ถ้ามองว่าเป็นเกมเมอร์ มันก็ทำได้ อยากทำไรก็ทำไป ถ้าไม่ผิดกฏหมาย

แต่ถ้าจะยกระดับเป็นกีฬา มันต้องมีน้ำใจนักกีฬาและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่นได้

นี่คือจุดที่ผมยังมองว่าต่างกันอยู่

อย่าง NBA NFL มีพวกโทษ taunting หรือ unsportmanlike conduct บอลก็เคร่งเรื่องการเหยียด เตะบอลทิ้ง กีฬาต้องมีมาตรฐานเหล่านี้เสมอ และลงโทษทันทีที่ทำ ลงในเกมส์ โทษรุนแรงขนาดมีผลต่อเกมส์ แล้ค่อยต่อไปยังโทษหลังเกมส์

และถ้าจะเป็นกีฬาต้องมีหน่วยงานกลางที่ดูแลให้ นักกีฬาทุกเกมส์ที่จะจัดแข่งต้องมีกฎเกณฑ์ ตั้งแต่เรื่องการพนันยันโด๊ป ยาเสพย์ติด การล้ม แต่ละเกมส์ต้องมีมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่ใครจัดก็เอาไปดูกันเอง แล้วคนดูกฎก็ดันเป็นเอกชนที่เอียงได้ อย่างนี้เรียกว่ากีฬาไม่ได้ อย่าง dota เปลี่ยนแพชบ่อยได้ แต่ใครคุมว่าแพชต้องไปทางไหน แพชเกมส์เร็วก็เอื้อทีมนึง แต่ถ้าช้าลงก็จะไปเอื้ออีกทีม แค่นี้ก็แทบจะล็อคผลได้แล้วว่าทีมที่จะชนะมีได้ประมาณกี่ทีม ทีมไหนเป็นศัตรูเจ้าของก็ไปไล่ทุบได้ แต่เอาจริงๆการเป็นกีฬากฎไม่ควรเปลี่ยนบ่อยขนาดแพช

ถ้ายังติดหล่มอยู่แค่นี้เกมส์ก็ขยายไปได้แค่สื่อการพนันอย่างนึง ไม่ควรไปเป็นกีฬา

เอา all chat ออกก็แก้ได้เยอะเลยนะ

ก็ส่วนใหญ่เลยแหละมั้ง ถ้าจะบอกว่า Trashtalk เป็นของคู่กับ esport เนี่ย
ประเด็นคือ Riot มันก็มีระบบแบนใน LoL ไม่ใช่รึ ก็ไม่เห็นนักกีฬามันจะเลิกแล้วบอกมาดอทสักคน
วาโลฯเองก็มีระบบนี้ https://support-valorant.riotgames.com/hc/en-us/articles/360049507033-Voice-and-Chat-Restrictions

อาจจะเป็นส่วนนึงเลยก็ได้มั้งที่ทำให้สองค่ายระหว่าง Riot vs Valve แตกต่างกันชัดเจนในเรื่อง esport
ค่ายนึงก็เป็นค่ายเพลงที่ทำเกมได้นิดหน่อย แต่มีระบบป้องกันเรื่องพวกนี้ ก็เลยทำให้วงการมันขับเคลื่อนไปได้
ค่ายนึงก็เป็นแพลตฟอร์มขายเกมที่ทำเกมได้นิดๆหน่อยๆ แต่ปล่อยอิสระเรื่องนี้ ผลก็อย่างที่เห็น

ผมก็เลยไม่เก็ทที่บอกว่า Trash Talk เป็นของคู่กับกีฬาแบบนี้
ฝ่ายนึงพยายามทำให้กีฬา esport ขึ้นไประดับเท่าเทียมกับพวกกีฬาอื่นๆระดับโลกได้ ซึ่งพวกนั้นเขามีกฎวางไว้ชัดเจนอยู่แล้ว และผมมองว่าหลายๆกฎมันโคตร make sense โดยเฉพาะเรื่อง trash talk และ violence
ขณะที่อีกฝ่ายนึงบอกว่า trash talk เป็นของคู่กับกีฬาพวกนี้ ถ้าอดทนไม่ได้ก็ไม่ควรเป็นนักกีฬา.. เรอะ?

คิดงั้นกันจริงดิ?

ทำไม trashtalke ถึงยอมรับกันได้นะ ผมงง

ก่อนไปถึง atf พี่ไม่พูดถึง torontotokyo ก่อนล่ะย้อนไปก่อนโน้นไม่ใช่แค่ตอนนี้

มันก็ต้องโดนหมดแหละครับ ท่ามาตราฐานเดียวกัน ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นใคร จะบัง จะพรี่โตเกียว ท่าเข้าข่ายว่า Trashtalk toxicก็ต้องโดนลงโทษให้หมด ก็เพราะValveมันปล่อยให้พรี่โตเกียวมันทำได้ไม่ออกกฏกับบทลงโทษให้ชัดเจนมันเลยเกิดเด็กแบบบังขึ้นไง ท่าเป็นอีกค่ายก็โดนฟันหมดอะ ไม่แปลกที่Esportฝั่งนั้นจะดูเป็นมืออาชีพกว่าค่ายนี้อะ

ก็นั่นไง เพราะคุณพี่พูดถึงแต่ atf ไม่พูดถึงตัวต้นเหตุและไม่ใช่ atf มันแย่คนเดียว

เกมจะพังเพราะ Trashtalk หนักๆนีละ ถ้าด่าทีมเดียวกันยังพอว่า อยู่ดีๆด่าฝั่งตรงข้ามนี้ละ ทีมฟอนคอน ขยันมีเรื่องพวกนี้หลายครั้งละ น่าจะมีการปรามๆไว้บ้าง แต่เห็นข่าวจากตาแบงค์แปลมา โปรส่วนมากมีแต่ป้อง atf ทั้งนั้น

ก่อนอื่นเลยโดยหลักใหญ่ใจความคือ “Valve เป็นบริษัทผู้ขายเกม” แค่นั้นเลย ไม่เป็นแม้แต่ผู้ผลิตเกม ผู้จัดรายการแข่งเกม ฯลฯ ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น

มี Trash talk งั้นหรอ งั้นกุแก้ปัญหาด้วยการผลิต wheel chat มาขายเพิ่มละกัน

ถ้าวงการ DOTA จะตาย ผมก็ไม่แปลกใจ

ทำตัวเองล้วนๆ โทษ Valve อย่างเดียวไม่ได้หรอก

สังคมโปร DOTA ยังถือข้างความ TOXIC กันอยู่เลย

ไม่สนใจ sportmanship กันก็ปล่อยให้เป็นวงการเด็กเกรียนมาเกรียนใส่กันไปเหอะ

เหตุเกิดจากด่ากันใน pub valve มันจะไปแก้ได้ไง

toxic เป็นเรื่องปกติ คนที่คิดแบบนี้เคยเล่นกีฬารึเปล่า ลองไปเตะบอลแล้วไปพูดจาดูถูกคนอื่นสิ จบไม่สวยแน่นอน ไม่ว่าจะเล่นในระดับใด มีแต่ต้องระดับสูงจริงๆซึ่งการแพ้ชนะ มันยิ่งใหญ่จนต้องไปยั่วยุแบบนั้นถึงจะคุ้มทำ
แต่ก็แลกมากับคำครหาไปตลอดชีวิต ดูเคสซีดาน มาเตรัซซี่ได้

ส่วน Toxic ในวงการเกมส์ก็เพราะมีคีย์บอร์ดไว้หลบหลังไง เลยนึกว่าจะทำอะไร พูดอะไรก็ได้ ลองทำต่อหน้าก็โดนตรงนั้นแหละ ดูถูกคนอื่นมันกลายเป็นเรื่องสนุกไปตั้งแต่ตอนไหน มีแต่พวกขี้แพ้ในชีวิตจริงนั่นแหละถึงมา toxic ในเกมส์

แรกๆเบาๆ ขำๆ หลังๆยุคแรก falcon ปั่นจัด gg โดนจนหัวร้อน

DOTA2 มัน Toxic จนผมชินชาไปแล้ว
ทุกวันนี้ผมถามคนเล่นเลย เคย pause แล้วอีกฝั่งไม่กด resume ใหม