ทำเยอะเเล้วล้าอันนี้จริงเลย นอกจากงานไม่มีประสิทธิภาพ ร่างกายยังพังอีกด้วย

มันมีข่าวผลการวิจัยมาสักพักนึงแล้ว​ ผมเอามาลองดูก็รู้สึกว่าเต็มที่กับงานได้มากขึ้นจริง​ เพราะเรามีเวลาว่างที่สมดุลกับเวลางาน​ ร่างกายสมองก็ได้พักได้คลายเครียดแบบเต็มที่​ แล้วพอถึงเวลาทำงาน​ จากที่ทำๆเบื่อๆเพราะจมกับมันทุกวัน​ ก็กลายเป็นมีไฟอยากทำให้มันออกมาดี​ ทั้งมือทั้งหัวก็ไวและคมขึ้น​ แต่มันก็ใช้ไม่ได้กับทุกงาน​ อย่างพวกบริการหรือขนส่งถ้าจะเอาแบบนี้ก็ต้องจ้างคนเพิ่ม​ แต่พวกประจำออฟฟิศคือเหมาะมาก

ผมมองว่าขึ้นกับงานถ้าเป็นงานแบบไม่เฉพาะทางทำเยอะๆยิ่งดี อย่างคนล้างจาน สมมติล้างได้ ชม.ละ100ใบ ทำงาน 4ชม. ล้างได้400ใบ แต่ทำงานวันละ10 ชม.ก็ล้างได้วันละ1000ใบ แบบนี้ก็เห็นชัดๆแล้วว่าทำงานมากยิ่งผลลัพธ์มาก

ทำงาน เกิน 8 ชม.ได้เหรอครับ ต่อให้หักพักเที่ยงออก ก็ยัง 9 ชม.

ถ้า6 วัน ทุกบริษัท ทุก ส่วนงานราชการ
แบบนี้ ร้านค้าที่ เที่ยว น่าจะตายกันหมเพราะ
คนแทบไม่ว่างออกไปเทั่ยวเลย ถ้าไม่หยุดงานเอง

ไม่แปลกเลยครับ มันทำให้คนไม่ burn out จากการทำงาน

ถ้าทำงาน 4 วัน = เวลางานน้อยลง แต่ Productivity ดันเพิ่มขึ้น แสดงว่าในเวลาปกติงานต้องชิลมากนะถึงทำแบบนี้ได้

มองๆดู มันเหมือนบริษัทบีบให้ พนง ต้องมี Efficiency มากขึ้นเลย เพราะไม่มีทางที่บริษัทจะลดวันทำงาน และลด Productivity ไปพร้อมๆกันได้(นอกจากจะใช้เครื่องจักรมาทุ่นแรง) อาจจะทำได้เป็นบาง Job แหละมั้ง