ายทีม

ทีนี้ในกรณีของเรา ผมว่าฝั่งนักเตะ โมกับ VVD ไม่เล่นแง่แน่ๆ เทรนท์นี่ไม่แน่ใจ ส่วนในฟากสโมสร สโมสรไม่เล่นแง่กับเทรนท์แน่ๆ(เพราะมีมูลค่าขายต่อ) แต่กับอีกสองคนก็อาจตั้งข้อสงสัยได้ในแง่ประเด็นเรื่องอายุ
เอาว่าผมมองโลกในแง่ดีก่อนก็แล้วกัน คือทุกฝ่ายคุยกันด้วยเจตนาดี อยากบรรลุข้อตกลงจริงๆ

แต่ถึงทุกฝ่ายจะคุยด้วยเจตนาดี เรื่องนี้ก็ยังไม่ง่ายอยู่ดี ถ้าดีมานด์ไม่ชนซัพพลาย ยังไงก็ไปไม่ได้ครับ ฮิวส์จะคุยเร็วขึ้นสองอาทิตย์ หรือสองปี คุยวันละสิบห้านาที หรือวันละสี่สิบชม. สุดท้ายถ้าวงเงินที่มี กับวงเงินที่เรียกร้องมันแมทต์กันไม่ได้ ยังไงก็ไม่จบ ค่าเหนื่อยเดิมของสามคนนี้รวมกันต่อปี(350k+220k+180k = 39 ล้าน) นี่มากกว่าดีลไนกี้ที่เราเคยได้อีกนะครับ

สโมสรคงไม่บอกว่ามีเงินเตรียมไว้เท่าไหร่ และนักเตะก็คงไม่แบไพ่กับสื่อว่าตัวเองเรียกเท่าไหร่จนกว่าเรื่องจะจบ(สวยๆ - ถ้าจบไม่สวยก็ไม่บอก)

จุดที่ชวนดูคือปีนี้ต้องต่อสัญญาโคนาเต้ด้วย และปีหน้า เราจะมีดิอาซ/โชต้า/โจนส์/เอลเลียต ที่ต้องต่อสัญญา เงินเดือนเทรนท์ปีนี้ จะเป็นเรทอ้างอิงให้ดิอาซ+โชต้าแน่นอน

จุดชวนดูจุดถัดไป คือเงินสามคนนี้มันพันกันอยู่ คนหนึ่งเป็นซูเปอร์สตาร์ของทีม คนหนึ่งเป็นกัปตัน และอีกคนเป็น(ว่าที่)กัปตันในอนาคต แถมสัญญาหมดพร้อมกันอีก สามคนนี้ไม่ว่าใครจะเจรจาไปถึงตรงไหน ผมคิดว่าจะประกาศไล่เลี่ยกัน อาจจะมีร่างให้ไปดู แล้วเซ็นสัญญาแถลงข่าววันเดียวกัน(สำหรับคนที่ต่อ) ด้วยซ้ำ เพื่อป้องกันตัวเลขหลุดออกไปเป็นฐานเอากลับมาต่อรองกันใหม่

จุดชวนดูจุุดที่สาม โม - คุยไม่ง่าย
หลายคนบอกฟอร์มแบบนี้คิดอะไรมาก ใช่ครับฟอร์มน่ะไม่ต้องคิดมาก แต่อย่าลืมว่าต่อสัญญาครั้งก่อน โมดึงเวลาเจรจาไปเกือบปี ก่อนจะเซ็นสัญญาก่อนตลาดปีสุดท้ายเปิด(ซึ่งจะบังคับให้สโมสรต้องขาย) ไม่กี่วันด้วยเงินเดือนแพงทำลายเพดานเงินเดือนเดิมเกือบสองเท่า ทั้งยังคุมสื่ออยู่หมัดตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นคนที่เล่นกับสื่อเก่งมากนะครับ

งวดนี้ดูแล้วคงไม่ต่างกัน โมน่าจะเรียกสูงสุดเท่าที่เขาคิดว่าสโมสร(ยอม)จ่ายไหว แล้วดึงเวลาไปเกือบๆเดดไลน์เหมือนเดิม ผมยังมองโลกในแง่ดีว่าถ้าทั้งสองฝ่าย(สโมสรแหละ) เจรจา in good faith จริงๆ ก็ยังมีโอกาสจะปิดดีลลง

- แต่ไม่ถูกแน่ๆครับ ไม่ใช่ดีลแบบ no brainer deal (ควายเท่านั้นที่จะไม่เซ็น) แต่น่าจะเป็นดีลแบบวัดใจกัดฟันเซ็น ไม่น่าจะสัญญาปีเดียว เผลอๆ จะเป็น 2+1 หรือ 3 ปี
มาลุ้นกันครับว่าเราจะมีของขวัญคริสต์มาสปลายปีมั้ย ถ้าได้สามกล่องบวกอีกสองหัวตารางก็ดีเลย