- ตอนปี 2021 โอซาซูน่า ทีมในสเปนเคยต่อสัญญา Mocayola 10 ปี ถึง 2031





- ส่วนเซ็นยาวถ้าเจ็บหนักหรือฟอร์มตกจะทำยังไง? เชลซี ก็รับผิดชอบไป อาจจะเพราะส่วนนี้ด้วยที่ทำให้นักเตะยอมเซ็นยาวเพราะมันมั่นคงในระยะยาว ถ้าตัวเองฟอร์มตก หรือ เจ็บหนัก ก็ยังมีงานทำไปยัน 30 อะ

- ค่าเหนื่อย เชลซี ส่วนใหญ่คือจ่ายเพดานค่าเหนื่อยเริ่มต้นต่ำ อย่างพวก พาลเมอร์ ( สัญญาใหม่ ) ,ไคเซโด้ พวกนี้ไม่เกิน 150K ,เอ็นโซ่ 180K เงินเริ่มต้นแค่นี้แล้วไปเพิ่มโบนัสเยอะๆจากผลงานในสนามแทน เพราะงั้นตัวไหนเจ็บยาวๆ หรือ ฟอร์มตก มันก็จะไม่ได้ลง ก็รับค่าเหนื่อยแค่ในระดับเริ่มต้นไป ไม่ได้โบนัส เชลซี ก็อาจจะจ่ายน้อยลงหน่อย

- จะมีพวกที่ซื้อหรือต่อสัญญาก่อนที่จะมี DOF ที่ค่าเหนื่อยแพงเกินฐานค่าเหนื่อยใหม่นี้ สเตอริ่ง ,ชิลเวล ,โฟฟาน่า ,คูคูเรย่า ,เจมส์ ,เอ็นคุนคู พวกนี้ค่าเหนื่อยแพงเกินเพดานปัจจุบัน และหลายๆตัวนี่ เชลซี พยายามหาทางขายออกอยู่

- ส่วนตัวที่เหลือมี พาลเมอร์ ( สัญญาใหม่ ) ,ไคเซโด้ ,เอ็นโซ่ และน่าจะพวก เฟลิกซ์ ,ซานโช่ ,แจ๊คสัน ( สัญญาใหม่ ) ที่เกิน 100K แต่ไม่น่าเกิน 150K ยกเว้น เอ็นโซ่ ที่ 180K

- ส่วนคนอื่นนอกจากนี้ต่ำกว่า 100K ทั้งหมด



ส่วนทำไม เชลซี มันถึงต้องเซ็นยาวๆ 7-8-9 ปี

- แรกๆทำเพราะต้องการหารค่าตัดจำหน่ายรายปีลง ให้เพดานรายปีน้อยที่สุดจะได้เสริมรอบละหลายๆคน เลยเน้นเซ็นยาวหารเยอะ แต่ปัจจุบันโดนทั้งในลีคและยูฟ่าออกกฎดักทางละว่าหารได้แค่ 5 ปี

- แต่ เชลซี ก็ยังเซ็นยาว 7-8 ปีต่อเหมือนเดิม เห็น คีแรน แมคไกวซ์ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการเงินกีฬาของอังกฤษบอกว่าถึงจะใช้ทริคนี้ในกฎการเงิน PSR FFP ไม่ได้แล้ว แต่ยังใช้ในเรื่องทางบัญชี ,ภาษี และเรื่องการเงินต่างๆได้ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่ามันจะช่วยอะไรได้บ้างนะ

- อีกเหตุผลคือ เชลซี มองว่าช่วงอายุสัญญาของนักเตะที่ควรเริ่มพิจารณาอนาคตก็ตอนเหลือ 3 ปี พอเหลือ 3 ปีนี่ต้องคิดต้องคุยกันละว่าจะเอายังไงกับอนาคต ขาย หรือ ต่อสัญญา

- เพราะงั้นถ้าเซ็น 5 ปีตามปกติหมายความว่า พอผ่านไป 2 ปีก็ต้องมานั่งคุยอนาคตกันละ ถ้าจะต่อสัญญา เชลซี ก็ต้องจ่าย ค่าเอเยนต์ ,โบนัสเซ็นสัญญา อีกรอบ เพราะงั้นมันเลยเซ็น 7 ปีไปเลยทีเดียวจะได้ไม่ต้องเสีย ค่าเอเยนต์ หรือ โบนัสเซ็นสัญญา หลายรอบ