ประเทศไทยคนตายเพราะบนท้องถนนทุกวันและไม่ใช้น้อยๆด้วย กฏหมายอ่อน คนทำผิดกฏจราจรเยอะแยะ ตำรวจก็ไม่ทำงาน

อะไรคือตลาดล่าง ความปลอดภัยเหมือนกับกล่องสุ่มแบบนี้ ต่อไปใครจะกล้าให้ลูกไป จะรู้ไหมว่าต่อไปรถที่ไปสภาพดีไหม คนขับเมาหรือเปล่า ไปพัฒนาและไปสร้างความมั่นใจให้มันได้ก่อน ยิ่งพวกขับรถสธารณะบ้านเรามีแต่พวกนักซิ่งทั้งนั้น เด็กควรมีสิทธิเลือกว่าจะไปหรือไม่ไป ขนาดออฟฟิตนั่งรถไปเที่ยวบางคนยังไม่ไปเลย อันตราย น่าเบื่อ

จากใจ ผมมีลูกสาว วัยใกล้เคียงกับนักเรียนที่เป็นข่าว ควรแยกประเด็นเกี่ยวกับทัศนศึกษา

ทัศนศึกษาอะดี แต่ ที่เป็นประเด็น อะคือ วัย มันเหมาะสมกับการเดินทางไกลๆ แบบ 3-4 ชม. แบบนี้ไหม
ซึ่งถ้าทัศนศึกษาต่างจังหวัดที่ไกลๆ แบบข้ามหลายจังหวัด นั่งรถหลายชั่วโมง ผมก็คงไม่ให้ลูกไปเหมือนกัน

อุบัติเหตุอะนะ มันเกิดขึ้นได้เสมอโดยที่ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก บางทีคนเราก็กลัวเกินไป
ยิ่งคนไทยเลี้ยงลูกแบบไข่ในหินด้วย ก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่

ทัศนศึกษาอะดี แต่คนวางทริปมึงวางมายังไงละเนี่ย เอาเด็กเล็กมานั่งรถนานๆ แถวๆอุทัยมันไม่มีที่อื่นหรือไง นครสวรรค์ ลพบุรี ไรงี้ ไปดูสวนนกชัยนาท ก็ได้

เดี๋ยวก็เงียบประเทศไทย ทุกๆเหตุการณ์ช่วงแรกจะวิพากวิจารณ์ พอมีกระแสอะไรมาใหม่ก็ move ไปเกาะกระแสใหม่กัน แล้วก็จะมีเหตุการณ์ซ้ำรอยกลับมาอีกวนอยู่แบบนี้

บางคนเค้าอยากให้ยกเลิก เพราะเหตุผลของเค้าร้อยแปดพันเก้า ซึ่งก็อย่าพึ่งไปดูถูกความคิดเค้าเลยครับ มันต้องเอาเหตุผลทุกอย่าง ทั้งคนเห็นด้วยกับสนับสนุน มากรองเพื่อกำหนดเป็นมาตรการให้ทุกโรงเรียนใช้เพื่อความปลอดภัยของเด็กดีกว่า

ซึ่งพอหลายๆคนอ่านมาถึงตรงที่ผมเขียนนี้ ก็จะคิดว่าเพ้อเจ้อ ไม่มีทางเกิดมาตรการอะไรหรอก พวกมันก็ทำงานแบบผักชี รถจะให้ถูกระเบียบยังไง ในเมื่อคนจับมันก็ยังรับส่วยอยู่เลย ก็จะเกิดความคิดว่ายกเลิกเลยง่ายสุด

ที่อยากให้ยกเลิก คือการให้คนประสบภัยมานั่งรอรัฐมนตรีส้นเท้าหรือคนใหญ่ๆโตๆทั้งหลายมาพูดคุยด้วย มันความเปลี่ยนเป็นไอ้พวกนี้ออกข่าวว่าได้สั่งการอะไรไปแล้วบ้าง แล้วจะเอาเรื่องมาอัพเดทพี่น้องชาวไทยให้เห็นมาตรการวันไหน แล้วก็นัดนักข่าวมาวันนั้นอีกที

บริหารประเทศแม่งสำคัญกับคนทุกคน แต่แนวทางปฏิบัติเสือกห่วยแตกอย่างกับ SMEs ที่รอวันตาย

ปัญหามันอยู่ที่การจัดการ ไม่ใช่เรื่องของโครงการ

เอาเป็นว่า ผปค.ใครไม่ให้ไป ก็ไม่ต้องไป แค่นั้นเอง

งง รถพังคนนั่งเสียชีวิตโทษว่าเพราะต้องใช้รถไปไกลๆ มันควรเป็นเรื่องบำรุงรักษา กับการตาวจสภาพรึเปล่าว่าผ่านมาได้ไง

คนมีลูกอย่างผม ที่อายุ 40 ยกเลิก กิจกรรมทุกกิจกรรมที่ต้องค้างคืน

ตัวผมเอง เข้าค่ายลูกเสือ เพื่อนตายตอนประถม1คน มัธยม1คน

ลูกผม เข้าค่ายลูกเสือ ก็มีเด็กตาย

พอเด็กตาย ก็ยกเลิกค่ายทันที ปีหน้าก็เข้าอีก

คือ เด็กอายุ 8-15 ใครจะดูแลไหว ครู1คนดูแลเด็ก10-20คน ตอนกลางคืน ในพื้นที่เปิด โคตรตลกยิ่งเด็กผู้ชาย วุฒิภาวะทางการตัดสินใจไม่พอ

ทำไมตัวเลือกการแก้ปัญหามันคือต้องยกเลิก/ไป เท่านั้นล่ะ มันควรจะสมัครใจได้รึเปล่า ใครห่วงลูกจะมีริ้วรอยอยากจะห่อบับเบิ้ลไว้ก็สิทธิ์ของเขา ใครมองว่าลูกต้องมีประสบการณ์ชีวิตก็ไม่ควรต้องโดนกีดกัน
แทนที่จะสอนเด็กให้รู้จักช่วยตัวเอง ก็ห้ามทำกิจกรรมไปเลย เด็กไทยแม่มเอ๋อติดอันดับโลกแน่นอน วันๆมีแต่ห้องเรียนกับอินเตอร์เนต

ถ้าจะกำจัดส่วยรถทัวร์ การยกเลิกทัศนศึกษา อาจจะง่ายกว่าอีก

ปัญคือการตรวจเช็คสภาพรถนี้แหละอย่าว่าแต่รถทัวร์เลย
รถรับส่งนักเรียนแถวบ้านใช้มาตั้งแต่ผมเรียนอนุบาลจนตอนนี้ 30กว่าและ ยังวิ่งอยู่เลยสภาพรถก็ดูไม่หน้าปลอดภัย
ไม่รู้ตรวจสภาพผ่านมาได้ยังไง

มองในมุมมองผู้ปกครอง - เข้าใจได้ อาจจะไม่มั่นใจในสภาพรถ บริษัทรถ การตรวจสอบรถ คอรัปชั่น ฯลฯ

มองในมุมภาครัฐ - ถึงเวลารื้อระบบราชการแบบเดิมๆได้แล้ว เป็นไปได้ยังงัยปล่อยให้รถอายุ 50 กว่าปีวิ่งบนถนน

ยังงั้นควต้องยกเลิกเครื่องบิน เรือ รถละ

เดินกันเอา