การเรียนรู้ ผ่านการมองเห็น การทำกิจกรรม

มันซึมซับได้ไวกว่า การอ่านหนังสือ

ผมแปลกใจมากเลย ที่เหตุการณ์ครั้งนี้ ไปโทษ ทัศนศึกษา ว่ามีส่วน เป็นต้นเรื่องของปัญหา

ทำให้รู้เลยว่า ทำไมคนในประเทศเรา ถึงโดนนักการเมือง จูงจมูกได้ง่ายๆ


ถ้าจะถกกันเรื่อง ทัศนศึกษา ก็น่าจะอีกวาระนึง ถกกันให้ขาดว่า กิจกรรมไหนควรไป หรือไม่ควรไป
แต่ไม่ใช่โยง เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

ปัญหาไม่ใช่ทัศนศึกษา แต่ปัญหามันอยู่ที่คุณภาพของรถ และการดัดแปลงสภาพรถเกินจากที่ขออนุญาติกับขนส่ง ตอนไปตรวจสภาพรถแจ้งอย่างนึง พอตรวจเสร็จแล้วก็เอาโน่นเอานี่หรือดัดแปลงเพิ่ม เช่น ในใบวิศวะลงแก๊สแค่ 3 ถัง แต่ของจริงบนรถมี 7 ถัง ประตูฉุกเฉินสูง 3 เมตรยังงี้ ยางรถเสื่อมสภาพใช้ให้คุ้มยังงี้

จริงๆ อยากให้ยกเลิกการใช้รถบัสที่อู่ประกอบเองด้วยซ้ำ ถ้าจะใช้ ให้ใช้ของค่ายรถ ที่มันทำมาตามกฏหมายในประเทศนั้นแน่ๆ แล้ว

ในระหว่างที่รอการแก้ต้นตอปัญหา ก็ทำเรื่องความรัดกุมของการออกทำกิจกรรมนอกโรงเรียน ควบคู่กันไปด้วย มันทำได้ ไม่ต้องถึงกับยกเลิกถาวร แต่ปรับปรุงเงื่อนไขการทัศนศึกษานอกสถานที่ให้มันตรงจุดประสงค์ อายุ-ชั้นปีที่เรียน ( เป้าหมายของกิจกรรมโรงเรียน วิชาที่เกี่ยวข้อง )

อย่าลืมว่าที่นี่คือถนนของประเทศไทย ไม่ใช่ยุโรปมอเมกา ญี่ปุ่น ที่จะไปคาดหวังคุณภาพประชาชนในการใช้รถใช้ถนน

( ลองเอาสถิติการเกิดอุบัติเหตุคล้ายๆกรณีมาดูก็ได้ ทุกเคสที่เกิด ถามว่าเกิดตอนไหน ? เกิดที่ไหน ? มันเกิดนอกจังหวัดแทบทั้งสิ้น ด้วยความไม่ชินทาง ( พื้นผิวถนน ทางโค้ง ขึ้นลงภูเขา ) รถสภาพไม่ดี สถาพร่างกาย-ความสามารถคนขับ ระยะเวลา ความเร็วที่ใช้ )

ตลาดบน ?

ใช่ครับ ปัญหาหลักๆ คือ การดัดแปลงสภาพรถ และ มาตรฐานความปลอดภัย

SS นี่แม่งเห็นต่างกันไม่ได้เลยจ้องจะแซะกันตลอด
สมกับเป็นบอร์ดรวมคนหัวก้าวหน้า

ผมที่สมัยเรียน ขึ้นรถบัสโรงเรียนตั้งแต่ ม.1 ยัน ม.6 ไปกลับ
ทุกวันนี้จบมา 10 กว่าปี โรงเรียนก็ยังใช้บัสเป็นหลัก หลายสิบคัน
สงสัยต้องยกเลิกให้หมดแหละงี้

ไม่ใช่ลูกตัวเอง โชว์แก้ปัญหาใช้สมองล้ำๆ แล้วด่าคนอื่นตลาดล่าง ไม่ดูความเป็นจริง

ขอให้แก้ให้ได้นะต้นเหตุอ่ะ แล้วเกิดขึ้นอีกอย่าร้อง

จัดได้เหมือนเดิม แต่ต้องถามความสมัครใจจากผู้แกครอง
และเด็กก่อน และต้องทำประกันเดินทางทุกกรณี

ควรไป อยู่นะ แต่ กำหนดอายุหน่อย

เด็กเกินไป ก็ไม่ควร ไปไกลๆ ช่วยตัวเองยังไม่ได้

ผมว่า ป.4 ป.5 ขึ้นไปอ่ะ กำลังดี

อย่างน้อยเกิดเหตุฉุกเฉิน ยังพอ เอาตัวรอดเอง หรือ ช่วยอะไรได้บ้าง

ไปว่าเค้าตลาดล่างก็เกินไป ในมุมพ่อแม่ ตัดความเสี่ยงได้ก็อยากตัดกันแหละ ถึงมันจะไม่ใช่ต้นเหตุก็ตาม กลัวเด็กไม่ได้เปิดโลก พ่อแม่ก็ยังพาลูกไปเที่ยวอะไรพวกนั้นได้ ไม่เห็นจะจำเป็นต้องผ่านโรงเรียนอะไรขนาดนั้นเลย

คือ ยกเลิกไม่ยกเลิกมันเร็วไปที่เราจะมาเถียงกันหรือเปล่า ออกมาตรการชั่วคราวให้รัดกุมขึ้น หรือบัังคับใช้มาตรการทัศนศึกษาที่มีอยุ่ให้เข้มขึ้นก่อนสิ แล้วศึกษาเคสนี้ หาสาเหตุการเกิด -> ตั้งสมมติฐาน เก็บข้อมูล วิจัยความเสี่ยงกันไป หาข้อสรุป

โน้น กว่าจะมาถึง Solution/Action ถึงขั้นตอน จะยกเลิก/ไม่ยกเลิก/ลดจำนวน/เพิ่มความปลอดภัย

นิสัยคนไทยแท้ๆ มันถึงไม่มีพัฒนาทางความคิดกันเลย
เอาสาเหตุก่อนเลย
1. สภาพรถ : 1.1 รถติดแก๊ซ เช่น วาร์ซแก๊ซดันหันออกไปฝั่งที่ชนกับแบริเอ่อ 2. ล้อระเบิด จากสภาพล้อหรือเปล่า 3. ระบบความปลอดภัยรถ 4. คนขับรถ กับ พนักงานรถ มีคุณภาพไหม มีขั้นตอนมาตรฐานไหม
2. สภาพถนน ทำไมเอื้อให้ยางระเบิดได้ ทำให้ให้รถส่าย คุณภาพถนนดีไหม หรือเสื่อมแล้ว มีระบบใช้น้ำจ่ายเพื่อเกิดเหตุไหม ระบบไฟใหม้ ยังไงก็ตามน้ำคือสิ่งเดียวที่จะช่วยได้นะ เพราะว่าน้ำใช้ลดอุณหภูมิได้มีดีและง่ายสุด
3. การจัดทัศนศึกษา ทำไมให้ผู้ปกครองเด็กๆเป็นคุณครูผู้หญิงหมดเลย 6 ท่านที่ดูแลเด็ก มีระบบจัดการไหมว่าคุณครูดูแลได้เท่าไหร่ มีขั้นตอนเวลาเกิดเหตุอย่างไร อัดเด็กไปในรถคันเดียว เกือบ 40 คน เยอะไปไหม แออัดไปไหม

รถตู้รับส่งเด็กแต่ละโรงเรียนไม่เห็นมีออกมาให้ยกเลิกเลยนะครับ ช่วงนึงมีข่าวบ่อยมาก

ตั้งสติก่อนจะพิมพ์กันดีกว่าครับ ตลาดบนตลาดกลางตลาดล่าง ใครๆก็รักลูกครับ อย่าไปแบ่งชนชั้นเลย

ชอบแก้ไขกันผิดวิธี อะไรที่ควรปรับปรุง ดันมองข้าม ไปมองปลายเหตุ