[RE: เหตุผลของการทำงาน/มีชีวิตอยู่]
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
GludMunZ พิมพ์ว่า:
ของผมไม่แน่ใจว่าใช่แล้วหรือยัง แต่คิดว่าใกล้เคียงต้องรอเวลาเพื่อพิสูจน์
คือผมตั้งแต่สมัยเรียน ชอบคิดเรื่องธุรกิจอยากทำแบบนู้นแบบนี้ หา Solutions ให้ธุรกิจต่างๆ
ผมเลยคิดอยากจะทำธุรกิจเป็นของตัวเองมากกว่า
พอทำงานผมเลยไม่ได้วางแผน Career path ให้ตัวเองเลย คิดแต่จะออกไปทำอะไรเองดี
แต่พอช่วงโควิดที่ผ่านมา ผมที่ทำด้านอาหารได้ผลกระทบเต็มๆ แล้วเพิ่งลงทุนซื้อเตาอบมาเกือบ 3 แสน
ตลาดที่จะไปลงก็ปิดตัว ทุกอย่างพังหมด แต่ผมถนัดเรื่องคอมพิวเตอร์ตามประสาคนชอบเล่นเกม
แล้วทีนี้ผมก็ได้มีโอกาสมาทำโปรเจคให้กับโรงงานชิ้นส่วนรถยนต์เจ้าดังเจ้านึง
ระหว่างทางก็เจอปัญหาเยอะมากๆ เพราะคนรับโปรเจคมามันไม่มีความรู้และไม่ใส่ใจ คือมันตั้งใจโกงตั้งแต่แรก
สุดท้ายผมก็เสนอ Solutions ต่างๆแก้ปัญหาที่เจอจนส่งงานได้ แต่ทีมก็เจอโกงเงินไป 2 ล้าน
พอผ่านโปรเจคนั้นมาได้ ทีมผมก็เห็นว่าผมแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ นำเสนอ Solutions ได้ดี คุยกับลูกค้าได้
เลยมาตั้งบริษัทร่วมกัน แล้วโรงงานเจ้าของโปรเจคก็ติดต่อมาให้ไปช่วยงาน แต่ก็ติดปัญหาที่ทุนจดทะเบียนผมต่ำเกินที่จะเป็น Vendor ได้อีก
ก็ได้ลูกค้ามาพอถูๆไถๆไป แต่ไม่กำไรสักที เพราะส่วนตัวผมเวลาจะเสนองานผมจะคำนึงถึงเรื่องที่มันจะต้องใช้ได้จริงเสมอ
แล้วจากโปรเจคเล็กๆมันเลยพัฒนาเป็นโปรเจคใหญ่ตลอด แต่ก็ไปติดที่ทุนจดทะเบียนอีก
มีโรงงานผลไม้เจ้านึงเป็นคนรู้จักกับคนในทีมเค้าเลยให้โอกาส ก็ทำร่วมกับเค้าจนสำเร็จเบื้องต้นไปแล้ว
แต่พอจะลุยโปรเจคใหญ่ มันต้องหาคนมาร่วมด้วย ก็เลยยืดไปเรื่อย
สุดท้ายผมรอไม่ไหวก็ต้องไปหางานประจำแทน เพราะทุนหมดแล้ว ต้องกดบัตรเครดิตออกมาหมุน
ตอนนี้ได้งานประจำแล้ว เริ่มงานต้นเดือนหน้า ผมก็คิดว่าผมน่าจะทำงานนี้ได้ดี เพราะหน้าที่คือเป็นคนเสนอ Solutions ให้ลูกค้า
และด้วยความที่เรารู้แล้วว่าในวงการ IT มันต้องมีทุนจดทะเบียนสูง ผมก็เลยไม่คิดที่จะตั้งบริษัทอีกแล้ว
อีกอย่างเงินเดือนก็ถือว่าสูงเลยละ เป็นบริษัทจากฝั่งยุโรป ซึ่งผมก็อยากที่จะพัฒนา Career path ด้านนี้ไปยาวๆ
เพราะผมก็เข้าใจแล้วว่า ผมชอบทำด้านนี้จริงๆ ต่อให้ไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจเอง
แต่ผมสนุกกับการหาวิธีเอา Digital Solutions มาทำให้ธุรกิจของลูกค้าพัฒนาขึ้น
แต่ก็คิดว่ามีเงินทางเดียวคือเรื่องเสี่ยง เลยอยากจะเก็บตังเปิดร้านอาหารที่เอาเทคโนโลยีมาช่วย ทำให้เราไม่ต้องไปคุมเอง
แต่ทั้งนี้ก็ต้องใช้เวลา เพราะผมไม่รู้ว่าในการทำงานบริษัทมันจะสามารถทำได้เต็มที่เหมือนตอนที่เราเป็นเจ้าของเองหรือเปล่า
เพราะสุดท้ายแล้วผมก็ต้องทำตาม KPI และนโยบายของบริษัทไปด้วย
ผมอ่านของท่านเหมือนอ่านของตัวเองเลย อาจจะคนละสายกกัน
ปีก่อนผมลองดีลงานเอง คล้ายๆกัน ทำเรื่อง Solution ให้สายงานผม คิดในหัวคือโคตรดี โคตรนงัตกรรม มีคนพร้อมไปด้วย แต่ไปลองทำจริงต้องสู้กับความคิดเก่าๆของคนแล้วปวดหัวเลย
ลืมคิดไปว่าการเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงาน ต่อให้มันดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น คนทำงานเหนื่อยน้อยลง
แต่องค์กรไม่เอาด้วยเหตุผลแบบ ไม่อยากลงทุน, ไม่อยากเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน, จ้างคนมาแล้วไม่รู้จะเอาไปทำอะไร, etc.
ไม่รวมเรื่องที่โดนเรียกใต้โต๊ะ ขอรีเควสแบบตั้งใจที่ให้ทำไม่ได้ ฯลฯ
สุดท้ายก็เหมือนท่าน ผมเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเด็กน้อยมากในโลกธุรกิจอันโหดร้าย
มันมีเรื่อง Change management แล้วต้อง educate clients ด้วยอ่ะครับ
ผมว่ามันเพราะตอนนี้คนถือเงินมันคือคนรุ่นเก่า อย่างผมเจอคนที่พร้อมจะพัฒนายังคุยกันยาว
ถ้าเจอคนไม่พร้อมเปลี่ยนแปลงก็อย่าไปเสียเวลาคุยด้วยเลยมันไม่จบหรอก บางคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าที่ทำอยู่มันมี waste เยอะแค่ไหน
ก็เข้าใจฝั่งลูกค้านะครับ มันเป็นเทคโนโลยีใหม่ เค้าอาจจะยังตามไม่ทัน
แต่วันนึงเค้าจะเจอสิ่งที่บังคับให้เค้าเรียนรู้ ซึ่งตอนนั้นก็อาจจะปรับตัวไม่ทันแล้วก็ได้