ทนายตั้ม เรียกรับเงินขนาดนั้น ธรรมราช สร้างประเด็นทางศาสนา
หลายคนเริ่มมีอำนาจ มี FC มีแฟนคลับ
มีการเรียกรับเงิน อ้างว่าทำนุ่นทำนี่ได้จากลูกความที่เดือดร้อน
ไม่ต่างอะไรกับตำรวจโกง หรือคอลเซนเตอร์
ถึงเวลาตรวจสอบจริยธรรม จรรยาบรรณทนายความในประเทศนี้ใหม่บ้างยังครับ
ปล. จากวงการอาชีพหนึ่งที่โดนด่าเรื่องจรรยาบรรณทุกวัน

เงียบตามเคย

เคสเยอะรอหน่อยนะจ้ะ

ถ้าไม่ยกเลิกวัฒนธรรมแนวคิดที่ว่าปลาเน่าตัวเดียวแล้วจะพาปลาเน่าทั้งข้อง

พวกหัวโขนชั้นบนๆของปิรามิดหน้าบางจัดๆแต่อะไรจะชิบหายกูไม่ว่าแต่กูจะเสียหน้าไม่ได้ อย่ามาว่าเหมารวมนะ

ถ้ายังแก้แนวคิดแบบนี้ไม่ได้ก็แก้ปัญหาไม่ได้ครับส่วนใหญ่วัฒนธรรมรักษาชื่อเสียงและภาพลักษณ์องค์กร

มักจะมาพร้อมวัฒนธรรมช่วยฟอกขาวคนผิดแบบกลายๆทั้งทางตรงและทางอ้อม บางคนกางปีกปกป้องคนผิดแบบสุดลิ่ม

บางคนใช้อำนาจ(ดำ+เทา)และคอนเนคชั่นกดดันสื่อและชี้นำกระบวนการยุติธรรม บางคนรักความยุติธรรมแบบสุดๆ

แต่รักพวกพ้องและหน้าตาองค์กรของตัวเองมากกว่า คนไทยนี่เรื่องยึดติดสีเสื้อและรักสถาบันของตัวเอง

มันทำให้ฆ่าคนได้ ทำลายมิตรภาพได้เลย Proud ในความเป็นสถาบันและองค์กรจัดๆจนไม่สนความถูกผิดก็มี

ตรวจสอบอยู่แล้ว เผลอๆ โดนคาดโทษไปแล้วด้วย
แต่ประเด็นคือ ต ไม่ได้ทำคดีเองไง มันจ้างคนอื่นอีกต่อ
เพราะงั้นถึงยกเลิกใบอนุญาตก็ไม่มีผลอะไร

กรณีนี้ต้องบอกว่าถึงต่อให้ทำเรื่องเพิกถอนใบอนุญาตว่าความของทนายตั้มไป ก็ไม่ได้มีผลอะไรหรอกครับ

สาเหตุเป็นเพราะระบบการอนุญาตประกอบวิชาชีพกฎหมายในไทยมันห่วยครับ สภาทนายความก็มีอำนาจแค่เพิกถอนใบอนุญาตว่าความ ซึ่งก็มีผลแค่ไม่ให้มันไปว่าความในศาลได้แค่นั้น แต่มันก็ยังรับให้คำปรึกษากฎหมายได้ในกรณีที่ไม่ต้องว่าความ

ผิดกับระบบการอนุญาตการประกอบวิชาชีพกฎหมายในประเทศที่เจริญแล้วครับ ประเทศเค้ามองว่าการประกอบวิชาชีพกฎหมายมันไม่ได้มีแค่การว่าความ แต่รวมถึงการให้คำปรึกษาต่างๆ แม้จะไม่ได้เกี่ยวกับคดีความ อาจจะแค่ให้คำปรึกษากฎหมายธุรกิจ (ลักษณะเดียวกับที่เจ๊อ้อยมาปรึกษาทนายตั้ม) แบบนี้ก็เป็นการประกอบวิชาชีพกฎหมายครับ ถ้าถูกเพิกถอนใบอนุญาตก็จะไม่สามารถทำอะไรพวกนี้ได้เลย พูดง่ายๆ คือหมดอนาคตในสายกฎหมายไปเลย

ตัดกลับมาที่ไทย ถึงต่อให้มันโดนยึดใบอนุญาตว่าความไป มันก็ยังรับให้คำปรึกษาลูกความต่อไปได้แหละครับ เพราะมันไม่ได้มีอะไรมาห้าม พรบ.ทนายความของไทยมันห่วยครับ ร่างมาตั้งแต่ปี 2528 ซึ่งผมเข้าใจว่าไม่ได้มีการอัพเดตเลย กฎหมายแบบนี้ในยุคสมัยนั้นมันอาจจะเหมาะสมแหละ เพราะบริบทของอาชีพทนายความในสมัยนั้นมันก็เน้นการว่าความในศาล แต่พอธุรกิจมันพัฒนา บริษัทต่างๆ ต้องการที่ปรึกษากฎหมายเพื่อให้ความเห็นทางกฎหมายธุรกิจ ไอพรบ.นี้ก็ไม่พัฒนาตาม เลยเกิดเป็นช่องโหว่

ทุกวันนี้กลายเป็นว่ามีทนายต่างชาติเข้ามาทำงานให้คำปรึกษากฎหมายในไทยเยอะแยะ แต่ไม่เห็นมีใครจะโดนอะไรบ้างเลย เด็กไทยจบแค่ป.ตรี กฎหมายก็สามารถเข้าทำงานใน law firm ได้เลย โดยไม่ต้องสอบใบอนุญาตอะไรก็ได้ ถ้าจะทำในสาย corporate ที่ไม่ต้องไปศาลว่าความแต่ทำคำปรึกษาเรื่องกฎหมายธุรกิจอย่างเดียว ผิดกับประเทศอย่างอังกฤษ ญี่ปุ่น ที่กว่าจะประกอบวิชาชีพได้ต้องไปเทรนตั้ง 2 ปี แล้วต้องอ่านหนังสือเพื่อสอบใบอนุญาตอีกแทบตาย ถึงจะสามารถเข้าทำงานในสายกฎหมายได้

พึ่งจะเริ่มทำ ตั้มเคยโดนร้องไป 20 ครั้ง หายหมด โหนกระแสล่าสุด ทนายบอกตั้มฟันส่วนต่างค่ารถเบนซ์จริง 1.5 ล้าน แต่อ้างว่าเรื่องปกติคนหาลูกค้ามาให้ ก้ขอเจรจาส่วนแบ่ง แต่ๆๆๆๆ เมิงเป้นทนายส่วนตัวเค้าน่ะ เฮ้ ไม่ใช่นายหน้า ไม่ใช่ผู้จัดการดารา จะมาฟันส่วนต่างเพิ่มเอง นั้นลูกความ

เคสมรรยาททนายความ มันไม่ได้มีแค่ เคสที่ท่านเอ่ยมานะครับ

แต่ละวัน แต่ละเดือน มีเป็นร้อย มันต้องตรวจสอบไปตามคิว

ส่วนเคสทนายตั้ม ไม่ต้องไปร้องก็ได้ เพราะหากมีคำพิพากษาตัดสินลงโทษเมื่อไหร่
ใบอนุญาตว่าความ จะถูกระงับ ในทันทีครับ
โดยศาลสถิตยุติธรรม จะส่งสำเนาคำพิพากษาไปยัง สภาทนายความ

*เป็นการเพิกถอนใบอนุญาตว่าความ ตามคำพิพากษา

ขั้นตอนเยอะแยะอ้างไปยันศาลนู่น แต่ศาลยังมีไต่สวนฉุกเฉินนะลืมไรปะ เคสไหนที่กระทบต่อภาพลักษณ์ทนายและสังคมในภาพรวมก็ควรจะหยิบขึ้นมาพิจารณาก่อน

มูฟแต่ละทีอย่างง่าวเลย ดูตัวอย่างสภาวิชาชีพอื่นกันมั่งนะว่าเขาทำอะไรบ้างในการยกระดับมาตรฐานทนาย