ป.6คิดถึงแม่ เจอขี่ซาเล้ง 130 กม.ไปหาที่บุรีรัมย์ เก็บเงินวันละ 10 บาทค่าน้ำมัน รุดช่วยหวั่นอันตราย



นายกอบต.สำพะเนียง โคราช รุดช่วยนักเรียนชาย ป.6 ขี่ซาเล้งมาลำพัง 130 กม.จะไปหาแม่ที่บุรีรัมย์ อาศัยอยู่กับย่า เก็บเงินวันละ 10 บาทเป็นค่าน้ำมัน ครบ 100 ตัดสินใจเดินทางทันที ประสานครูและผู้ปกครองรับตัวกลับหวั่นอันตราย

วันที่ 7 พ.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน นายวรากร พุฒิพงศ์พยาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสำพะเนียง อ.โนนแดง จ.นครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.สำพะเนียง ร่วมกันเข้าตรวจสอบ เด็กชาย อายุ 10 ขวบ แต่งกายชุดนักเรียน

ขับขี่รถจักรยานยนต์ซาเล้งแบบพ่วงข้างอยู่หน้าร้านค้าเขียงเนื้อหน้าโรงเรียนบ้านสำพะเนียง ริมถนนทางหลวงหมายเลข 207 บ้านวัด-ประทาย หลังเด็กมาสอบถามเส้นทางไปอำเภอสตึก จ.บุรีรัมย์ ด้วยความเป็นห่วงเนื่องจากไม่ใช่เด็กพื้นที่ ประกอบกับเส้นทางที่จะขับขี่รถจักรยานยนต์ไปต่ออีกค่อนข้างไกล จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ



นายวรากร เปิดเผยว่า จากการสอบถามเด็ก ทราบว่า เดินทางมาจากอำเภอด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ห่างจากจุดที่พบตัวประมาณ 130 กิโลเมตร โดยแอบขโมยรถจักรยานยนต์ซาเล้งของย่าออกมาจากบ้านตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อขี่ไปหาแม่ที่อ.สตึก เนื่องจากช่วงปิดเทอมแม่มารับไปอยู่ด้วย เมื่อเปิดเทอมน้องจึงกลับมาอยู่กับย่า เนื่องด้วยพ่อแม่แยกทางกัน

เมื่อกลับมาอยู่บ้านย่าแล้วน้องคิดถึงแม่จึงแอบหนีมา โดยเก็บเงินค่าขนมไปโรงเรียนวันละ 10 บาทเป็นค่าน้ำมัน เมื่อเก็บเงินได้ครบ 100 บาท จึงฉวยโอกาสช่วงที่ย่าเผลอแอบขี่รถหนีออกมาทันทีโดยเด็กขับขี่สอบถามเส้นทางตามรายทางไปเรื่อยเนื่องจากน้องไม่ทราบว่าจะต้องเดินทางไปทางไหน จนกระทั่งมาถึงบ้านสำพะเนียง มีชาวบ้านเห็นผิดสังเกตจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจสอบช่วยเหลือ เกรงว่าถ้าหากปล่อยให้เดินทางต่อน้องอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นได้



เบื้องต้นได้ประสานไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนและครูประจำชั้น ให้แจ้งญาติของน้องเพื่อเดินทางมารับตัวกลับไปยังอ.ด่านขุนทด หรือถ้าหากน้องต้องการเดินทางไปหาแม่ ทางโรงเรียนจะดำเนินการไปส่งให้

พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ อบต.สำพะเนียง ยังรวบรวมเงินได้จำนวนหนึ่งเพื่อให้น้องเป็นค่าเดินทาง โดยกำชับว่าห้ามขับขี่รถหนีออกมาเช่นนี้อีก พร้อมมอบนามบัตรส่วนตัวนายก อบต.สำพะเนียง หากมีเรื่องเดือดร้อนสามารถโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือได้ทันที

ที่มา: https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9495302

เห็นหัวมู้แวบแรกอย่างตกใจ นึกว่าเฮียรุดเห็นเพิ่งคุมทีมเมื่อคืนบินมาช่วย

ตรูเป็นอะไรวะเนี่ยวันนี้

โอ้ย ไอ้หนูเอ้ยยอมใจเอ็งเลย จำได้ตอนอายุ15 จากแม่มาเรียนต่างจังหวัดครั้งแรก อาทิตย์แรกก็ยังสนุกหรอกอยู่กับเพื่อน พอเสาร์-อาทิตย์ หอพักคนกลับบ้านกันหมด คิดถึงแม่ึ้ขึ้นมาทันที นั่งรถโดยสารกลับด่วนจี๋

อ่านหัวมู้ทีแรกตกใจ

โห น้องบิดซาเล้งยังงัยได้ 130 กม./ชม.วะเนี่ย พี่ขับรถยังเหยียบไม่ถึง

ผมก็เหมือนกัน คิดอยู่น้องมันทำเครื่องร้านไหนวะแรงจัด

น้องขับออกมาไกล 130 กม ครับ ไม่ใช่ขับไว

นึกถึงเพื่อนสมัยป.6 เหมือนกัน แม่มันคลอดน้องที่รพ.ในกทม.

อยู่บ้านกับพี่สาวสองคน แต่พี่สาววัยรุ่นมันออกไปเที่ยวกลางคืน

มันเลยขับรถเก๋งมากทม.เองเลย หัวมันเลยพวงมาลัยนิดเดียวเอง

พอพี่สาวมันกลับมาบ้านแทบช็อครถหายน้องหายเลยโทรแจ้งตำรวจ

สรุปขับรถจากอุดรไปเจอด่านที่โคราชตำรวจเรียกเพราะขับรถดูส่ายๆเป๋ๆ

นึกว่าคนเมา พอเปิดประตูตำรวจช็อคเด็กตัวเท่าลูกหมาขับรถเก๋งมาหลายร้อยกิโล

จะไปกทม.สรุปงานนั้นจบที่ตำรวจขับรถมาส่งมันที่กทม.พร้อมกับครอบครัวมัน

โดนตำรวจเทศนาชุดใหญ่

ปล.สมัยนั้นพ่อมันสอนให้มันขับรถพอดีมันเลยพอขับได้แต่ไม่เคยลงถนนใหญ่จริงๆแค่นั้น

เรื่องมาถึงโรงเรียนครูฮือฮากันมาก เพื่อนผมดัง(ในโรงเรียน)เลยมันบอกขับรถออกถนนวินาทีแรกมือสั่น

ขับไปไม่ถึง 100 กิโลเริ่มจับจังหวะได้แต่มีขับส่ายนิดๆตอนถึงโคราชเพราะมองไม่ค่อยเห็นเส้นจราจร

ถนนสมัยนั้นยังไม่กว้าง 8 เลนและตีเส้นจราจรดีเหมือนสมัยนี้ด้วย

พี่ม้า กูของจริงงงง

เฮียรุดสมเป็นฮีโร่ทั้งในและนอกสนาม จริงๆ ครับ

ถ้ายังเป็น เทนฮาก อยู่คงไม่ได้ช่วยอะไรน้อง

ในสนามก็สุดยอด นอกสนามก็สุดยอด

อ่านหัวกระทู้แล้วนึกว่าน้องบิด 130 km/h จนคนเห็นว่าเร็วไป อันตราย เลยไปหาทางช่วยหยุด

ข่าวดราม่า คอมเมนท์บันเทิง

ขี่ซาเล้งนี่ต้องใช้ใบขับขี่ไหม