[RE: อย่างมงายในวิทยาศาสตร์!!!!]
masterkabo พิมพ์ว่า:
ผมเข้าใจในเรื่องนี้นะ อย่างมงาย ในวิทยาศาสตร์ และเห็นด้วยอย่างยิ่ง เหมือนที่ ขงจื้อ สอนไว้ตลอดว่า อย่าเอากฎหมายมาเป็น แกนโครงสร้างของสังคม (แต่ขอย้ำว่าวิทยาศาสตร์ไม่ได้ผิด แต่มันไม่ได้ดีไปหมด ถูกไปหมด และมนุษย์ที่เอามาใช้ ใช้ผิดเอง)
วิทยาศาสตร์ มันไม่ใช่ทุกอย่างในโลกและในจักรวาล และถ้าเราเน้นงมงายสิ่งนี้มากไป มันก็ลืมรากฐานของเราเอง จนเป็นสังคมบ้าวัตถุ กันไป กลายเป็น สังคมเศรษฐกิจในปัจจุบัน ถามว่าทุกคนสะดวกขึ้นไหม ใช่ แต่ถามว่าทุกคนมีความสุขไหมกับสังคมในปัจจุบันนี้ ผมว่าหลายคนไม่นะ และถ้าถามตัวเองว่าในสถานการณ์ตอนนี้คุณคิดว่าคุณอยู่ในสภาพสังคมที่เป็น สวรรค์ หรือ สังคม นรก คุณควรต้องตอบกันเองแล้ว (ส่วนเรื่องจะอธิบายส่วนเกินว่า เหาะ เหิน อากาศ จิต ทำโน้นนี่ ผมมีข้อพิสูจน์ เป็นหลักการณ์ทางคณิตศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ด้วย แต่ไม่ขออธิบายนะ เพราะว่าคนยังไม่เหมาะที่จะรู้ มันสิ่งนี้มันสุ่มเสี่ยงสุดๆจะไปใช้ดีก็ไปได้ จะเลวสุดขั้วมันเอามาใช้ได้)
สิ่งที่เป็นเหตุ เป็นผล มักจะไม่นับว่างมงายครับ
ถ้าวิทยาศาสตร์ เป็นเหตุเป็นผล พิสูจน์ได้ เชื่อได้ จะนับว่างมงายได้อย่างไร
แต่จะว่าไป คำพูดนั้นก็ไม่ผิดหลอก ที่ว่า อย่างมงายในวิทยาศาสตร์
ไม่งั้นคงไม่มีใครเชื่อไอสไตน์ งมงายกับวิทยาศาสตร์เดิมๆ
Spoil
1. ทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
นิวตัน: นิวตันอธิบายแรงโน้มถ่วงในเชิงของแรงที่กระทำระหว่างวัตถุสองวัตถุ ซึ่งเป็นไปตามกฎความโน้มถ่วงสากล (Universal Law of Gravitation) แรงโน้มถ่วงจึงเป็นแรงดึงดูดที่มีอยู่ระหว่างวัตถุทุกชิ้นในจักรวาล
ไอน์สไตน์: ไอน์สไตน์ล้มล้างแนวคิดนี้ด้วยทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป (General Theory of Relativity) ซึ่งอธิบายว่าแรงโน้มถ่วงไม่ได้เป็นแรงดึงดูดระหว่างวัตถุ แต่เป็นผลจากการที่มวลสารทำให้โครงสร้างของกาลอวกาศ (spacetime) โค้งงอ เมื่อมวลสารทำให้กาลอวกาศโค้ง วัตถุที่เคลื่อนที่ในกาลอวกาศจึงเคลื่อนที่ตามเส้นโค้งนั้น นี่เป็นการเปลี่ยนมุมมองที่สำคัญ เพราะมองว่าแรงโน้มถ่วงคือผลของการบิดเบี้ยวของกาลอวกาศแทนที่จะเป็น "แรง" ในตัวมันเอง