สิ่งที่ปรีชาออกมาพูดไม่ได้ทำให้เค้ากลายเป็นฝ่ายถูก ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ แต่ที่ออกมาซ้ำตั้มก็ไม่ผิดที่จะทำเช่นกัน ผมไม่ชื่นชมนะ และก็ขอสมน้ำหน้ากับสิ่งที่ทั้งสองคนได้รับเช่นกัน

ปล. สะใจจริงๆ ใครทำอะไรไว้ก็โดนกันไป ทั้งปรีชาทั้งตั้ม ความจริงก็คือความจริง

“ความผิดฐานร่วมกันฟ้องเท็จ กลั่นแกล้ง ให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา ศาลตัดสินให้นายปรีชา จำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา เพราะเห็นว่าพฤติกรรมของนายปรีชาทำเป็นขบวนการ แต่ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา”

—————

เกณฑ์ที่ศาลใช้ตัดสินรอลงอาญา คือ เกณฑ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ดังนี้

กระทำความผิดครั้งแรก ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน
เคยรับโทษจำคุมมาก่อนแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
เคยถูกพิพากษาให้จำคุกไม่เกิน 6 เดือน
เคยรับโทษจำคุกมาก่อนแต่พ้นโทษเก่ามาแล้วเกินกว่า 5 ปี แล้วมากระทำความผิดอีก โดยความผิดในครั้งหลังเป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ


รวมทั้งเมื่อศาลคำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพและสิ่งแวดล้อมของผู้นั้น หรือสภาพความผิด หรือการรู้สึกผิด และพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น หรือเหตุอื่นอันควรปราณีแล้ว พบว่า จำเลยไม่ใช่คนเลวโดยกมลสันดาน ยอมรับผิดและให้ความร่วมมือในการสอบสวนคดีของตำรวจ แสดงความรับผิดชอบ เช่น ชดใช้ค่าเสียหายต่อผู้เสียหาย ศาลมักจะลดโทษจำคุกให้เหลือเพียงการลงอาญา

———————

ไม่แปลกใจเลยทำไมสังคมถึงมีไอ้พวกคนคุกเยอะชิบหาย
ที่จะมีความคิดผิดครั้งแรกรอลงอาญา

ถึงว่าประเทศเป็นแบบนี้

ผมอาจเป็นส่วนน้อยในประเทศ ที่ชอบครูปรีชา ผมว่าแกวุฒิทางอารมณ์สูงมาก