คือ แมนยู ลิเวอร์ อาร์เซ
สามทีมนี้รายได้มาจากการจัดการบริหารสโมสรแท้ๆเลย
แมนยู กับ ลิเวอร์พูล ฐานแฟนบอลเยอะทั่วโลก
เพราะ ประวัติศาสตร์ ทีมยิ่งใหญ่ รายได่เข้าเยอะ
อาร์เซ ยอมขายนักเตะกินระหว่างการสร้างสนาม
เหมือนประหยัดจนรวย แถวบ้านเรียกงก555

ซึ่งสามทีมนี้ตอนนี้ซื้อใครแพงๆ ก็ไม่ผิดกฎการเงิน

ซึ่งก็น่าเห็นใจทีมที่จะเข้ามาอยากยิ่งใหญ่บ้าง
เพราะฐานแฟนบอลยังไม่ดีพอ และ อะไรๆก็ยังไม่ลงตัว
การฉีดเงินเข้าไปในทีม จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำ
ที่น่าเห็นใจสุดคือนิว เทคได้ไม่นาน โดนกฎการเงินปุ๊บ

เห็นภาพเลยว่าหลังจากนี้ถ้าไม่เจ๋งจริง เป็นทีมใหญ่ไม่ได้จริงๆ
แอบเห็นด้วยนิดๆกับแมนซิ ที่ยื่นฟ้องเรื่องนี้นะ คือทีมเล็กๆจะขึ้นเป็นทีมใหญ่มันยากจริงๆ แล้วนักเตะทีมเล็กนานๆทีจะขายได้ราคาแพงๆ
คือมันควรยืดหยุ่นกว่านี้หน่อย เท่าที่ทราบขาดทุนได้ไม่เกิน 105ลป ป่ะครับ
จริงๆ ในภาวะเงินเฟ้อแบบนี้ควรยอมให้ตั้งต้นสักเท่าไหร่ดี
ขาดทุนได้สัก200-300ลป น่าจะยืดหยุ่น
แอบเห็นต่างนิดนึง ท่านๆคิดว่าไงกันครับ

Mulberry vs Louis Vuitton vs Armani

Mulberry vs Louis Vuitton vs Armani

จะว่าซื้อขายแพงๆไม่ผิดกฎการเงินเสมอไปก็ไม่ใช่หรอกครับ ปืนก็ระวังอยู่


ปืนเองถึงช่วงหลังจะซื้อแพง แต่รักษาวินัยการเงินตามกฎตามเกณฑ์ตลอดนะ เอาง่ายๆถ้าทุ่มซื้อก็ได้หมดอะ แต่ใช้ตามกรอบ เช่น ตอนนั้นก่อน Kudus ย้ายไปขุนค้อนปืนจะยื่นแล้ว Ajax ก็รอ ซึ่งเป็นราคาที่ปืนยื่นไหวด้วย แต่มีความเสี่ยงต่อกรอบวินัยการเงิน สุดท้ายเลยปล่อยไปดื้อๆ

หรือถ้าล่าสุดคือการรอตัดยอดทางบัญชีที่ตอนหมดเดือน มิย แล้วค่อยเริ่มขยับหลัง กค เป็นต้น

หรืออีกอย่างคือกฎทำกำไร 100% ปืนก็พยามทำตามนะครับ เช่นการขายพวกเด็กปั้นอย่างเอ็ดดี้ เนลสัน เป็นต้น





คือปืนทุ่มได้หมดละยุคนี้ เพียงแค่ว่าถึงกฎจะออกแบบมายังไง เห็นด้วยไม่เห็นด้วยเค้าก็พยามทำตามเฉยๆ

ประวัติศาสตร์ไม่ได้สร้างขึ้นภายในปี สองปี

ถามว่า กว่า 3 ทีมที่ว่ามาจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาล้มลุกคลุกคลานกันมาขนาดไหน พรีเมียร์ลีคถ้าเรื่องการเงิน แบ่งเงินผมว่าแฟร์สุดแล้วมั้งใน 5 ลีคใหญ่

แล้ว liverpool ทุ่มเท่าทีมอื่นๆปะ เทียบกันทั้งหมดอะ บางปีใช้ไม่ถึง100mด้วยซ้ำ มันอยู่ที่ทีมบริหารทั้งนั้น นี่ขนาด epl แบ่งเงินให้แฟร์สุดๆแล้วนะ ดูลาลีก้าก่อนหนักกว่าเยอะ อย่างอาเซนอลก็ยอมกัดฟันสร้างสนามใหม่จนปลดหนี้ได้ ส่วนหงส์เคยเกือบล้มละลายด้วยซ้ำ ทีมอื่นๆมีช่วงที่สบายกว่า2ทีมนี้อีกแต่ต่อยอดกันไมไ่ด้เอง อย่างเชลซีพอเข้าใจได้เจอเรื่องเสี่ยหมีบวกกับเจ้าของใหม่ยังใหม่ในวงการนี้เลยมือเติบไปช่วงแรกๆ ตอนนี้เลยต้องซิกแซกรัวๆ ส่วนซิตี้นี่พูดตรงๆคือแอบเล่นนอกกฏอะแค่เก็บงานเนียน แต่ดันซวยเจอhackerแฉ มันมีอย่างที่ไหนที่ทีมที่พึ่งขึ้นมา ณ เวลานั้น ได้เงินค่าสปอนเซอร์เท่าทีมอย่างผีกับหงส์อะ มันดูไม่เมคเซนส์อยู่แล้ว รายได้ที่เข้ามาส่วนมากไม่ได้มาจากตัวสโมสรขนาดนั้นอะแรกๆมันคือกระเป๋าซ้ายไปขวา แต่หลังๆคืออคาเดมี่เติบโตขายได้กำไรเลยเริ่มยืนเองได้ แต่จุดเริ่มต้นมันไม่แฟร์กับคนอื่นจริงๆ

พรีเมียร์ลีค มันแบ่งรายได้ถ่ายทอดสดแฟร์อยู่ ทีมเล็กๆมันเลยมีตังพัฒนาตัวเองจนตบทีมใหญ่ๆได้ ถ้าประมาท
พูดถึงพวก แมนยู ลิเวอ อาเซ พวกนี้เค้าก็มีวินัยการเงิน ถ้าทุ่มมากๆ มันก็แตก พูดถึงนิว ทุ่มไปอย่างเยอะ ก็ได้แค่นั้น กฎการเงินมันสร้างมาเพื่อไม่ให้ทีมเจ๊งกลางซีซั่น ถ้าจะเจ๊งก็ตกลงไปเจ๊งดิวิชั่นล่างๆ มันก็ต้องค่อยๆทำทีมไปเรื่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ ค่อยๆโต จากเมื่อก่อน พรีเมียลีค เรียก top4 เดวนี้เป็น big6 แล้ว มันแสดงว่ามีทีมใหม่ๆ โตเป็นทีมใหญ่ อนาคตอาจจะเป็น big8 big10 ก็ได้

ปืนกับแมนยูรวมถึงเชลซี แคปการเงินไม่ได้เยอะ ช่วงหลังใช้เยอะอยู่ต้องระบายนักเตะออกก่อนถึงจะใช้เยอะอีกได้แต่ตังนะมีนะ

ส่วนลิเวอร์พูล แคปการเงินมีใช้ได้หลายร้อยล้าน เพราะ เขียวทุกปี แต่ตังจะซื้อไม่มีนะ

คิดว่าเงินมันหาง่ายขนาดนั้นเลยหรอครับ บัญชีติดแดง 105ล้านปอนด์ คิดว่านักเตะดังๆหรือสปอนที่ไหนจะเข้ามา
สิ่งแรกที่จะมาหาทีมเลยคือ ล้มละลาย นะครับ

เรื่องขาดทุนได้ไม่เกินเท่าไหร่ๆ ผมเห็นด้วยและตัวเลข 100 ล้านปอนด์นี่ไม่น้อยนะครับ

มองเห็นแต่กรณีที่มันสำเร็จเพราะเจ้าของทุ่มเงินแบบเชลซี, ซิตี้ แต่ทีมอีกมากที่ได้เงินอัดฉีดจาก Sugar daddy แล้วพอเลิกก็เจ๊งยับเลย ตัวอย่างในอังกฤษก็มีเพียบ

แบล็คเบิร์นหมดยุคแจ็ค วอล์คเกอร์ก็เงินทุนหายจากทีมแชมป์ลีคกลายเป็นทีมตกชั้นจนวันนี้ยังไม่กลับมา
ลีดส์ ยูไนเต็ดก็กู้เงินมาเกินตัว ขายนักเตะจนหมดทีมยังไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้
ปอร์ทสมัธกับน็อตต์ เค้าตี้ก็ทำแบบเดียวกัน เปลี่ยนเจ้าของ ปั๊มเงินเข้าทีม แล้วก็ล้มไปเพราะมันไม่สำเร็จ


เราเห็นจากคนไกล อาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่คนท้องถิ่นอังกฤษบางคนมันคือชีวิตเลย เกิดมาเชียร์ทีมนี้ตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นพ่อ ต้องมาเห็นทีมรักล้มละลาย ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด มันกระทบพวกเค้าไง



อาร์เซน่อลกับลิเวอร์พูลทำคล้ายๆกัน คือเรื่องขยายความจุสนาม คิดระยะยาวว่ารายได้จากตั๋ว Matchday นี่มีแตะหลักล้านปอนด์ เงินเข้าปีนึงเพิ่มขึ้น 20-30 ล้าน

ไหนจะได้เรื่องทัวร์สนาม merch ยิบย่อยอีก การเงินสองทีมมันเลยดีขึ้นเห็นผลแล้วไง

"ประหยัดจนรวย แถวบ้านเรียกงก555" เอาจริงคำนี้แฟนปืนอย่างผมฟังแล้วมัน ยังไงไม่รู้แฮะ
การที่ผมเป็นแฟนปืนมาอย่างยาวนาน คว้าแชมป์น้อยกว่าสโมสรขนาดใกล้เคียงกันก็จริง
แต่ผมก็ภูมิใจในแบบของผมแฮะ มันทำให้ผมรู้คุณค่าของการ รอ แฮะ

ทีมเรามีวันนี้ได้ผมให้เครดิดทั้งหมดกับ อาร์แซน เวงเกอร์ เลยครับ อดทนสร้างทีม
ทั้งที่มีโอกาสที่ดีกว่าที่ต้องการจะดึงตัวไป และวันที่แกออกจากทีมสโมสรมีความพร้อมขึ้นเยอะ

ใครจะบอกเซอร์ อเล๊กซ์ ดีกว่า ก็แล้วแต่เค้า แต่มุมแฟนปืนอย่างผมทั้งคู่ยิ่งใหญ่ใน era นั้นเหมือนกันเลย
แค่สถานการณ์ สภาพแวดล้อม และองค์ประกอบต่างๆ แตกต่างกัน

วันที่ปืนเซ็น Ozil และ Alexis ได้นั่นละผมว่าทีมเราไม่เหมือนเดิมละ

ลิเวอร์พูลเขียวจริงแต่เงินออกจากกระเป๋ายากมาก แต่ถ้าซื้อทีราคาไม่เคยเบา ไม่ค่อยไปเสี่ยงกับดีลเล็กๆหลายๆคน ซื้อทีตู้มเดียว เห็นชัดๆก็เคส alisson vvd ซื้อทีเดียวใช้ได้หลายปีแบบคุ้มค่า

เอิ่ม กว่าลิเวอร์พูลจะเขียวแบบนี้ คุณว่ากี่ปีอ่ะ นับแค่ FSG เข้ามาละกัน นี่ถ้าไม่ถูกหวย JK ทำทีมได้ดีในนโยบายแบบนี้อีก

ทีมเล็กถ้าเข้ามาทำไม่กี่ปี มันก็สร้างแบรนด์ตัวเองได้ครับ มันยากตรงที่ต้องยืนระยะให้ได้หน่อย แต่ถ้าทำได้ การเงินก็ดีอยู่นะ

ปืนหาเงินมันทุกอย่าง ขนาดสนามเก่าอย่างไฮบิวรี่ก็ทำเป็นห้องพักปล่อยเช่า+ขาย คนขยันไม่อดตายแต่อดนอน

ไรซ์กับซาลิบาขายมั้ย

เดี๋ยวหาหลอกขายแมคโทมิเนย์กับแมคไกวร์ได้ก่อน จะไปช่วยการเงินอาร์เซน่อลอีกที

มันเป็นแบบใช้คุ้ม แต่กว่าจะได้ใช้ตัง คือ กี่ปีละ ปีที่ใช้เกิน100ล้านจริงๆ คือ ปีที่ได้ VVD+อลิซอนคือปี 18/19 จน มาถึงล่าสุดคือปีที่แล้ว 23/24 คือ 5ปีถึงจะมีทุ่มใช้ตังครึ่งใหญ่ คือเปลี่ยนถ่ายกลางตัวหลักหมด จริงๆ อาจจะเป็นเพราะคล๊อปด้วยที่มักไม่ค่อยเปลี่ยนถ่ายนักเตะ คือใช้ตั้งแต่ หนุ่มยันแก่ เกือบทุกคน จนหมดสภาพถึงเปลี่ยนถ่าย ยิ่งเป็นตัวหลักคือแต่ละคน เล่น4-5ปีขึ้นทุกคน ไม่ค่อยย้ายออก