ยอดขาย ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ทั่วโลกพุ่ง 35% ในเดือนต.ค. ‘จีน’ ทำนิวไฮ 1.2 ล้านคัน
รายงานเผยว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบ 100% และแบบปลั๊กอินไฮบริดทั่วโลกในเดือนตุลาคม มีจำนวนรวม 1.72 ล้านคัน โดยตลาดจีนครองส่วนแบ่งมากที่สุดด้วยยอดขายสูงถึง 1.2 ล้านคัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่
ในอเมริกาเหนือ (สหรัฐและแคนาดา) มียอดขายเพิ่มขึ้น 11.4% อยู่ที่ 160,000 คัน ส่วนยุโรปมียอดขาย 260,000 คัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน แต่ลดลง 14% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน
ทั้งนี้ Rho Motion ระบุในแถลงการณ์ว่า "ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีสัญญาณชะลอตัว ขณะที่กำลังเข้าสู่ช่วงสองเดือนสุดท้ายของปีที่มียอดขายแข็งแกร่ง"
ที่มา .......
https://www.bangkokbiznews.com/world/1153300
Chery เคลมว่าจะเป็นบริษัทแรกของโลก ที่มีสายการผลิตแบตเตอรี่ Solid-State ขนาด 1 GWh เริ่มผลิตไม่กี่เดือนนี้
ในระยะแรกของโครงการผลิตแบตเตอรี่ Solid-State ของ Chery นี้ ครอบคลุมพื้นที่ 100,000 ตรม. ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ Solid-State แห่งใหม่ที่พัฒนาโดย Anhui Anwa New Energy Co., Ltd. และเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีหวู่หู ก่อตั้งขึ้นในปี 2020 และอยู่ภายใต้การควบคุมของ Chery Holdings มีผู้ถือหุ้นรายอื่นร่วมด้วย ได้แก่ GPSC (ประเทศไทย) Azeba (ประเทศญี่ปุ่น) และ Gotion Hi-Tech
Gao Lixin ผู้จัดการเท่าไปของ Anhui Anwa New Energy Technology Co., Ltd. เผยว่า เมื่อเทียบกับแบเตตอรี่แบบเดิมแล้ว แบตเตอรี่ Solid-State มีความปลอดภัยมากกว่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า และมีความหนาแน่นของพลังงานที่ปรับปรุงดีขึ้นอย่างมาก
คาดว่าสายการผลิตแบตเตอรี่ Solid-State จะเริ่มดำเนินการได้อีกในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยแบตเตอรี่รุ่นแรกจะมีความหนาแน่นของพลังงานมากกว่า 400 Wh/kg และคาดว่าเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Solid-State เจนเนอเรชันที่ 3 ซึ่งมีความหนาเน่นของพลังงานสูงถึง 500 Wh/kg จะเปิดตัวได้ในปี 2027
ถ้าหาก Chery สามารถเปิดสายการผลิตแบตเตอรี่ Solid-State ได้เป็นบริษัทแรกของโลก ถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของบริษัท และมีความก้าวหน้าด้านแบตเตอรี่มากขึ้น ในขณะที่บริษัทยานยนต์หลายบริษัทต่างก็กำลังพัฒนาแบตเตอรี่ Solid-State มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า เช่น Toyota, Hyundai, Volkswagen และ Mercedes-Benz รวมถึง CATL เพื่อเปลี่ยนเกมในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าเราจะได้เห็นแบตเตอรี่ดังกล่าวเมื่อไหร่
ที่มา .....
https://ev.iphonemod.net/chery-claim-to-be-world-first-company-1-gwh-solid-state-battery/
Elenergy ปฏิวัติวงการขนส่งหนัก เปิดตัวรถหัวลากไฟฟ้า Farizon H9 พร้อมระบบสลับแบตเตอรี่อัจฉริยะ ตอบโจทย์ธุรกิจขนส่งยุคใหม่
บริษัท เอลเอเนอร์จี้ จำกัด (Elenergy) Strategic Partner และผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Farizon ในประเทศไทย เปิดตัวรถหัวลากไฟฟ้ารุ่น Farizon H9 Electric Prime Mover พร้อมนำเสนอโซลูชันครบวงจรด้วยสถานีสลับแบตเตอรี่อัจฉริยะ (Battery Swapping Station) ที่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ภายในเวลาเพียง 5 นาที ตอบโจทย์การขนส่งหนักที่ต้องการความรวดเร็วและต่อเนื่อง
คุณอัญรินทร์ โรจน์ภัทรานันท์ Co-founder และ CEO บริษัท เอลเอเนอร์จี้ จำกัด กล่าวว่า “Farizon H9 Electric Prime Mover และแพลตฟอร์มสลับแบตเตอรี่อัจฉริยะ จะเป็นทางเลือกใหม่ของการปฏิวัติวงการขนส่งหนักในประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและระบบนิเวศที่ครบวงจร เราสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งลดต้นทุนการดำเนินงานได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับรถหัวลากดีเซล พร้อมทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ” สถานีสลับแบตเตอรี่ของ Elenergy ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานจริง ด้วยเวลาในการสลับแบตเตอรี่เพียง 5 นาที เทียบเท่าการเติมน้ำมัน การติดตั้งระบบทำงานอัตโนมัติทั้งหมดช่วยลดความผิดพลาดจากมนุษย์ โดยใช้เวลาก่อสร้างและติดตั้งแล้วเสร็จภายใน 48 ชั่วโมง มาพร้อมระบบจัดการแบตเตอรี่อัจฉริยะที่คอยตรวจสอบและดูแลแบตเตอรี่แต่ละก้อนโดยอัตโนมัติ พร้อมแอพพลิเคชั่นบริหารจัดการที่ช่วยวางแผนเส้นทางและจองคิวสลับแบตเตอรี่ล่วงหน้า
คุณ Sylvester Lee ซึ่งเป็น Co-founder และ Chief Technology Officer บริษัท เอลเอเนอร์จี้ จำกัด กล่าวถึง Farizon H9 Electric Prime Mover ว่าถูกพัฒนาขึ้นภายใต้มาตรฐานการผลิตระดับโลกของ Geely Holding Group มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง รองรับการบรรทุกน้ำหนักได้มากถึง 80 ตัน ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟตจาก CATL โดยความจุสูงที่ให้ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จสูงสุดถึง 350 กิโลเมตร ติดตั้งระบบความปลอดภัยอัจฉริยะครบครัน ทั้งระบบเบรก ABS, EBS และระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง ภายในห้องโดยสารออกแบบตามหลักการยศาสตร์ พร้อมหน้าจอดิจิทัลขนาดใหญ่และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงสุด
ที่มา ......
https://ev.iphonemod.net/elenergy-thailand-unveiled-farizon-h9-electric-prime-mover-and-battery-swapping-station/
ยอดขาย ‘BYD’ โต 2 เท่า! แรงหนุนตลาดอาเซียน-บราซิล ท้าชน Tesla บนเวทีโลก
BYD มียอดขายรถยนต์นอกประเทศจีนสูงถึง 298,000 คัน ขณะที่ยอดขายในจีนเติบโต 27% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 2.43 ล้านคัน
ส่วนรายได้รวมในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 201,000 ล้านหยวน (ประมาณ 9.5 แสนล้านบาท) โดย BYD ประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า นี่เป็น “ครั้งแรก” ที่ BYD มีรายได้ต่อไตรมาสสูงกว่ารถอีวีคู่แข่งอย่าง Tesla
ทั้งนี้ “บราซิล” ได้กลายเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของ BYD โดยจากข้อมูลอุตสาหกรรมของบราซิลระบุว่า ในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ขายรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กได้ 51,299 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าแปดเท่า เมื่อเทียบกับปีก่อน
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ BYD กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยข้อมูลจาก MarkLines แสดงให้เห็นว่า ยอดขายรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลในไทยพุ่งสูงขึ้นมากกว่าเจ็ดเท่า เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ประมาณ 15,000 คันในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน
ขณะที่ในฝั่งสหภาพยุโรป (EU) คณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า รถยนต์ไฟฟ้าของจีนได้รับประโยชน์จากการอุดหนุนของรัฐบาลที่ไม่เป็นธรรม เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา EU ได้อนุมัติการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 7.8% ถึง 35.3% นอกเหนือจากภาษีศุลกากร 10% ที่มีอยู่เดิมสำหรับรถอีวีที่ผลิตในจีน โดยเฉพาะ BYD เองจะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 17%
เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร BYD จะสร้างโรงงานผลิต EV ในประเทศฮังการีภายในปี 2026 โดยฮังการีได้ลงคะแนนเสียงคัดค้านการเรียกเก็บภาษีศุลกากร นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ยังจะสร้างโรงงานในตุรกี ซึ่งไม่ต้องเสียภาษีส่งออกไปยังสหภาพยุโรป
ที่มา ......
https://www.bangkokbiznews.com/world/1151936
ตลาด EV โตขึ้นเยอะมากในปีนี้ ก็อาจจะเริ่มเข้าสู่ยุคเปลี่ยนถ่ายจากการใช้น้ำมันไปแบตเตอรี่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไฮบริดเองหรือไฟฟ้า แต่ตอนนี้ปัญหาน่าจะอยู่ที่แหล่งผลิตแบตใหญ่สุดคือจีน ทำให้เกิดกระแสต่อต้านเรื่องการผูกขาดและการสนับสนุนจากรับบาลจีนที่มีต่อเอกชนของตัวเอง เป็นอุปสรรคในการขายรถไฟฟ้าจีนในยุโรปและอเมริกา ท่ามกลางกระแสการขึ้นภาษีรถ EV ที่มาจากจีนโดย
ในบรรดาประเทศสมาชิกอียู 27 ประเทศนั้น มี 10 ประเทศที่สนับสนุนการขึ้นภาษีซึ่งรวมถึงฝรั่งเศส โปแลนด์ และอิตาลี ส่วนอีก 5 ประเทศลงเสียงคัดค้านนำโดยเยอรมนี และอีก 12 ประเทศงดออกเสียง
ก่อนหน้านี้ จีนเพิ่งเผชิญการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์อีวีกว่า 100% จากสหรัฐและแคนาดาด้วย ซึ่งหากการส่งออกรถยนต์อีวีของจีนต้องลดลงอีกในยุโรปจากการขึ้นภาษีล่าสุด ก็อาจเสี่ยงที่จะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนต้องเผชิญกับ "การผลิตส่วนเกิน" ท่วมตลาดในประเทศบ้านเกิดเองมากขึ้น
ซึ่งเราก็เห็นผลกันแล้ว รถที่ผลิตส่วนเกินถูกนำไปขายให้แถบอเมริกาใต้ บราซิล ในอาเซี่ยน เช่น ไทย อินโดนีเซีย จึงเกิดสงครามราคาเกิดขึ้นอย่างที่เห็นตอนนี้
ที่มาข้อมูล .....
https://www.bangkokbiznews.com/world/1151487