จริงๆผมเห็นแฟนลิเวอร์พูลใช้คำนี้เยอะมาก เวลาดีลนักเตะแข่งทีมอื่น แล้วมีการ แข่งเรื่องค่าเหนื่อย

จริงๆแล้วจ่ายไม่ไหวจริงๆ หรือเพราะนโยบายสโมสรจะไม่จ่ายแพงครับ เพราะผมว่าลิเวอร์พูลก็ไม่ใช่ทีมธรรมดาที่จ่ายไม่ได้หรือต้องประหยัดขนาดนั้น

ค่าเหนื่อยโม ก็ติดท็อป 4 ของพรีเมียร์นะ (350,000 ปอนด์/สัปดาห์)

ประเด็นอาจจะไม่ใช่จ่ายไม่ได้ แต่ตั้งเกณฑ์เพดานรวมไว้ต่ำ จ่ายให้คนนึงเยอะๆ ยอดรวมมันก็จะยิ่งขยับตัวได้น้อยลงเวลาจะเซ็นคนอื่น

จริงๆก็ไม่ใช่แค่หงส์หรอก ผมเห็นของเชลซี กับ น่อลเอง ก็คุมเพดานตรงนี้เหมือนกัน ตามสไตล์เจ้าของอเมริกัน

ทั้งจ่ายไม่ไหว แล้วก็ไม่จ่ายแพง ง่ายๆ
เจ้าของไม่ได้รวยมากอยู่แล้ว

มันจ่ายได้แค่นั้นตามนโยบายเจ้าของครับ

แค่นั้นแหละ แค่ที่เห็นก็ Top5 ในลีคตลอดนะ (ถ้ามันสำเร็จได้แชมป์ถ้วยใหญ่ๆ อันดับก็พุ่งอะ ปีที่ได้แชมป์ ก็จ่ายมากสุด อันดับ 2 ตลอด)

นโยบายก็เหมือนกับธุรกิจทั่วๆไปอะ ที่มันชอบใช้คำว่ายืนได้ด้วยตัวเองน่ะ

ผมว่าจ่ายไหว แต่แค่ต้องมีนโยบายไว้ไม่ให้มัน Over

ลิเวอร์พูลทำทีมแบบมี cap space ทิพย์อะครับ มาใหม่ ถ้าไม่ดังมากก็ไม่เกิน 100k
ถ้าดังขึ้นมาหน่อยก็ไม่เกิน 100-180k
อยู่มานานก็ขยับเพิ่มทีละ 50-100k ต่อการต่อ 1 รอบ แล้วแต่ฟอร์ม มันเลยไม่มีใครค่าเหนื่อยกระโดดสูง กว่าคนอื่นมาก
ซาล่า กว่าจะได้ 300+ ก็อายุ 30 แล้ว ดังนั้นเวลาจะซื้อนักเตะแล้วมันมีข่าวว่าอยากได้ค่าเหนื่อย สูง กองเชียร์ เค้ารู้ว่าไม่สู้แน่นอน เพราะ หงส์ไม่ค่อยชอบทุ่มค่าเหนื่อยให้นักเตะเยอะ

ปล. แต่ที่ให้เยอะแน่ๆ คือ โบนัส ค่าเหนื่อยไม่สูง แต่ให้ค่าโบนัสเยอะ

หลักๆต้องเข้าใจก่อนว่า เงินของหงส์ เนี่ยพวกผู้ บริหารไม่ได้อัดเงินมาเพิ่ม คือ รายรับ รายจ่าย คือใช้วนไปเรื่อยๆ ทีมต้องพยายาม การเงินเขียวนะแหละ คนเลยแซว การเงินเขีย FC เรื่องทุ่มเงินซื้อแทบเป็นไปไม่ได้ ทั้งๆที่ก็มีเงิน หลักๆก็ดูจากทุ่มซื้อ ไคเซโด้

แต่อัดโบนัสให้เยอะแทน

ถ้าจะจ่ายผมว่าจ่ายไหวอยู่แล้ว ผลงานทีมก็โอเค สปอนเซอร์ก็ไม่ได้น้อย แต่นโยบายเจ้าของคือไม่ทุ่มเว่อร์แข่งกับทีมอื่น จะจ่ายแค่ราคาที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสม เลยทำให้ดูเหมือนไม่ค่อยมีเงินไปแข่งกับใครเค้า

จ่ายตามความเหมาะสม ไปทุ่มแหลกก็สภาพแมนยู

ผมเคยคุยแฟงหงส์บอก ค่าเหนื่อยไม่แพงแต่โบนัสโหดจัด

ถามว่าไหวไหม มันไหวแหละ แต่ๆๆๆ ถ้าพวกประธานเป้ 4-5แสนปอนต่อสัปดาก็ไมไ่หวนะ

เอาเคสซาล่าเป้นตัวอย่าง เงินล้วนๆ 350000 ต่อสัปดา แต่ถ้ารวมโบนัส ค่าภาพลักษณ์ต่างๆนาๆ เกือบๆ 1 ล้านปอนต่อสัปดา และนี่ยังไม่หักภาษีนะ

และถ้าสมมติว่าคนใหม่ โป้ง 400000 แล้วคนที่เป็นตัวหลักได้ 200000-250000 ก็ต้องเรียกให้เท่าเทีมอีก เพดานก็พังหมด มันคือการบริหารจัดการมากกว่า

ตอนมาเน่กับซาล่่าห์จะหมดสัญญา ลิเวอร์พูลต้องเลือกไว้ซักคน

แต่ละทีมเองก็มีเพดานค่าเหนื่อยของตัวเอง ปัจจุบันลิเวอร์พูลจ่ายค่าเหนื่อยทั้งทีมราวๆ 65% ของรายได้

มันมีเรทของค่าจ้างอยู่แล้วว่าไหวได้เท่านี้ แล้วไปอัดโบนัสเอา แบบนั้นมันจะง่ายในกรณีเล่นไม่ดีแล้วอยากขายออกมากกว่า

ไม่เหมือนพวกได้ค่าเหนื่อยสูงๆ แต่พอจะขายออกก็ไม่อยากจะย้ายไปรับเงินค่าเหนื่อยที่ถูกกว่า พอนักเตะไม่อยากย้ายทีมก็ขายไม่ได้ ขายได้ก็ได้ค่าตัวน้อย

ถ้าจะบอกว่าหงส์สู่ค่าเหนื่อยไม่ไหวก็ถือว่าจริง แต่จริงๆก็คือไม่อยากทำลายกำแพงค่าเหนื่อยมากกว่า ผลเสียมันเยอะกว่า

ให้โบนัสเยอะดีและปลอดภัยกว่า กระตุ้นนักเตะให้สร้างผลงานดีไปในตัวด้วย ตัวไหนฟอร์มตกหรือเล่นพลาดก็มีหลายคนช่วยกันเตือน

ถ้าปล่อยเพดานเงินเดือน รายจ่ายคงที่มันจะเยอะและงบมันจะบวมขึ้นเยอะ เพราะต้องเพิ่มค่าเหนื่อยอีกหลายคนตามด้วย

เอ้า ก็แล้วทำไมถึงพูดไม่ได้ล่ะ