[RE: ทำไมวิโรจน์ ไปซัดเศรษฐพุฒิ เรื่อง Call Center ซะล่ะ?]
แฟล็ปแจ็ค ยอดนักผจญภัย พิมพ์ว่า:
Spoil
MarkZuckerberg พิมพ์ว่า:
Tommy Charlotte Jax Shelb พิมพ์ว่า:
MarkZuckerberg พิมพ์ว่า:
Tommy Charlotte Jax Shelb พิมพ์ว่า:
ผมไม่เห็นด้วยกับประโยคนี้เท่าไหร่เลย เพราะจริงๆเค้าทำขั้นตอนเพิ่มมาพอสมควรแล้วนะครับ ที่โดนส่วนใหญ่คือโอนไปให้จากการหลอกบ้างละ รีโมทบ้างละ พอถึงรีโมทมันก็เหมือนเรายื่นกุญแจบ้านให้โจรอะหรือโจรปลอมเป็นเราแล้วมากดเงินไปถามว่าธนาคารผิดทั้งหมดไหมก็ไม่ใช่อยู่ดี ผมไม่แน่ใจเรื่องรีโมทนี่ป้องกันไปได้ถึงไหนแล้วนะแต่เหมือนมันมีวิธีอยู่ใช่ไหมครับที่พอรีโมทแล้วมันจะมืดไปเหมือนที่เราแคปหน้าจอเน็ตฟลิกไม่ได้อะ ปัญหาหลักจริงที่ต้องช่วยกันเสริมภูมิต้านทานคือ humans OS มากกว่าครับ
บางอันคนกลัวความผิดว่าเงินหรือพัสดุงี้ๆๆๆคุณอาจจะโดนจับนะเลยต้องทำตามบลาๆๆ อันนี้ก็อีกกรณีนึงอีกที่โดนไม่น้อย
เรื่องเห็นใจแน่นอนเห็นใจอยู่แล้วคนรอบตัวโดนไปแสนนึงมั้งทั้งที่เป็นคนไม่น่าโดนที่สุดเป็นคนที่บอกคนอื่นว่าให้วางเถอะจะไปคุยเล่นมันทำไม สุดท้ายแกเพลี้ยงพล้ำเอง ผมก็เจ็บช้ำแทนแกเหมือนกัน
หน่วงเวลาก็ฉิบหายการค้าขายกันพอดีละมั้งหรือว่าไม่ขนาดครับ
ผมขอไม่เห็นด้วยกับท่านนะ
ผู้ให้บริการ platform ควรจะออกแบบระบบแบบมีความรับผิดชอบต่อลูกค้าทุกคนครับ ยกตัวอย่างพี่ Mark Zuck เจ้าของ Facebook IG โดนวุฒิสภาและคนใช้งาน(ในบอร์ดนี้ก็บ่นแกอยู่ประจำ)สับเละอยูบ่อยๆเรื่อง scam cyberbully privacy pornography ของ platform ถึงแม้เค้าจะออก feature มาควบคุมก็แล้ว ใช้ AI ก็แล้ว มีcensorshipก็แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า Mark จะปัดความรับผิดชอบแล้วบอกว่า เอ้าก็พวกมึงดูกันเอง พวกมึงโดนหลอกกันเอง กดเข้าไปดูเอง platform ตูไม่เกี่ยว
ตัวอย่างอีกอันคือ Apple อะ คุณซื้อ Device เค้ามาคุณก็ต้อง expect feature ที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยใช่มั้ย Apple ไม่เคยออกมาบอกว่า ก็เอ๊งคลิ๊กลิงค์เอง ก็เอ๊งโหลดappเถื่อนเอง เอ๊งแชร์ข้อมูลส่วนตัวเอง แต่ Apple และ Facebook ก็ยังต้อง implement และรับผิดชอบความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นอันดับ 1 ไม่มีการบ่ายเบี่ยงทั้งนั้น
เพราะอะไรละ? ก็เพราะกฏหมายควบคุม Social Media, PDPA มันแรงไงครับ
พวกนี้ถึงกุลีกุจอพยายามทำทุกวิธีปิดช่องโหว่ให้ได้ แม้หลายๆอย่างจะเป็นความประมาทหรือความผิดของผู้ใช้งานเอง ไม่งั้นบริษัทก็โดนฟ้อง เสียชื่อ เสียงเงิน
เพราะฉะนั้นผมเห็นด้วยกับข้อความนี้นะครับ ต้องมีแรงกระตุ้น financial platform พวกนี้เช่นกันครับ ที่ตอนนี้ลอยลำทุกอย่างไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ไม่มีรัฐบาลไปตามจี้ตูดออกกฏหมายควบคุมเหมือนพวก Apple Facebook
ป้องกันให้ตายสุดท้ายยื่นกุญแจบ้านให้โจรมันจะช่วยอะไรละครับ กรณีส่วนมากที่โดนคือโอนไปให้ กับรีโมทแทบทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าธนาคารปัดความรับผิดทั้งหมดซะที่ไหนละครับป้องกันไปก็ไม่ใช่น้อย ส่วนเรื่องappleผมไม่เข้าใจต้องการจะสื่ออะไรหรอครับ ประมาณว่าใช้แอปธนาคารมันต้องคาดหวังความปลอดภัยได้ในระดับเดียวกับที่แอปเปิ้ลทำเรื่องความปลอดภัยหรือปล่าวครับ
ผมว่าไม่ได้ลอยลำอะไรเลยนะเหมือนคุณให้บัตรatmพร้อมรหัสกับโจรไปกดตังอะครับ ธนาคารมันก็ป้องกันไว้แล้วทั้งบัตรมีชิพทั้งใส่รหัสผ่าน แต่คุณให้มันไปหมดเลยจากการที่มันหลอกคุณผ่านการคุย เรื่องรีโมทผมไม่แน่ใจว่าเค้าได้ทำการป้องหรือพัฒนาอะไรไปขั้นไหนแล้วนะถ้าตรงเรื่องนี้ก็พอเข้าเค้ากับประโยคที่บอกว่าไม่พัฒนาอยู่
ส่วนเรื่องสว.นั่นผมไม่ทราบเคยดูแบบละเอียดของมาร์ดเห็นต่ที่จะให้ceoติ๊กเป็นคนจีนให้ได้
ลอยลำดิครับ ผมไม่เคยเห็น Bank ใหญ่ๆโดนรัฐบาลซักฟอกหรือบี้สักครั้งเดียว เทียบกับเคส Apple Google Facebook ถ้าไปดูคือโดนไล่บี้ตลอดทั้งจากผู้ใช้งานและรัฐบาล สว สส เค้าไม่มีมาบอกว่า "ป้องกันให้ตายสุดท้ายยื่นกุญแจบ้านให้โจรมันจะช่วยอะไรละครับ" หรอกครับ ผมแค่ไม่เห็นด้วยกับ mindset นี้
งง ไปเทียบกับเฟส แล้วทำไมไม่ไปเทียบกับแบงค์ในเมกา
คนโดนคอลเซนเตอร์หลอก แบงค์โดนรัฐบาลปรับเงิน หรือชดใช้ให้ผู้เสียหายไหมไหม
อิงจากรายการที่วิโรจน์พูดในรายการที่กายเป้นพิธีกร อังกฤษเจอเคสแบบนี้ธนาคารต้องรับผิดชอบครึ่งนึงครับ
เหมือนมีข้อบังคับจากแบงก์ชาติ จนทำให้แบงก์สร้างระบบ slow payment ขึ้นมา วิโรจน์แกเลยอยากเอามาใช้
ละถ้าจำไม่ผิด ศาลไทย ตีความเคสแบบนี้ให้ธนาคารรับผิดชอบครึ่งนึงเหมือนกัน
แค่ของไทยคือคนต้องไปฟ้องสู้กับธนาคารผ่านระบบศาลเอาเอง ยังไม่ได้มีข้อบังคับจากฝั่งรัฐ