แบบนี้มันก้อเหมือนใครผลักของออกจากมือตัวเองได้ก้อรอดใช่มั้ยคับ ตัวบนสุดนั่งยิ้มเรยมองดูพวกตัวล่างๆผลักของส่งไปให้อีกมือเพลินเรย

ถ้าผมเป็นผู้เสียหาย คงเอาทุกช่องทางอะครับ

ตั้งแต่การจดทะเบียนตั้งบริษัท สินค้ามาตรฐาน อย. ยันการโฆษณาชวนเชื่อ

ถ้าทำตามจรรยาบรรณที่ไม่มีการ stock ของ จะไม่มีคำว่าผลักของออกจากมือครับ

หาลูกค้าได้เมื่อไรก็สั่งของจากบริษัทมาขายเมื่อนั้น ไม่ต้องแบกภาระต้นทุน stock ของไว้กับตัว แต่มันรวยช้าไง

อันที่ผมทำอยู่ มาก่อนมาหลังมีผลแค่ในช่วงแรกครับ
มันมีกฎความยุติธรรมอยู่ ไม่ให้คนที่ได้ชื่อแค่ว่าสมัครก่อนมานั่งเฉยๆแล้วได้รายได้แน่นอนครับ
ถ้าคนที่มาทีหลัง ตั้งใจทำ จนสำเร็จในระดับนึง ยอดธุรกิจจะตัดออกจากคนข้างบน หรือ ต้องมีเงื่อนไขอื่นๆ เพื่อให้มีความยุติธรรมและไม่ให้ความสำเร็จขึ้นอยู่กับว่าแค่คนมาก่อนหรือมาหลัง
ความสำรเร็จก็ขึ้นอยู่กับการใช้สินค้าและตั้งใจทำธุรกิจ ตั้งใจอธิบายสินค้ามากกว่า การมาก่อนหลังครับ

ฟังจากรายการมาเหมือนบอกไม่สามารถขายราคาต่ำกว่าที่บริษัทกำหนดด้วยมั้ง

แบบจัดโปรเองก็คงไม่ได้ด้วยมั้ง สินค้าดีๆเดี๋ยวนี้ไวรัลง่ายนะ แต่ของแบรนด์นี้ก็ไม่เคยเห็นเลยจริงๆใน tt ig หรืออะไรก็แล้วแต่
เหมือนโดนดองของยาวๆเลย

งือ สงสัยเหมือนกัน
ในตลาดหุ้นนี่เยอะเลยนะ เราจะทำแบบนั้นแบบนี้ ยอดจะเพิ่มเท่านั้น กำไรจะเท่านี้
ออกมาจริงหลุดเป้า ที่บอกจะทำก็ไม่ทำ ไม่เห็นโดนไรเลย

มันได้ทั้งสองมุม มุมที่ว่าไม่น่าผิดกฎหมาย มุมนี้มองง่าย น่าจะเห็นกันทั่วไป (ไม่งั้นไม่มีเยอะแยะแบบนี้หรอก)

ส่วนอีกมุมมันก็มองได้เจาะได้

- บริษัทจดมาทำอะไร
- รายรับที่ได้รับมาจากไหน รายจ่าย จ่ายไปเพื่ออะไร
- การทำธุรกิจมุ่งเน้นไปทางไหน (ถ้าบอกว่าขายสินค้า ก็ต้องเอายอดขาย สรรพคุณ การพัฒนาสินค้า ผมตอบรับที่แสดงให้เห็นถึงการมุ่งเน้นการขายสินค้า เหมือนที่ แอม/กิฟ ทำ)
- การโฆษณามุ่งไปทางไหน เน้นขายสินค้า หรือเน้นลงทุน

ถ้ารายได้หลักมาจาก การสมัครสมาชิก มันก็จี้ได้อีก เงินทุกบาทมันมีเส้นทางของมัน ไม่มีทางที่จะหาจุดพลาดไม่ได้
(แม้จะบอกว่าซื้อสินค้า แต่มันดูการพฤติการณ์ได้ ศาลไม่ใช่หลับหูหลับตาเชื่อ ซื้อของเป็นลังๆแล้วบอกเอาเงินแลกของนะจ๊ะคือจบ ตย.เช่น ผมขายก้อนหินวิเศษให้ลังนึง 10ล้าน แล้วบอกว่า 10ล้านคือค่าขายสินค้านะ ไม่ใช่ค่าอื่นนะจ๊ะ บริษัทที่รับเงินผมจดไว้เพื่อขายหินวิเศษนะ แน่นอนผมดิลกันข้างนอกว่า 10ล้านคือค่าอะไร ก้อนหินแม้งคือสิ่งที่เอาไว้ฟอกเฉยๆ)

ลองถามตัวเองดูนะ บางคนเก่งมาก บางคนเป็นกูรูเรื่องนั้นๆด้วยซ้ำ แต่ถ้าไม่ได้คิดเอาเปรียบหรือไปจูงใจใครให้เชื่อ ก็ไม่มีทางสร้างรายได้เป็นพันล้านหรอก (ผู้บริหารบริษัทระดับประเทศยังทำไม่ได้เลย)

คิดจริงๆหรอว่าธุรกิจแบบนี้ มันควรมีอยู่จริงๆในประเทศนี้ คนรวย รวยแบบไม่รู้เรื่อง รถหลายสิบล้าน นาฬิกาแพงกว่ารถ แล้วก็เอามาบริจาคเยอะๆเพื่อลดภาษี คือถ้ามันรวยจากการทำงานหนัก ความสามารถพิเศษ ไม่มีใครไปว่าหรอก แต่รวยจากเงินดาวไลน์ที่เจ๊งยับกันเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนคน แบบนี้หรอ ก็มรึงโง่เองนิเอาเงินมาได้กุเองนิ

ปล. การเปลี่ยนแปลงมันต้องดันสองทาง จะโทษแต่บริษัทหรือธุรกิจแนวนี้ก็ไม่ได้ จะโทษแต่ประชาชนที่โง่เง่าให้เค้าหลอกก็ไม่ได้ แต่ตามหลักการมันก็ต้องตีหัวก่อน เพราะทำได้ง่ายกว่าเป้าแคบโฟกัสได้ แล้วถึงจะ educate ต่อให้ประชาชนรู้กันว่ามันไม่ควรไปหลงเชื่ออะไรแบบนี้ (แม้งตื่นตัวได้แปปเดียวเด๋วก็ลืม 555+)

ปล2.จะผิดไม่มีผิดไม่รู้ ผมไม่ใช่คนตัดสิน และไม่มีอำนาจและไม่สนใจจะไปตัดสินใคร แต่ที่รู้แน่ๆคือ ต้องให้สังคมรู้ว่า อย่าโง่งมไปเชื่อไอพวกขายตรงพวกนี้ ตั้งใจทำงานที่ไม่ไปเบียดเบียนคนอื่นเถอะ

ปล.3 มีคนไม่ไกลตัว พึ่งกลับมาจากลอนดอนไม่นาน ไอแก๊งนี้แหละ เที่ยงปีนึง 3-4รอบ การเที่ยวรอบนึงแปลว่ายอดถึง นั้นหมายความว่า การเที่ยว 1ครั้ง มีผู้เสียหายไม่รู้กี่ร้อยกี่พันราย ประเคนเงินให้ไปเที่ยวกัน

ถ้าพูดแบบกว้างขนาดนั้นก็คงไม่ผิดหรอกครับ ต้องไปดูวิธีการ ว่าเขาทำยังไงคนถึงไปสั่งของด้วย ถ้าทุกอย่างมันปกติก็ปกติ

ผมว่ามันมีช่อง แต่ผู้เสียหายต้องร่วมกันฟ้องเยอะๆ

ถ้าเรายังยึดติดว่าสินค้าขายจริงมีส่งจริง ต่อไป แชร์ลูกโซ่ ทำวิธีให้สิ่งตอบแทนเช่น เหรียญพระมูลค่า 10 บาท แล้วบอกว่าตัวนี้มูลค่าล้านนึง ก็ไม่ถือว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ใช่ไหมครับ
คือ มันต้องตีความด้านอื่นอะ ไม่งั้นแชร์ลูกโซ่จะเอาตัวรอดไม่ผิดได้ ความน่าเคารพของกฏจะหายไป
ผมว่าเมื่อไรก็ตามที่มีการโฆษาชวนเชื่อให้หาลูกข่ายแล้วจะได้รายได้มากขึ้นจากการไม่มีลูกข่าย กำไร 1 เหรียญ มีลูกข่าย1คนกำไร 1.1 มี 2 กำไร1.2 ประชากรที่ใช้ผลิตภัณได้ในไทยสมมติ มี 30ล้าน จาก 70 ล้าน เอามาคำนวนย้อนกลับว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันก็คือการโกหกหลอกลวงอะ จริงๆแล้วโดยสามัญสำนึก แค่บอกว่ามีลูกข่ายก็จะรวยจากขายของลูกข่าย ไม่ได้รวยจากว่าผลิตภัณดี เราจะรวยจากการขายตัวนี้ได้ 3 เดือน 1 ชิ้นต่อ 1 คนใช้ และจะ lunch ผลิตภัณใหม่ดีๆที่ใช้ได้จริงในครึ่งปีหน้า มันก็ผิดแล้วอะ

ก็ถ้าไม่สต๊อกของ แล้วมันจะผลักของยังไงครับ? อันนี้สงสัยจริงๆ

ใช่ครับ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าขายตรง หรือ สินค้าที่จำหน่ายผ่านตัวแทน ห้าง ร้าน ออนไลน์ ก็ตาม
การกำหนดราคาต้องเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงพาณิชย์ครับ
ดังนั้นอยู่ๆจะมาตั้งราคา ล้านนึง จาก ต้นทุน 10 บาท ไม่ได้แน่นอนครับ
คุณค่า คุณภาพ ต้นทุนของสินค้า ก็ต้องเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงการคลังครับ
พวกที่เล่นกับความรู้สึกคนเช่น แม่ตั๊กขายทอง อันนี้ก็เข้าข่ายโฆษณาเกินจริงแน่นอน
The iCon เองก็คงต้องอธิบายให้ได้ว่า ราคาสินค้าต่างๆที่ตั้งมา เป็นไปตามมาตรฐานการกำหนดราคาสินค้ารึเปล่า
(ซึ่งผมเดาว่าไม่ผิดหรอก)
ที่ผมคิดว่าทำไม่ถูกแน่ๆตอนนี้คือ วิธีการสอนของพวกแม่ข่ายมากกว่า ที่เน้นให้ซื้อสต้อกไว้ อยากได้ชิวิตใหม่ ต้องเอาชีวิตเก่ามาแลก (เอาเงินที่มีอยู่ตอนนี้มาแลก เป็นความสำเร็จของพวกกรูซะ แล้วเมิงก็ไปหาคนแบบเมิงมาต่อเอง)

เห็นคนบอกไม่ใช่สอนค้าควบคุมจะตั้งเท่าไหร่ก็ได้ครับ ต้นทุน10บาท ขายล้านนึงก็มีแค่พระนั่นแหละมั้งครับที่เคยเห็น

ถ้าเป็นของเกี่ยวกับความเชื่อ เช่นพระเหรีญ จตุคาม พาณิช จะแก้ไขยังไงได้ครับ ที่ดิน ซื้อแสนขาย แสนห้า ข้าวซื้อ20 ขาย 38 แต่คุณภาพ 25 ของพวกนี้ มันก้ำกึ่งมากนะครับ มันเลี่ยงได้หมดเลย สุดท้ายถ้ามองตามสามัญสำนึกไม่ได้ตั้งใจขายให้เอาไปใช้ หรือไปขายออก แต่ตั้งใจแค่เอาสินค้าออกจากตัวเองในราคากำไร แค่นั้นเอง โดยไม่สนว่าลูกข่ายจะขายได้ไม่ได้ แล้วเอา%ปัญผลจากลูกข่ายมาชักจูง มันก็แชร์ลูกโซ่ดีๆนี่เอง

ต้องมาดูสินค้าที่ได้รับตรงปกมั้ย คุณภาพเป็นตามโฆษณามั้ย (เห็นว่าไม่ผ่าน อย.) ประมาณนั้น ถ้าไปฟ้องเรื่องขายของไม่ออกอันนี้น่าจะไม่ได้ เพราะมีการส่งมอบสินค้าจริง ลูกทีมก็ได้รับสินค้าจริง