โทษประหารชีวิต ควรมี หรือไม่ควรมี
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2561 นักกิจกรรมแอมเนสตี้ประเทศไทย ถือป้ายแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับโทษประหารชีวิต หน้าเรือนจำบางขวาง จากการที่ เรือนทำได้ทำการประหาร นายธีรศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุลเพื่อไม่ให้กระทบกับครอบครัว) อายุ 26 ปี เขาเป็นนักโทษคดีฆ่าชิงทรัพย์ โดยแทงผู้ตายทั้งหมด 24 แผลเมื่อปี 2555 และศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษด้วยการฉีดสารพิษให้ตาย ซึ่งนายธีรศักดิ์นับเป็นนักโทษรายล่าสุดที่ถูกลงโทษประหารนับตั้งแต่ปี 2552 และหลังจากวันนั้น ถึงวันนี้ไม่มีการประหารนักโทษอีกเลย
นักกิจกรรมแอมเนสตี้ประเทศไทย มีความเห็นว่า"การนำเอาโทษประหารชีวิตกลับมาใช้ใหม่สวนทางกับคำมั่นสัญญาของประเทศไทยทั้งในระดับประเทศและนานาประเทศ ระหว่างการทบทวนสถานการณ์ภาพรวมด้านสิทธิมนุษยชนโดยสมาชิกสหประชาชาติ ตามกลไก Universal Periodic Review เมื่อปี 2559 ประเทศไทยได้ให้คำมั่นว่าจะดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อยกเลิกโทษประหารชีวิต" ซินเทีย เวลิโก้ ผู้แทนของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว "คำมั่นดังกล่าวได้รับการกล่าวย้ำอีกในแผนปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่สาม"
โดยเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2007 ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก ตัดสินใจว่าต่อจากนี้จะจำกัดการใช้โทษประหารชีวิตไว้สำหรับอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดเท่านั้นเพื่อมุ่งไปสู่การยุติการประหารชีวิตโดยสมบูรณ์โดยให้เหตุผลว่า โทษประหารเป็นการลบหลู่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การหยุดพักการใช้บทลงโทษประหารชีวิตจะช่วยให้สิทธิมนุษยชนก้าวหน้ายิ่งขึ้น ไม่มีหลักฐานใดพิสูจน์ได้ว่าโทษประหารสร้างประโยชน์อะไรได้อย่างชัดเจน และหากดำเนินการประหารไป ในกรณีที่เกิดการตัดสินหรือกระบวนการยุติธรรมผิดพลาด ก็ไม่อาจย้อนให้ชีวิตคนบริสุทธิ์ที่ถูกประหารไปแล้วกลับมาได้ ตอนนั้นมีประเทศที่เห็นด้วย 104 ประเทศ ไม่เห็นด้วย 54 ประเทศ ไม่ออกเสียง 29 ประเทศ
สภายุโรปได้ออกพิธีสารข้อที่ 6 ในอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน มาก่อนแล้ว บังคับใช้ให้ประเทศสมาชิกห้ามใช้โทษประหารในช่วงเวลาที่ไม่มีศึกสงคราม นี่คือสาเหตุบางส่วนที่ไม่มีโทษประหารถึงทุกวันนี้
เครดิตบางส่วนจาก bbcthai และ amnesty
https://ichef.bbci.co.uk/ace/ws/768/cpsprodpb/E485/production/_102110585_047556085.jpg.webp