ผมจะเปิดข่าวให้ลูกดู​ อธิบายรายละเอียดในข่าวให้ลูกเข้าใจ​ แล้วถามเค้าว่ายังอยากไปมั้ย​ ถ้าลูกยังอยากไปผมก็จะให้เค้าไป​ เคสแบบนี้ไม่ได้เกืดขึ้นทุกวัน​ แล้วเด็กที่ตายก็มีแต่ผู้ใหญ่​ มันเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของรถโดยตรง​ แต่ก็คงจะปสด.ไปไล่เช็ครถของบริษัทที่รร.จ้างให้พาลูกเราไป แต่จะไม่ห้ามลูกถ้าเขาอยากจะไปจริงๆ

ถ้าไม่บังคับ จะไม่ให้ไป แต่เด็ก ก็อยากไปกับเพื่อนแหละ

ผมคงไม่ให้ไป จนกว่าจะขึ้นมัธยม เพราะผมไม่ไว้ใจระบบรักษาความปลอดภัย และการจัดการเด็กของบ้านเรา เด็กตายในรถตู้ก็ยังเคยมีเลย คิดว่าผู้มีส่วนรับผิดชอบเรื่องพวกนี้จัดการได้ห่วยแค่ไหนคิดดู ลูกสาวคนโตผมกำลังเข้าเตรียมอนุบาล ภรรยายังไปรับไปส่งโรงเรียนเองทุกวัน อุ่นใจกว่า แม้จะมีรถโรงเรียนรับส่ง มันเหมือนเราฝากสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตให้คนอื่นดูแลอะผมคงไม่เอา

สถานการณ์นี้ กระแสกำลังมี ตัดสินใจง่ายมากนะฮะ

โทรไปจี้ถามทางโรงเรียนถึงมาตรการก่อนเลยฮะ เหตุการณ์กำลังสดๆร้อนๆ เค้าไม่คิดว่าเราตื่นตูมหรือประสาทแดรกแน่ๆฮะ

ยิ่งถ้ามีไลน์กลุ่มผู้ปกครอง เข้าไปเพิ่มกระแสในนั้นยิ่งดีเข้าไปอีก ช่วยกันทำให้มาตรการมันดีขึ้น (ถ้าไม่มีปัญญา เดี๋ยวเค้ายกเลิกเอง)

ของแบบนี้มันต้อง win-win ไม่ใช่มีแค่ตัวเลือกแต่ว่าให้ไป(เด็กมีความสุข เราไม่สบายใจ) หรือไม่ให้ไป(เราสบายใจ เด็กไม่มีความสุข)

แล้วปล่อยให้คนตรงกลางสบายตัว ไม่คิดจะแก้ไข,ป้องกันอะไร

ส่วนตัวให้ไปนะสำหรับลูกที่โตแล้วดูแลตัวเองได้ในระดับนึงพูดรู้เรื่อง ไม่ติดขัดเพราะมันไม่เกี่ยวกับทัศนศึกษา ส่วนที่บอกยกเลิกทัศนศึกษา ผมอยากรู้นะเขาคิดอะไรกันอยู่นั่งอ่านเม้นใน FB 10000/1-10 ที่จะเจอคนที่รู้ว่าสาเหตุมันมาจากรถบัสสักคนนะ ที่รู้ว่าไม่ใช่เพราะการไปทัศนศึกษาบงบอกอะไรได้หลายๆอย่างเลย

ขึ้นอยู่กับ ร.ร. ที่จัด ถ้าเป็น ร.ร.รัฐบาล(งบน้อย การจัดซื้อจัดจ้างก็ตามงบ) คงต้องอย่างน้อย ป.4-6 ถึงจะให้ไป
เพราะผมตอนเด็กๆก็เคยไปทัศนศึกษาแบบนี้มาแล้ว (ถ้าเชื่อว่ามาตรฐานห่วยแบบนี้เป็นมานานแล้ว สมัยนั้นก็เป็นแบบเดียวกัน) ก็สนุกมาก ก็เลยอยากให้ลูกใช้ชีวิตตามวัย

ก็ให้แหละถ้าประถม ชีวิตก็ดำเนินต่อไปถ้าคิดจะใช้ชีวิตประเทศนี่ ยิ่งไม่ออกไปผจญอะไรนะยิ่งเงอะงะ

ถ้ากลัวมากก็อย่ามีลูกในประเทศนี่กันเลย ผมไม่คิดอยากจะมีไม่ใช่เรื่องเงินแต่เป็น เพราะ ความปลอดภัยในชีวิตต่ำ ข้ามทางม้าลายยาก รถสาธารณะก็มีวินมอไซค์ซะเยอะนั่งมาตกหัวแตกตายไม่รู้ตอนไหนก็ได้ ต้องมานั่งห่วงเป็นทุกข์เป็นบ่วงผูกคอไม่สิ้นสุด

ให้ไปครับ แต่โรงเรียนต้องมีมาตรการที่ชัดเจนให้เพื่อผู้ปกครองมั่นใจ

แต่ส่วนใหญ่ผมจะถามลูกให้เขาตัดสินใจเอง และมันก็ไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้งตั้งแต่โรงเรียนจัดมา

ลูกผม ม.1 แล้ว ก่อนหน้าเหตุการณ์นี้ ผมไม่ได้คำนึงถึงเรื่องอุบัติเหตุขนาดนี้เลย ผมก็ให้ลูกไปตลอด ตั้งแต่เค้าเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการทัศนศึกษา หรือกิจกรรม summer camp เข้าค่ายอะไร ก็ให้ไปตลอด ผมไว้ใจโรงเรียนตลอด เพราะมั่นใจว่าทางโรงเรียนมีมาตรฐานการจัดการได้ดี แต่พอเห็นเหตุการณ์นี้แล้วก็ทำให้ตระหนักว่า เราไว้ใจมากเกินไปหรือป่าว แต่ส่วนตัวก็คิดว่าก็ยังจะอนุญาตให้ลูกไปเหมือนเดิม เพราะเชื่อมัั่นในมาตรฐาน แต่ก็อยากให้โรงเรียนเพิ่มการสอนให้เด็กเอาตัวรอดในกรณีที่เกิดปัญหา และเพิ่มขั้นตอนในการคัดเลือก และตรวจสอบสภาพรถ และคนขับให้ปลอดภัยที่สุด โดยอาจให้บริษัทฯรถ แสดงใบตรวจสภาพ ที่ผ่านการตรวจไม่น้อยกว่า 6 เดือน และสอนเด็กๆ และครูว่า เปิดประตูฉุกเฉินยังไง จะต้องเอาตัวรอดยังไง ใช้อุปกรณ์ยังไงก่อนที่จะเดินทาง

ผมว่าต้องตั้งหลักให้ถูกก่อนนะ ทัศนศึกษานี่มีขึ้นเพื่อตัวเด็กเองที่จะได้มีประสบการณ์ชีวิตเพิ่มเติมหรือมีเพื่อโรงเรียน ถ้าถามครูทั่วไปการดูแลเด็กๆเยอะๆไม่ใช่เรื่องสนุกนะครับโดยเฉพาะพาไปนอกสถานที่ โรงเรียนก็เสี่ยง ทำไมตอนนี้กลายเป็นทุกคนกำลังจะไปไล่บี้กับโรงเรียนกันต้องยังงั้น ต้องยังงี้ไม่ถูกใจไม่ให้ไป คือผมไม่ได้บอกว่าต้องให้เด็กไปนะแต่ถ้าไม่สบายใจอยู่แล้วก็มีสิทธิ์ไม่ต้องให้ไปนะ ถ้าโรงเรียนเค้าเต็มที่แล้วก็ไปว่าเค้าไม่ได้

คือในมุมผมนะเคยจัดพวกพาพนักงานไปเที่ยว ตอนจัดก็กังวลห่วงความปลอดภัย เที่ยวสนุกมั้ย มีปัญหาอะไรมั้ย
คนดูแลอย่างผมแทบไม่ได้เที่ยวอะไร ตกดึกพนักงานแพ้อาหารต้องพาไปรพ ไม่ได้สนุกนะครับคนจัดอะ แต่ก็ต้องจัดพนักงานจะได้ไปเที่ยวผ่อนคลาย มาปีนี้มีคนตินู่นนี่ เรื่องมาก ผมยกเลิกจัดไปเลย สบายใจผมด้วย

เคสนี้ถ้าโรงเรียนไม่สนใจเด็กก็ยกเลิกทิ้งไปเลย เซฟกว่าด้วย แต่ผมมองว่ามักง่ายไปหน่อย

แต่ก็อีกแหละผมมองว่าทัศนศึกษามีประโยชน์แต่อาจจะมีคนมองว่าไม่มีประโยชน์ก็ได้ ก็แล้วแต่

ในรายชื่อ ผมไม่คิดว่า เด็กปอ 1 กับ ปอ 3 เป็นเด็กโตนะ

อีกอย่างต้องดูตำแหน่งที่นั่งของเด็กด้วย เด็กอนุบาล อาจจะถูกจัดให้นั่งตรงแถวๆประตูหน้ารถ เลยมีโอกาสรอดมากกว่าเด็กโต ที่ถูกจัดให้นั่งตรงท้ายๆรถ ที่โดนไฟไหม้ฉับพลันเต็มๆ (เป็น nature ของเด็กโต พี่ใหญ่ด้วย ที่ชอบนั่งท้ายรถ)

จากประสบการณ์นะครับ ลูกอยู่อนุบาล2 ได้ไปทัศนศึกษาตั้งแต่อนุบาล1
โรงเรียนอยู่ใน กทม. จะไปทัศนศึกษาปีละครั้ง ส่วนมากก็จะไปที่ใกล้ๆโรงเรียน
ตัวอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์เด็ก พิพิธภัณฑ์พระราม9 ทุกครั้งที่ไปโรงเรียนจะแจ้งเสมอว่า
ลูกไปรถคันไหน ในรถมีคนดูแลกี่คน เป็นใครบ้าง ไปรถอะไร ส่วนมากจะเป็นรถโรงเรียนเอง
ที่มีคนดูแลตลอด
พ่อแม่ในกลุ่มไลน์ผู้ปกครองมักจะกระวนกระวายตลอดเวลาลูกต้องเดินทาง จะถามว่าไปด้วยได้ไหม
หรือบางคนก็จะแอบไปดูถึงที่ แบบไม่ให้ลูกรู้ก็มี แต่ตัวผมเองมักจะไม่ตามไป เพราะเราค่อนข้างไว้ใจระบบของโรงเรียน แต่ถ้าต้องไปไกลๆแล้วเป็นเด็กอนุบาลด้วย ก็อาจจะไม่อยากให้ไป
แต่เราจะรู้สึกได้เลยว่าเด็กๆชอบการทัศนศึกษามาก ปกติลูกชายเป็นเด็กพูดน้อย แต่พอกลับมาบ้าน
เขามีเรื่องเล่าเยอะเลย เห็นชัดว่าเขาสนุกกับกิจกรรมมาก จนบ้างครั้งก็ต้องพาไปซ้ำอีกครั้ง
เพราะว่าเขาติดใจ

ถ้าถามว่ายังอยากให้ไปอยู่ไหม ก็อยากให้ไปอีกครับ แต่ต้องดูโปรแกรมของทางโรงเรียนด้วยว่า ไกลไหม
มีความเสี่ยงอะไรหรือเปล่า แล้วถ้าไปด้วยจะดีไหม บอกเลยว่า ไม่ดีครับ ครูผู้ดูแลจะค่อนข้างหนักใจ ถ้าผู้ปกครองไปด้วย เพราะเด็กอนุบาลมักจะมีคำถามเสมอว่า ผู้ปกครองคนนี้ไปได้ ทำไมพ่อแม่ตัวเองไม่ไปบ้าง คราวนี้ก็ลำบากผู้ปกครองคนอื่นอีก ตัดปัญหาว่าไม่ตามไปจะดีกว่าครับ

มันก็จะมีคนยังมองว่าการทัศนศึกษาควรยกเลิก เพราะเป็นหนทางสู่ความตายอยู่ดี เข้าใจอยู่นะว่าข่าวช่วงนี้มันสะเทือนอารมณ์

แต่สาเหตุมันอยู่ที่มาตรฐานรถ หรือมาตรฐานคนขับ ก็ควรไปแก้ทางนั้นไม่ใช่เหรอ

ต่อให้ยกเลิกทัศนศึกษา แต่บริษัทรถทัวร์ไม่ได้มาตรฐาน คนที่ใช้บริการรถทัวร์ไปเที่ยว สัมนา หรืออะไรต่าง ๆ ก็อาจเกิดโศกนาฎกรรมใหม่ได้เหมือนกันไหม แต่แตกต่างว่าเหยื่อไม่ได้เป็นเด็กเท่านั้น

ลูกสาวคนเล็กของผมมีไปทัศนศึกษาวันอังคารที่จะถึง ลูกและกลุ่มเพิ่อนๆ ไม่อยากไปตั้งแต่แรก เพราะไม่ใช่แบบที่เด็กๆอยากไป

คิดเองว่า เด็กในกรุงเทพฯ ที่ครอบครัวมีความพร้อมในการวางแผนมีลูก เด็กตั้งแต่มัธยมขึ้นไป ไม่ค่อยขาดเรื่องกิจกรรมร่วมกับเพื่อนและโรงเรียน กิจกรรมในโรงเรียนมีให้ร่วมเยอะอยู่แล้ว การไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนตัวเองก็บ่อยมากพอครับ

ที่ผ่านมา โรงเรียนใช้รถของบริษัทที่มีมาตรฐาน ไปแต่ละครั้ง ใช้รถประมาณ 20 คันต่อระดับชั้น จากที่เห็น รถทุกคันมาตรฐานเดียวกัน ครั้งนี้หากโรงเรียนยังยืนยันให้ไป ก็ต้องให้ลูกไป ถึงจะหวั่นใจจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปบ้าง แต่ก็วางใจในการดูแลของโรงเรียนครับ

ส่วนตัวคิดว่า เป็นกิจกรรมที่ไม่ควรยกเลิก แต่ขอให้มีมาตรการดูแลที่ดี มีมาตรการโดยเฉพาะ ที่โรงเรียนและผู้ให้บริการต้องเคร่งครัดไปโดยตลอด

ถ้ายังอยู่ประถม ไม่ครับ เอาจริงๆ ม.ต้น ม.ปลาย ถ้าใช้รถบัส 2 ชั้นผมก็ไม่อยากให้ไปเท่าไหร่ ด้านความปลอดภัยผมว่า รถแบบนั้นมันแย่ไป

แต่ใดๆของถามลูกก่อน แต่ลูกผมมักชอบอยู่บ้านเล่นเกมมากกว่าอะดิ