ประสบการณ์ผม พ่อคิ้วแตกเพราะหน้ามืดวูบ หัวไปโดนขอบชั้นวางของ
น้องสาวเลยพาไปหาหมอ กะจะทำแผลเย็บละกลับบ้าน วันที่ออกจากบ้านไปแกยังแข็งแรงอยู่เลย
แต่ตอนทำแผลแกบ่นกับหมอว่ารู้สึกเหนื่อย หมอเลยจับตรวจละเอียด พบว่าปอดติดเชื้อ
ตอนนั้นผมก็กังวลว่าจะเป็นโควิด เพราะช่วงโควิดมาใหม่ๆเลย แต่หมอว่าไม่ใช่
หมอให้แอดมิดนอนโรงบาล ผมกับน้องผลัดกันมาดูพ่อ ช่วงนั้นตรงกับวันหยุดปีใหม่พอดี
พ่อเข้าโรงบาลตั้งแต่ 30 ธ.ค.กินอาหารเองได้ปกติ ยังบ่นกับผมว่าอยากกินผัดกะเพราอยู่เลย
ผมก็บอกว่ารอแกออกจากโรงบาลก่อน หมอให้กินอาหารอ่อนอยู่
จนข้ามปีเข้าวันที่ 1 ม.ค.พ่อเริ่มไม่รู้สึกตัว นอนทั้งวัน หมอให้อาหารทางสายยางแทน
เข้าวันที่ 2 ม.ค.ประมาณตี2 น้องโทรมาบอกว่าพ่อไม่หายใจแล้ว หมอกำลังช่วยปั้ม
ผมรีบออกจากบ้านมาที่โรงบาล พ่อถูกปั้มขึ้นมาอยู่ห้องไอซียู ใส่เครื่องช่วยหายใจแล้ว
ตอนนั้นผมไม่คิดเลยว่าจากการที่พาพ่อไปหาหมอทำแผล จะมาถึงจุดนี้ได้
ผมอยู่โรงบาลตั้งแต่ตี2 ถึงเช้าเพื่อเจอหมอ หมอแจ้งว่ายาที่ให้ไปพ่อไม่ตอบสนองเลย
เพราะปอดไม่แข็งแรง (อดีตแกดูดบุหรี่จัดตั้งแต่วัยรุ่นจนแก่ พึ่งเลิกบุหรี่ได้ 7 ปีเอง ปอดน่าจะพังหมดละ)
หมอพูดมาว่าแกอยู่ได้ตอนนี้เพราะเครื่องช่วยหายใจ ระบบต่างๆในร่างกายเริ่มหยุดทำงานแล้ว
ผมกับแม่ตัดสินใจไม่ยื้อ แต่น้องสาวไม่ยอม จนผมต้องเรียกน้องไปคุย
เรื่องที่ผมทำใจยากที่สุดในชีวิตคือ การเซ็นเอกสารยินยอมให้ผู้ป่วยไม่ต้องรับการรักษาใดๆจากโรงบาล
เหมือนเซ็นให้พ่อตายนั้นแหละ เซ็นเสร็จพาพ่อกลับ ถอดเครื่องช่วยออก แต่มีพยาบาลคอยปั้มลมให้จนถึงบ้าน
พาพ่อไปนอนบนเตียง หลังจากนั้นพ่อผมก็หยุดหายใจไปตลอดกาล
ทุกวันนี้ ผมยังเอาผัดกะเพราไปทำบุญให้อยู่เลย เดี๋ยววันเสาร์นี้วันเกิดแก ก็ไม่พ้นผัดกะเพราอยู่ดี