ฟีฟ่า ได้ประกาศรายชื่อ 12 สถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอล ชิงแชมป์สโมสรโลกประจำปี 2025 ในวันเสาร์นี้ โดย เม็ตไลฟ์ สเตเดียม ในอีสต์รัทเทอร์ฟอร์ด รัฐนิวเจอร์ซี จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 13 กรกฎาคม โดยการแข่งขันจะเริ่มขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน

สนามดังต่อไปนี้จะเข้าร่วมจัดการแข่งขันด้วย ได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์สเตเดียม (แอตแลนตา), แบงค์ออฟอเมริกาสเตเดียม (ชาร์ล็อตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา), ทีคิวแอลสเตเดียม (ซินซินแนติ), โรสโบวล์สเตเดียม (ลอสแองเจลิส), ฮาร์ดร็อคสเตเดียม (ไมอามี), จีโอดิสพาร์ค (แนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี), แคมปิ้งเวิลด์สเตเดียม (ออร์แลนโด รัฐฟลอริดา), อินเตอร์แอนด์โคสเตเดียม (ออร์แลนโด), ลินคอล์น ไฟแนนเชียลฟิลด์ (ฟิลาเดลเฟีย), ลูเมนสเตเดียม (ซีแอตเทิล) และออดีฟิลด์ (วอชิงตัน ดี.ซี.)

“ฟุตบอลเป็นกีฬายอดนิยมที่สุดในโลก และในปี 2025 ยุคใหม่ของฟุตบอลสโมสรจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ฟีฟ่าจัดการแข่งขันฟุตบอลสโมสรระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ ครอบคลุมที่สุด และอิงตามผลงานมากที่สุดที่นี่ในสหรัฐอเมริกา” จิอานนี่ อินฟานติโน ประธาน ฟีฟ่า กล่าวประกาศในงาน Global Citizen Festival ในเซ็นทรัลพาร์ค นิวยอร์ก

“ฟุตบอลสโมสรโลก 2025 จะมีสนามกีฬาที่ยอดเยี่ยม 12 แห่ง ซึ่งบทใหม่ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลระดับโลกจะถูกเขียนโดยผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมจาก 32 สโมสรที่ดีที่สุดในโลก”

ฟีฟ่า เผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหน่วยงานต่างๆ ในวงการฟุตบอลเกี่ยวกับการจัดการแข่งขันครั้งนี้ รวมถึง FIFPRO และสมาคมนักฟุตบอลอาชีพในอังกฤษ

โดยหลายฝ่ายแสดงความกังวลเกี่ยวกับตารางการแข่งขันที่คับคั่งและจำนวนเกมที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรีเมียร์ลีกที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับเวลาจัดการแข่งขันในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ปกติใช้สำหรับการแข่งขันระดับนานาชาติ ตามรายงานจาก ESPN

แม้จะมีข้อกังวล แต่ อินฟานติโน่ ก็อนุมัติให้จัดการแข่งขันในปี 2025 และดำเนินการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง การแข่งขันครั้งต่อไปจะมี 32 ทีมเข้าร่วม หลังจากที่ FIFA ได้ประกาศขยายรูปแบบจาก 7 สโมสรในปี 2023

อินฟานติโน่ กล่าวต่อ "การแข่งขันรูปแบใหม่นี้เป็นตัวอย่างเดียวที่แท้จริงของความสามัคคีและความครอบคลุมของฟุตบอลสโมสรทั่วโลก”

“ช่วยให้สโมสรที่ดีที่สุดจากแอฟริกา เอเชีย อเมริกากลางและอเมริกาเหนือ และโอเชียเนียได้เล่นกับทีมที่แข็งแกร่งจากยุโรปและอเมริกาใต้ในฟุตบอลโลกครั้งใหม่ที่เหลือเชื่อ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อการเติบโตของฟุตบอลสโมสรและพรสวรรค์ทั่วโลก”

"นี่คือโอกาสและความหวังสำหรับผู้ที่ต้องการมากที่สุด และยังเป็นเรื่องของชื่อเสียงและฟุตบอลที่แท้จริงสำหรับผู้ที่ทำให้กีฬาที่เรารักเปล่งประกาย ผมมขอขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้อง"

ข้อดีอย่างเดียวของรายการนี้ก็แค่เงินนี่แหละในมุมผู้บริหารสโมสรคงชอบใจรายการนี้เงินรางวัลค่อนข้างเยอะเลยแต่ในมุมนักเตะก็คงเซ็งเตะไม่พักเลยวันหยุดโดนหั่นออกไปอีกปีนี้เพิ่งไปยูโรปีหน้าไปสโมสรโลกอีก

มองในมุมแฟนบอลอังกฤษยังไงก็ไม่มีข้อดีหรอก เตะหนักกว่าใคร (ถึงจะปรับกติกาเอฟเอคัพและลีกคัพก็ตาม) ขนาดนั้น

แล้วยูฟ่าเองก็จัดโปรแกรมหนักทั้งสโมสรและทีมชาติ โดยเฉพาะทีมชาติที่จัดเนชันส์ลีก ซ้ำซ้อนกับฟุตบอลระดับทวีปรอบคัดเลือกอีก

ถ้าสมาพันธ์อื่นคล้อยตามกับยูฟ่า โมเดลของฟุตบอลสโมสรโลกนี้คงไม่เกิดขึ้นหรอก ถ้าปรับองค์กรใหญ่ไม่ได้ ก็มีแต่ต้องปรับเอง

ส่วนตัวว่า ปีไหนที่เตะสโมสรโลก ก็ไม่ควรมี อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ เกิดขึ้นดีกว่า ยิ่งกติกาล่าสุดเอื้อให้ทีมยุโรปเป็นเสือนอนกินรอชิงอย่างเดียวด้วย แทนที่จะให้ออกแรงแต่รอบรองชนะเลิศอย่างฟุตบอลสโมสรโลกคราวก่อน ๆ