สาเหตุเพราะ Valve มันไม่ใช่บริษัทมหาชน เจ้าของหลักมันมีแค่ Gabe กับ co-founder อีกคนแค่นั้น ที่เหลือก็พวกพนักงานที่อยู่กันมานาน แปลว่าการตัดสินใจหลักมันก็อยู่ที่ Gabe บริษัทจะอยากทำหรือไม่อยากทำอะไรก็อยู่ที่ Gabe กับคนในกันเองล้วนๆ

แล้ว Gabe มันมองบริษัทตัวเองเป็นแค่บริษัท Software ขนาดกลางอยู่เลยมั้ง ทั้ง บ มีแต่ Game Dev เป็นหลัก แทบไม่มีแผนกอื่นเลย สไตล์การทำงานมันก็เลยเป็นแบบ Dev ไง อยากทำไรก็ทำ ไม่อยากทำไรก็ไม่ทำ

อย่างเกมเก่าๆมันเบื่อกันแล้ว ไม่ค่อยมีใครอยากทำ คนทำก็มีแค่พวกที่ต้องคอย maintain ไปตามรอบ ไม่ได้มีแผนระยะยาวอะไรขนาดนั้น อย่าง Dota 2 ก็เห็นอยู่ว่าพอมันอยากทำไรปุ๊บมันก็ทำเลย พอไม่อยากทำก็โยนทิ้งเลย bug ในเกม Dota 2 มีอยู่ชวงนึงที่มันแก้ไม่หายสักที มันปล่อยให้คาราคาซังอยู่ตั้งนาน แข่งกันก็ยังเจอ bug อยู่เลย ถามว่ามันแคร์มั้ยล่ะ ก็ไม่

แล้วอย่างรายงานปีที่แล้ว Valve มันมีรายได้เป็นหลักพันล้านเหรียญ แต่ขนาดบริษัทของ Valve เล็กกว่าบริษัทอื่นที่รายได้น้อยกว่านี้เป็น 10 เท่า แค่นี้ก็น่าจะบอกได้แล้วว่า Valve มันเสือนอนกิน มันไม่จำเต็มต้องขยับตัวเองเพื่อทำอะไรเลย ปล่อยให้ Community รันเกมกันไป ยิ่ง Steam นี่ตัวปั๊มเงินเลย ทั้งยอดขายเกม ทั้ง Fee จากการ trade ในตลาด ทำเงินมห่าศาลแบบอยู่เฉยๆ

ดังนั้นสิ่งที่ Valve มันถนัดทำเสมอคือจ่ายเงินให้คนอื่นทำให้ อย่าง Dota 2 ล่าสุดก็จ่ายเงินจ้างให้คนจัดทัวร์แทนละ ตอนนี้มันถึงมีทัวร์ละล้านเหรียญมาแข่งกันรัวขนาดนี้ไง ก่อนหน้านี้ Dota 2 กระแสมันดรอปมาตั้งนาน ถ้า Valve ไม่จ่ายตังเอง ใครจะกล้ามาจัดทัวร์ละล้านแบบนี้ บางทัวร์ไม่ใช่ tier 1 ด้วยซ้ำ แต่ prize pool 1 ล้านอ่ะ

แถมถ้า Valve มันมีแผนกอื่นจริงจัง ป่านนี้มันต้องมีทีมมานั่งวิเคราะห์หาทางแก้ปัญหากระแสตกไปแล้ว นี่มันยังไม่ทำไรเลยนอกจากจ่ายเงินให้จัดทัวร์รัวๆ

CSGO ก็อารมณ์เดี๋ยวกันอ่ะ ถ้าไม่โดนด่าหนักๆ มันก็ทำแบบเดิมนอนนับเงินไปเรื่อยๆ ยิ่งตอนนี้ทุกคนใน บ มีไฟกับ Deadlock ก็ลืมเกมอื่นไปได้เลยว่าจะมีอัพเดทใหญ่อะไรออกมาในช่วงนี้  

มะเร็งจริงๆก็น่าจะ Stream เพราะกินเงินส่วนแบ่งรายได้จากการขายได้ชิลๆ

แถมพวกติ่งStream ชอบไปบู้บี้ Epic Store ทีนี้พอเป็นเสือนอนกิน มันก็พาลขี้เกียจไปที่เกมในเครือด้วย