เปิดศักราชยุคเอโดะ

จะเดินตามรอยพรี่ปูไหม?

ข้อแรกก้อไม่ผ่านเเล้ว ตั้งใจกุมอำนาจเบ็ดเสร็จชัดๆ

มันคือการรวบอำนาจ บริหาร นิติบัญยัติ ตุลาการ เข้ากับตัวเองเลยนิ่ มาทรงปูตินเลย

ทำได้จริงนี่ เผด็จการหนักกว่าจีนอีกนะ พี่กัน อเมริกันชนยอมได้ป่าว 55

ไม่มีนโยบายปกป้อง ส หลักของชาติแบบประเทศเทยเหรอ

ทรัมป์นี่แหละ จะสร้าง deep state เองไม่ได้จะมากำจัดหรอก

AI deep fake?

พี่คิมถูกใจสิ่งนี้

อ่านผ่านๆเหมือนตั้งใจมารื้อ แต่อ่านดีๆคือรื้อแหล่ะ แต่กุคุมเอง

พรี่ทรัมป์ ขวายังไงก็ขวาแบบนั้น ถถถถ

นโยบายที่เหมาะกับประเทศแถวนี้ชิบหาย แต่ทำไมได้แน่นอน เพราะแค่หาเสียงก็โดนเล่นงานแล้ว นโยบายแบบนี้

ไล่ตามข้อนะ

1. อันนี้เคยมีความพยายามทำละตอนปลายๆสมัยแรก คืออธิบายเทียบกับของเราก็เหมือนข้าราชการการเมืองกับข้าราชการพลเรือนนั่นแหละ โดยปกติแล้วจะไม่มีอำนาจในการปลดข้าราชการพลเรือนออก แต่มันจะมี"ทฤษฎีทางการเมือง"อยู่อันนึง ตั้งแต่สมัยเรแกนแล้ว เป็นการตีความว่าปธน.มีอำนาจเชิงบริหารแบบเบ็ดเสร็จ (Full authority) ฉะนั้นการแต่งตั้งโยกย้ายอะไรงี้ทำได้หมด ซึ่งตรงนี้มันจะไปขัดกับฝั่งนิติและตุลาการว่า "ได้ก็เห้ละ"
ที่บอกว่าทรัมป์เคยทำช่วงปลายสมัยแรก คือตอนนั้นมันจะล้างบางนั่นแหละ ก็เริ่มสิ่งที่เรียกว่า "Schedule F" ที่งอกมาจากทฤษฎีนี้ ด้วยการตรวจสอบคนภายในนั่นแหละ ตั้งแต่ใครเคยโหวตให้ dem บ้าง ทำไมถึ่งไม่เห็นด้วยกับเรื่องก่อม็อบบุกสภาบ้าง ฯลฯ ดีว่าไบเดนเข้ามาปุ๊ปก็เลยยกเลิกแผนนี้ไป
(... เอ้า กุก็เก็ทเรื่องข้าราชการการเมืองกับข้าราชการพลเรือนนี่หว่า ทำไมสอบกพไม่ผ่านวะ )

2. อันนี้จริงๆอะมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาอยู่แล้ว แต่แม่งมีคดีติตตัวเยอะมากทั้งเรื่องก่อม็อบ 6 มกรา ทั้งคดีที่โดน 4-5 อันใหญ่ๆ มันก็พาลคิดว่าเป็นผลจากเกมการเมือง ซึ่งแม่งไม่ใช่เล้ย

3. อันนี้ก็ต่อเนื่องจากอันบนนั่นแหละ คือถ้าใครจำกันได้ สมัยช่วงที่พิจารณาคดีกัน ออกมาให้สัมฯสื่อ ด่าว่าศาลลำเอียงอะไรงี้จนโดนคำสั่ง gag order ห้ามให้สัมฯสื่อ แม่มก็ไม่ฟังโดนปรับแล้วปรับอีก
คือเอาง่ายๆตอนนี้ทำทุกอย่างเพื่อล้างแค้นอะ

4. อันนี้อะจริงๆ Freedom of Information Act มันมีรองรับอยู่แล้ว เหมือนที่บ้านเราพยายามทำ Open Data ของรัฐนั่นแหละ เราก็ได้แรงบันดาลใจจากเขาตรงนี้ ประเด็นคือบางเรื่องที่เป็นความมั่นคงของรัฐจริงๆ (ซึ่งไม่ใช่ความมั่นคงแบบ"ไทยๆ"อะนะ) เขาก็จะขอเลี่ยงปฏิเสธไม่สามารถให้ได้ หรือถ้าให้ได้ก็เป็นฉบับที่โดน Redact แบบอ่านไม่รู้เรื่อง
ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเปิดเผยข้อมูลขนาดไหน แต่หลายๆประเทศที่เคยทำงานด้วยก็คงเหงื่อแตกละ แม่งจะเอาอะไรมาแฉอีก

5. ส่องกระจกดิพี่ สมัยแรกพี่โดนเจ้าหน้าที่ระดับสูงด่ายับๆเลยว่าเอาข้อมูลลับสุดยอดของประเทศไปคุยกับใครก็ไม่รู้ที่เข้ามาบ้านพี่ที่ฟลอริดา จนเขาต้องให้ข้อมูลปลอมพี่แล้วถ้าพี่จะสั่งอะไรค่อยปรับเป็นของจริงอีกที

6. อันนี้ไม่แน่ใจหมายถึงยังไง แต่ยังมองว่าการตรวจสอบมันต้องมีการตรวจสอบและถ่วงดุลกันอยู่นะ พี่เห็นองค์กรอิสระบ้านผมปะเนี่ย

7. อันนี้พี่จะเปิดศึกกับ NSA เลยเรอะ

8. อันนี้จริงๆดี เพียงแต่พี่จะย้ายไปทำไมไกลขนาดนั้นวะ คือ DC กับโคฯนี่ห่างกันกือบจะคนละซีกประเทศแล้ว เดินทางสะดวกที่ไหน

9. อันนี้อะชัดเจนว่าพี่แกแม่งกะชกพวกนักการเมืองที่ถือหุ้นบริษัทที่มีเอี่ยวกับอำนาจทางการเมืองตัวเอง ตั้งแต่พวกปธน.คนก่อนๆ สภาบนล่าง ฯลฯ

10. วาระคนละ 4 ปีเอง หรือพี่จะให้เลือกตั้งกันทุกสองปี ถ้าแบบนั้นก็ดีนะ แต่ประชาชนจะเบื่อก่อนไหม

คือสรุปสั้นๆอะ นโยบายแต่ละอันคือล้างแค้นสิ่งที่ตัวเองโดนนั่นแหละ เรื่องศาลกับหน่วยงานเนี่ยคือแกโดนจากคดีที่ไม่ใช่คดีการเมืองเลย (ฉ้อโกงนี่มันการเมืองยังไงวะ) แต่แค้นเพราะทั้งโดนสั่งปิดปาก ทั้งเรื่องโดนคนใกล้ตัวหักหลังหมด บลาๆ พอได้อำนาจกลับมาก็ซัดร่วงหมด

นอกนั้นคือคิดแบบนักธุรกิจบริหารบริษัทอะ สไตล์เดียวกับสมัยแรก คือมองรัฐบาลเป็นบริษัทนึง อยากจะทำอะไรก็ทำตัวเองเป็น CEO งี้ จะปลดใครก็ได้ เอายามมาเป็นวิศวกรโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก้ได้ถ้าสมมติมันซื่อตรงต่อตัวเอง โรงไฟฟ้าระเบิดก็เรื่องของมุงไรงี้

บันเทิงแน่ๆรอบนี้

เขียนซะดูดีเลย พ้อยต์ของนโยบายนี้หลักๆคือการเอาคนของตัวเองเข้าไปนั่งทำงานในหน่วยงานต่างๆนั่นแหละ

ลองเอาชื่อทรัมป์กับชื่อประเทศออก แล้วใส่ชื่อแม้วประเทศไทยลงไปแทนสิ

ยกเลิก deep state ด้วยการเอาอำนาจกลับมาที่ประธานาธบดี มันไม่ฟังดูแปลกๆหรอ

หรือมันกำลังปูทางไปเหมือนหนัง Civil War ของปีนี้