จากใจคนทำคลีนิคคนนึงนะ ผมเห็นด้วยนะ เพราะจริงๆตามกฏหมาย ยาจากคลินิคต้องมีฉลากและวิธีใช้ ไม่งั้นผิดกฏหมาย อย่างคลินิคผมก็ปริ๊นใบแปะหน้าถุงตลอด แต่คลินิคทั่วไปจะทำรึเปล่าผมก็ไม่รู้ ถ้าตัดปัญหาเรื่องจ่ายยาแบบนี้ไปได้ ผมจะยินดีมาก จะได้ออกแค่ใบสั่งยาไม่ต้องจัดคลังยาเอง (ยากนะเว้ย) ทำแบบตปท.ไปเลยก็ดี และพวกยาที่จ่ายในร้านยาแบบนั้น เป็นยาที่ไม่ได้มีมูลค่าสูงอะไรเยอะแยะเลยเมื่อเทียบกับการตรวจ เอาเวลาตรวจคนไข้เบาหวาน ความดัน หัวใจ มารับยาพวกนี้มูลค่าต่อหน่วยสูงกว่าตั้งเยอะแยะ เทียบกับจ่ายยาพารา ยาแก้ปวดธรรมดาๆ
ปล. แต่ต้องยอมรับว่า กำไรจากค่ายาในคลินิค ไม่น้อยเลยนะ มีคนโดนกระทบแน่ๆๆ
ส่วนเรื่องที่เค้าตีกันเนี่ย (เท่าที่ผมรู้อีกด้าน) จุดเริ่มต้นมาจาก บ. นายทุนใหญ่แห่งหนึ่ง(ขึ้นต้นด้วยตัว C) อยากเปิดร้านยา(คุ้นๆปะ)ไว้ในร้านของตัวเอง
กดดันในระดับบริหารมาจะให้เพิ่มกฏระเบียบเรื่องจำนวนโรคมากขึ้นกว่าที่ตกลงกันไว้ 16 โรคเป็น 32 โรคนะครับ และใส่ยาอันตรายลงไปนั่นคือยากลุ่มแก้อาการไมเกรน ให้ขายได้ในร้านยาอันนั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนจ่ายยาเป็นเภสัชจริงหรืิอพนักงาน ตรงนี้แพทสภาเลยไม่ยอม แต่ดันหน้าบาง ไม่เขียนไปตรงๆว่า "อย่ายอมให้บ.นายทุนมากำหนดโรคที่จ่ายยาเองและยาอันตรายใส่ร้านยาของตัวเอง" ดันไปเขียนอ้อมๆว่าอย่าให้เภสัชจ่ายยาอันตรายหรือไม่ได้วินิจฉัย อันนี้ก็ถือว่าเป็นความกาก ของคนร่างหนังสือแพทสภาเองนั่นแหละ ก็สมควรโดนด่าไป