มันจะไปเหมือนได้ยังไงครับ ก็บริษัทอื่นเค้ามีใบอนุญาตขายตรงกันถูกต้อง

แต่บริษัทนี้ ไม่มีใบอนุญาตขายตรง แค่เริ่มมามันก็ดูจะผิดแต่หัววันแล้วนะ ยังไม่ต้องว่าถึงเรื่องอื่นๆเลย

อัยการ/ทนายคนกลาง เค้าก็กางกฎหมายให้ดู ว่าในกฎหมายเรื่องขายตรง มันต้องมีสิ่งเช่น

ต้องผู้จำหน่ายมีสิทธิคืนของได้ มีสิทธิยกเลิกสัญญาได้ บริษัทต้องรับซื้อคืนหมด

ต้องไม่ชักจูงให้ผู้จำหน่ายอิสระซื้อสินค้าในปริมาณมากเกินไปอย่างไม่สมเหตุผล เป็นต้น

ซึ่งประเด็นคือบริษัทมันทำตัวเป็นขายตรง แต่ไม่มีใบอนุญาตขายตรง และทำเรื่องนอกเนื่องพรบ.ขายตรงเยอะ

มันก็เลยเข้าข่ายการหลอกลวง ซึ่งผู้เสียหายขนาดนี้ ก็เป็นฉ้อโกงประชาชน

ตรงนี้กฎหมายมันชัดเจนมาก ถ้าจะอ้างอีกเป็น 10 เป็น 100 บริษัท ก็ถ้าพวกนั้นเค้ามีใบอนุญาต

และทำทุกอย่างตาม พรบ.ขายตรง เช่นแอมเวย์ อยากเลิกก็เอาของไปคืน ได้ค่าสมาชิกคืนก็จบ มันจะผิดยังไง

ซึ่งเรื่องใบอนุญาต ตรงนี้มันชัดเจนแล้วว่าบริษัทไม่มี ซึ่งถ้าบริษัทจะแก้ ก็ต้องบอกว่าตัวเองไม่ใช่ขายตรง

แต่จากปากของผู้เสียหายเต็มไปหมด มันก็ขายตรงชัดๆ ไหนจะไอ่ใบราคาของบริษัทเองอีก มันจะไปหนียังไง  

การจดทะเบียนขายตรง มันทำไม่ยากเลยนะ ถ้าไม่มีคือปล่อยปะละเลยสุดๆ

ถ้าเอาแค่ข้อนี้ ไปเสิชดู ก็โทษเบาอยู่
 

ถ้าหนีก็คงผิดจริง แต่ถ้าสู้คดี แปลว่าเขายังมีไม้ตายอยู่

เรื่องนี้ว่ากันไปตามหลักฐาน แต่บริษัทขายตรงประเภทนี้น่าจะดูเอาเคสนี้ไปปรับปรุงกลยุทธของบริษัทตัวเองแน่  

สมมติมีเงิน 4พันล้านบาท ก็ประมาณ 100ล้านปอนด์
บางคนก็อาจคิดว่าถึงหนีไป เงินก็อาจไม่พอใช้ไปตลอด

แต่ถ้าเอาไปซื้อคริปโต หรือโอนฝากทรัพย์สินให้คนอื่นๆ ทั้งในหรือต่างประเทศ
พอออกจากคุกมา ก็ยังมีเงินใช้หลายร้อยหลายพันล้านบาทครับ


ปล.อย่างแม่ชะม้อย ติดคุกจริง ไม่ถึง10ปีครับ  

ก็บอกแล้ว ว่าเดี๋ยวก็มามุก ถ้าจับกุ มึงก็ต้องจับอีกเป็น 10 เป็น 100 บริษัท ที่อยู่ในตลาดทุกวันนี้

ก็ยังคิดอยู่ ว่าเคสนี้ สุดท้ายจะเอาผิดได้จริงๆเหรอ เล่นซะใหญ่โต ถ้าเอาผิดไม่ได้ เสียเหมือนกันนะ หนุ่ม

เพราะพวกนั้นมันจะเอาเรื่อง เฮ้ย พวกคุณจับแบบนี้ สองมาตรฐานนี่หว่า มันจะไปทรงนี้แน่ๆ

แต่ผมเชื่อนะ ว่าข่าวนี้ มีอิมแพคแน่ๆ พวก บ. ขายตรงอื่นๆที่กำลังติดตามข่าวนี้อยู่ คงถือโอกาสปรับโมเดลธุรกิจ ให้กลับมาเน้นขายสินค้าจริงจัง ไม่มากก็น้อย