ท่านแยก Email กันอย่างไรบ้างครับ

เนื้อหาการใช้งานเยอะเหลือเกินในปัจจุบันที่ต้องใช้อีเมลล์

- โซเชียลมีเดีย
- การทำงาน
- การลงทุนต่างๆ เช่น หุ้น
- การท่องเที่ยว จองโรงแรม-เครื่องบิน-klook
- ชอปปิ้งออนไลน์
- เอกสารธนาคาร (อีเมลล์แจ้งเตือนตลอดเวลาทำธุรกรรม)
- ฯลฯ

ผมมี 2 อีเมลล์ 1.ส่วนตัว กับ 2.การงาน
แต่เนื้อหาที่กล่าวไปข้างบน มั่วๆปนกันหมดทั้ง2อีเมลล์ 555

ไม่รู้จะจัดระเบียบอย่างไรดี

เลยสอบถามทุกท่าน เผื่อท่านมีแนวทางการแยกอีเมลล์ครับ

เมลทั่วไป กับเมลไว้สมัครสื่อลามก

เมลล์ตั้งแต่เด็กใช้สมัครทั่วไป เมลล์ใช้ชื่อตั้งใช้กับงาน การเงิน

เมลใช้ทางการกับเรื่องส่วนตัวทั่วไปครับ

1. เมลทำงาน ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องแยกเป็นเอกเทศ

2. เมลกลาง เอาไว้ใช้เรื่องส่วนตัวที่สำคัญ เอกสารสำคัญ ท่องเที่ยงโรงแรม อะไรก็เอาไว้ในนี้

3. เมลโซเชียลมีเดีย เอาไว้เป็นที่กองขยะของจริงทุกรูปแบบ

4. เมลขยะ เอาไว้ใช้สำหรับพวกที่มันจะส่งมาหาเราบ่อยๆ หรือเกือบทุกวัน เช่น

บัตรเครดิตที่รูดไรไปมันจะส่งเมลมา แต่จริงๆก็เห็นอยู่แล้วในเมสเสจ

ธนาคารที่ล็อกอินเมื่อไหร่มันก็จะส่งเมลมา ทำไรมันก็ส่งเมลมา

หุ้นการลงทุนก็เอาไว้ในนี้ เพราะมันส่งมาบ่อย อะไรสำคัญค่อยส่งต่อให้ตัวเองไปไว้ในเมลกลางแทน

หรืออะไรก็ตามที่เป็นทำนองนี้ ผมเอาไว้ในเมลขยะให้หมด แล้วจัดใส่ Folder ตั้ง rule ไว้

ส่วนตัวธุรกรรมธนาคาร ส่วนตัวซื้อของออนไลน์+สมัครต่างๆ ส่วนตัวงาน เมลออฟฟิส

แบบเดียวกับ จขกท. เป๊ะครับ

มี 2 เมล งานกับบันเทิงส่วนตัว แต่หลังๆเริ่มปนกันมั่วไปหมด เรียกว่าทำธุรกรรมออนไลน์แทบจะเผลอใช้ทั้งคู่

ผมว่ามันยังไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ ถ้ามีเมลมากกว่านั้น แล้วต้องมานั่งจำ นั่งจดชื่อ จะวุ่นวายกว่าอีก แค่2พอแล้ว
เมลชื่อเราคือใช้ทางการเฉาะที่สำคัญ เมลรองก็ทั่วไปตามใจเลย

เมล ทำงาน
เมล ส่วนตัว
เมล ส่วนตัวสำรอง

ผมมองว่าปัญหามันคือการเลือกรับโนติฟิเคชั่น ของแอพต่างๆที่เราสมัครโดยการกรองไม่ให้ส่งมามากกว่า ผมผมเจอปัญหานี้เมลล้นจนไม่รู้อันไหนสำคัญไม่สำคัญ

อีเมล์งาน ผมเปิดจาก pc/laptop งานเท่านั้น ตรงนี้ดี เพราะบริษัทใหญ่ ๆ ส่วนมากต้องการให้เป็นแบบนั้นด้วย มันปลอดภัยมากกว่า

อีเมล์ส่วนตัว อาจจะมี 2 - 3 อัน ถ้าใช้ตัวหลัก ๆ อย่าง gmail หรือ yahoo มันจะมีฟีเจอร์ที่ตั้งอีเมล์ที่สอง หรือที่สาม ในแอพตัวเดียวกันได้ ซึ่งผมเซตแบบนี้มานานละ สะดวกดี เปิดแอพอันเดียว แต่สามารถเข้าถึงอีเมล์ได้หลายอัน (ต่างยี่ห้อกันก็ได้)

ใช้โปรแกรมช่วยพวก KeePass ก็ดีนะ โปรแกรมจัดการ password ดี ๆ จะช่วยลดความซับซ้อนไปได้เยอะมาก