มีรายงานถึงการเปลี่ยนแปลงในการเตรียมแผนการทัวร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้ทฤษฎี “น้อยแต่มาก” ของ เซอร์ เดฟ เบรลส์ฟอร์ด หนึ่งในทีมบริหารจาก อิเนออส ที่ถูกนำมาปรับใช้กับสโมสร

เบรลส์ฟอร์ด สร้างชื่อกับตัวเองในฐานะโค้ชและผู้อำนวยการด้านประสิทธิภาพให้กับทีมจักรยานของ อิเนออส ก่อนจะได้รับความไว้วางใจจาก เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการด้านกีฬาของ อิเนออส ในปี 2021

แม้ว่าจะมีพื้นฐานและสร้างชื่อขึ้นมากับสายกีฬาอื่นๆ แต่ด้วยทฤษฎี “น้อยแต่มาก” ที่ช่วยในการเสริมศักยภาพให้กับนักกีฬาอันเลื่องชื่อของ เบรลส์ฟอรด์ นั้นสามารถนำมาปรับใช้ได้กับฟุตบอลเช่นกัน

ไอเดียดังกล่าวถูกนำมาปรับใช้กับการทำทีมกีฬาระดับสูงโดยระบุว่า “รายละเอียดหลายๆอย่างนั้นสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก และด้วยการปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ นั้นสามารถสร้างผลกระทบให้กับผลลัพธ์ได้อย่างมหาศาล”

ภายหลังเดินทางถึง ลอส แองเจลิส ตามการเปิดเผยจาก Daily Mail ได้ระบุถึงมาตรการสำคัญที่นำมาใช้ในการเตรียมความพร้อมเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของแข้ง "ปีศาจแดง"

โดยเริ่มจากสโมสรเดินทางมาถึง ลอส แองเจลิส ในช่วงเย็นวันพุธตามเวลาท้องถิ่น แต่นั่นคือช่วงเช้าตรู่ตามนาฬิกาของร่างกายของนักเตะหลังจากการเดินทาง

แทนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้านอนทันที ทีมได้เปลี่ยนโปรแกรมเป็นรับประทานอาหารเย็นร่วมกันและใช้เวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเอาชนะอาการเจ็ตแล็ก

นักเตะจะต้องสวมชุดรัดรูปซึ่งออกแบบมาเฉพาะบุคคลเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดหลังจากเที่ยวบินระยะไกล โดยจะมีโปรแกรมแสดงผลสำหรับการรับประทานอาหารและนอนหลับ

รวมถึงมีการเตรียม "มื้ออาหารพิเศษ" ตามความต้องการของนักเตะแต่ละคน, แผนการดื่มน้ำ และแม้กระทั่งช่วงเวลาในการฝึกซ้อมเพื่อให้ได้ "แสงธรรมชาติ" ที่ดีที่สุดก็ได้รับการวางแผนไว้เป็นอย่างดี

ด้วยการควบคุมตัวแปรเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้น มีแนวโน้มว่าปัจจัยดังกล่าวจะช่วยเค้นเอาศักยภาพที่ดีที่สุดในการซ้อมให้กับตัวนักเตะในการทำผลงาน

อยากให้เปิด ฤดูกาลเร็วๆแระ แต่คงดูถูกลิขสิทธิ์ไม่ไหวปีนี้ แพงเกิ๊น 5900

ขึ้นตามราคาทองเลยครับ

ผมก็ยังสยองขวัญเลย 5,900 ปีที่แล้วแค่สามพันกว่า ๆ เออลี่เบิร์ด

ลง LA ตอนเย็นนี่ทรมานมาก จะนอนก็ไวไป แต่จะอยู่ต่อก็ง่วงสุด ๆ

ซ้อมน้อยหน่อย ดริ้งคมากหน่อยงี้มั้ย

ซ่อมน้อย แต่เข้มข้นมีคุณภาพ

ถ้า LA ทรมานขับมาอีกหน่อยครับยโสธรแล้ว

การได้คนทำงานเป็นมาทำงานให้ มันน่าตื่นเต้นแบบนี้นี่เอง

เคยตามอ่านบทสัมภาษณ์แกสมัยรับงานผู้บริหารทีมจักรยาน... มีอันนึงที่นึงได้ คือ แกใส่ใจรายละเอียดมากๆ แค่ทีมงานในหน่วยแพทย์คนเดียวมาทำงานสายตอนเข้าแคมป์ซ้อมเก็บตัวไป 30 นาที แกสั่งปรับเป็นเงินก้อนโตแล้วอธิบายแกดีดเป็นตัวเลขมาหมดว่าเกิดความเสียหายเท่าไหร่ ?

นักกีฬา ไม่สามารถเริ่มต้นซ้อมได้ เพราะหากไม่มีทีมแพทย์ครบ หากเกิดเหตุอะไรขึ้นมา ความเสียหายตรงนี้ ทั้งต่อชีวิตและความปลอดภัยของทีม ใครจะรับผิดชอบ ? ตีเป็นตัวเงินต้องชดเชยเท่าไหร่ ?

ทีมงานมาสาย ทุกคนต้องรอ เวลาเลิกงานของทุกคนก็จะล่าช้าไปอีก แพลนชีวิต นัดหมายกิจธุระใดๆ ก็ต้องเปลี่ยนหมด ต้นทุนค่าใช้จ่ายพวกนี้ ใครรับผิดชอบ ?
ฯลฯ

คืออ่านแล้วโคตรชอบ... มันต้องเขี้ยวลากดินทุกเม็ดแบบนี้สิวะ ถึงจะเอามาทำ มาบริหารทีม / ก็ได้แต่หวังว่าฤดูกาลใหม่นี้ แมนยูจะเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง

เอาจริงเอาจัง ได้แล้วนะ

ซ้อมน้อยแล้วเมื่อไหร่จะจ่ายบอลตรงเพื่อน ปีที่แล้วซ้อมเยอะ จ่ายบอลห่วยมากทั้งทีม

เห็นด้วยท่าน

ใข้โควต้า 7 บรรทัดครบแล้วหรอ

คำว่าน้อยแต่มาก หมายถึงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กน้อยๆ แต่สามารถส่งผลกระทบอย่างมหาศาลรึเปล่าท่าน ไม่ใช่ให้ซ้อมน้อยลง

Edit ในเนื้อข่าวก็มีอธิบายไว้นะ ไอเดียดังกล่าวถูกนำมาปรับใช้กับการทำทีมกีฬาระดับสูงโดยระบุว่า “รายละเอียดหลายๆอย่างนั้นสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก และด้วยการปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ นั้นสามารถสร้างผลกระทบให้กับผลลัพธ์ได้อย่างมหาศาล”

ตัวอย่างไม่อ่านข่าว แต่คอมเม้นท์ไปก่อน ฉลาดมาก