BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
แบบสำรวจ
ท่านคิดว่าชาติใดคือ แชมป์ยูโร 2024 ?
สเปน
???
เยอรมนี
???
ฝรั่งเศส
???
โปรตุเกส
???
อังกฤษ
???
สวิตเซอร์แลนด์
???
เนเธอร์แลนด์
???
ตุรเคีย
???
คะแนนทั้งหมด: 66
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Jun 2008
ตอบ: 3350
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 05, 2024 13:38
[EURO2024] รวมเกร็ดน่ารู้ ของ 8 ชาติสุดท้ายแห่งศึกยูโร 2024

◉ "ตุรเคีย" (ตุรกี) อาจจะไม่ใช่ขาประจำในรอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนท์ทีมชาติ ทว่า ผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขา กลับเป็นการไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ซึ่งทำสำเร็จ 2 ครั้งด้วยกัน (เวิลด์ คัพ 2002, ยูโร 2008) โดยหนึ่งในนั้นยังเป็นการคว้าอันดับที่ 3 ในเวิลด์ คัพ 2002 อีกด้วย ซึ่งในยูโร 2024 พวกเขากรุยทางเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ลุ้นสร้างประวัติศาสตร์เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกต่อไป

◉ ตุรเคีย คือชาติที่มีอันดับฟีฟ่า แรงค์กิ้ง ต่ำที่่สุด (อันดับ 40) ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย มีเพียงครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่ชาติที่มีอันดับแรงค์กิ้งเกินกว่าเลข 2 หลัก (อันดับ 10 ลงไป) สามารถหักปากกาเซียนคว้าแชมป์ได้สำเร็จ คือทีมชาติกรีซ ในยูโร 2004 ที่คว้าแชมป์ขณะที่อยู่บนอันดับที่ 35 ของฟีฟ่า เวิลด์ แรงค์กิ้ง (*อันดับฟีฟ่า เวิลด์ แรงค์กิ้ง เริ่มมีการเก็บสถิติอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1992)

◉ อาร์ด้า กูแลร์ (ตุรเคีย) มีลุ้นเป็นนักเตะรายที่ 11 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์ UCL และแชมป์ยูโรได้ในปีปฏิทินเดียวกัน ทั้งนี้นอกจากกูแลร์แล้ว ยังมีสตาร์ดังจากเรอัล มาดริดอีก 8 รายด้วยกัน ที่มีลุ้นได้รับการจารึกชื่อบนหน้าประวัติศาสตร์ ดังนี้ ดานี่ การ์บาฆาล, นาโช่ แฟร์นานเดซ, โฆเซลู (สเปน) / จู๊ด เบลลิ่งแฮม (อังกฤษ) / โทนี่ โครส, อันโตนิโอ รูดิเกอร์ (เยอรมนี) / เอดูอาร์โด้ กามาวิงก้า, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ (ฝรั่งเศส)


◉ "สวิตเซอร์แลนด์" เป็นเพียงชาติเดียวจาก 8 ทีมที่เหลืออยู่ ที่ไม่เคยไปได้ไกลกว่ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเลยแม้แต่ทัวร์นาเมนท์เดียว ทั้งในเวทีการแข่งขันยูโรและเวิลด์ คัพ หากพวกเขาล้มทีมชาติอังกฤษได้สำเร็จ จะเป็นการตบเท้าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

◉ จากชาติที่เหลืออยู่ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย มีนักเตะ 2 รายที่มีลุ้นสร้างสถิติเป็นผู้เล่นที่คว้ารางวัล "POTM : Player of the Match" มากที่สุด ได้แก่ กรานิต ชาก้า (สวิตเซอร์แลนด์) ที่คว้าไปแล้ว 5 เกม และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส) ที่ทำได้ 6 เกม ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดที่ครองร่วมกับอันเดรียส อิเนียสต้า (สเปน)

◉ แม้ว่า "แชมป์เก่า" อิตาลี จะถูกสวิตเซอร์แลนด์เขี่ยตกรอบไปแล้ว ทว่า สิ่งที่พวกเขาพอจะส่งไม้ต่อให้ผู้ชนะสืบสานอุดมการณ์การ "ป้องกันแชมป์" ได้ต่อไป นั่นก็คือการลุ้นให้ทีมที่ใช้ชุดแข่งแบรนด์ "พูม่า (PUMA)" ก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ติดต่อกันอีกสมัย ซึ่งถึงตรงนี้แล้ว สวิตเซอร์แลนด์ ก็เป็นเพียงชาติเดียวซะด้วยที่ลงเตะด้วยแบรนด์พูม่า ท่ามกลางการแข่งขันที่อีก 7 ชาติ ล้วนมีแต่แบรนด์ "ไนกี้ (NIKE)" และ "อาดิดาส (ADIDAS)" ทั้งสิ้น


◉ "อังกฤษ" มีลุ้นเป็นชาติที่ 4 ถัดจาก สหภาพโซเวียต, เยอรมนี และสเปน ที่สามารถเข้าชิงชนะเลิศยูโรได้ 2 สมัยติดต่อกัน

◉ ความสำเร็จหนสุดท้ายในทัวร์นาเมนท์เมเจอร์ของทีมชาติอังกฤษ ต้องย้อนไปถึงการคว้าแชมป์เวิลด์ คัพ 1966 หรือเมื่อ 58 ปีที่แล้ว ซึ่งในปีนั้น แกเร็ธ เซาท์เก็ธ ผู้จัดการทีมชาติคนปัจจุบัน (อายุ 53 ปี) ยังไม่ถือกำเนิดเลยด้วยซ้ำ

◉ อังกฤษ, สวิตเซอร์แลนด์ และตุรเคีย มีลุ้นเป็นผู้ชนะหน้าใหม่ลำดับที่ 11 ในทำเนียบแชมป์ของการแข่งขันยูโร ทว่า ความโหดร้ายของเรื่องราวนี้คือ อังกฤษและสวิตเซอร์แลนด์ ต้องมาพบกันเองในรอบต่อไป ทำให้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะมีอย่างน้อย 1 ชาติ ที่จะการันตีจบทัวร์นาเมนท์ด้วยการเฝ้ารอความสำเร็จครั้งแรกต่อไปอีกอย่างน้อย 4 ปี

◉ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คือลีกที่มีนักเตะเข้าร่วมการแข่งขันยูโร 2024 มากที่สุด จำนวน 96 คน นอกจากนี้ "อังกฤษ" ยังเป็นชาติที่มีสัดส่วนของนักเตะที่มาจากลีกของประเทศตัวเองมากที่สุด โดยมีถึง 24 จาก 26 รายชื่อ ที่เล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

◉ ตลกร้ายของสถิติข้างต้นนี้คือ แฮร์รี่ เคน กัปตันทีมชาติของพวกเขา กลับเป็น 1 ใน 2 ของรายชื่อนักเตะที่ไม่ได้ลงเล่นในสโมสรของประเทศตัวเอง


◉ โรนัลด์ คูมัน (เนเธอร์แลนด์) และดิดิเย่ร์ เดส์ช็องป์ส (ฝรั่งเศส) มีลุ้นทำสถิติเป็นผู้ที่สามารถคว้าแชมป์ยูโรได้ทั้งในฐานะนักฟุตบอลและผู้จัดการทีม โดยคูมัน เคยคว้าแชมป์ร่วมกับเนเธอร์แลนด์ในยูโร 1988 และเดส์ช็องป์ส ทำสำเร็จกับทีมชาติฝรั่งเศสในยูโร 2000

◉ มีถึง 3 คู่ด้วยกัน ที่มีโอกาสรีแมตซ์อีกครั้งในทัวร์นาเมนท์เดียวกันนี้ หากต่างฝ่าย ต่างทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จทั้งคู่ ได้แก่ เยอรมนี-สวิตเซอร์แลนด์, ฝรั่งเศส-เนเธอร์แลนด์ และโปรตุเกส-ตุรเคีย

◉ ยูโร 2024 ประเทศเยอรมนี รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ ครั้งที่ 2 (*ในฐานะเจ้าภาพเดี่ยว) ตลอดประวัติศาสตร์การแข่งขันยูโร โดยครั้งแรกคือ ยูโร 1988 ซึ่งชาติที่คว้าแชมป์ในปีนั้นคือ "เนเธอร์แลนด์" จากการเฉือนชนะ สหภาพโซเวียต ในเกมนัดชิงที่กรุงมิวนิค

◉ นับตั้งแต่ยูโร 1980 ซึ่งถือเป็นปีแรกที่ปรับระบบการแข่งขันให้เริ่มต้นจาก "รอบแบ่งกลุ่ม" มีชาติที่คว้าแชมป์จากการเป็น แชมป์กลุ่ม 6 ครั้ง, รองแชมป์กลุ่ม 4 ครั้ง โดย "โปรตุเกส" เป็นเพียงชาติเดียวและเป็นชาติแรกที่สามารถคว้าแชมป์จากการเป็นอันดับที่ 3 ของกลุ่ม ภายหลังจากมีการเพิ่มโควต้าเข้ารอบน็อคเอาท์เป็นครั้งแรกในยูโร 2016 ทั้งนี้ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย มีเพียง "เนเธอร์แลนด์" เพียงชาติเดียว ที่ยังมีลุ้นแชมป์จากการเข้ารอบในโควต้าอันดับ 3 ที่ดีที่สุด

◉ จนถึงปัจจุบัน สเปน และเยอรมนี เป็น 2 ชาติที่คว้าแชมป์มากที่สุดที่ 3 สมัยเท่ากัน หากในครั้งนี้ "ฝรั่งเศส" สามารถไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้ พวกเขาจะก้าวขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดของทำเนียบผู้ชนะ ภายหลังจากที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว 2 สมัย ในยูโร 1984 และยูโร 2000

◉ จากตำแหน่งแชมป์โลกของ "ฝรั่งเศส" ในเวิลด์ คัพ 2018 มีนักเตะถึง 7 รายด้วยกัน ได้แก่ อัลฟงซ์ อเรโอล่า, แบ็งฌาแมง ปาวาร์, อองตวน กรีซมันน์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, โอลิวิเย่ร ชิรูด์, อุสมาน เด็มเบเล่ และคีลิยัน เอ็มบาปเป้ ที่มีลุ้นเป็นนักเตะที่กวาดทั้งความสำเร็จของแชมป์โลกและแชมป์ยูโรตลอดอาชีพค้าแข้ง โดยก่อนหน้านี้มีนักเตะที่ทำสำเร็จไปแล้วทั้งสิ้น 33 รายด้วยกัน


◉ ทางด้าน "เยอรมนี" ที่เคยครองตำแหน่งแชมป์โลกในปี 2014 ก็ส่งเข้าประกวด 3 รายด้วยกัน ที่มีลุ้นกับการเป็นนักเตะที่คว้าทั้งแชมป์โลกและแชมป์ยูโร ได้แก่ มานูเอล นอยเออร์, โทนี่ โครส และโธมัส มุลเลอร์ นอกจากนี้ยังเป็นการลุ้นคว้าแชมป์ร่วมกับทีมชาติเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีพอดี ของแข้งวัยเก๋าเหล่านี้อีกด้วย

◉ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ เฮ้ดโค้ชคนหนุ่มวัย 36 ปี มีลุ้นสร้างสถิติเป็นผู้จัดการทีมที่อายุน้อยที่สุดที่พาทีมคว้าแชมป์ยูโร โดยเจ้าของสถิติคนปัจจุบันเป็นของ โฆเซ่ บีญาลองก้า ที่เคยพาสเปนเป็นแชมป์ยูโร 1964 ด้วยวัยเพียง 44 ปี 192 วัน

◉ จากทั้งหมด 17 ครั้ง นับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันครั้งแรกในปี 1960 มีเพียง 3 ประเทศเท่านั้น ที่สามารถคว้าแชมป์ในฐานะ "เจ้าภาพ" โดยหนสุดท้ายคือ ทีมชาติฝรั่งเศส ในยูโร 1984 ซึ่งหาก "เยอรมนี" ทำสำเร็จในครั้งนี้ พวกเขาจะกลายเป็นเจ้าภาพชาติแรกในรอบ 40 ปี และกลายเป็นชาติที่ 4 ถัดจากสเปน, อิตาลี และฝรั่งเศส

◉ สถิตินี้สำหรับคนคลั่งตัวเลข เมื่อพบว่าในปีที่การแข่งขันลงท้ายคริสตศักราชหมายเลข "4" อันผ่านพ้นมาแล้ว 3 ครั้งนั้น ชาติเจ้าภาพสามารถทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จแบบ 100% โดยเป็นการคว้าแชมป์ 2 ครั้ง (สเปน 1964, ฝรั่งเศส 1984) และรองแชมป์ 1 ครั้ง (โปรตุเกส 2004)

◉ "เยอรมนี" ทำไปแล้ว 10 ประตู ซึ่งมากที่สุดในทัวร์นาเมนท์นี้ พวกเขาต้องการอีกเพียง 4 ประตูเพื่อขยับขึ้นไปทาบสถิติสูงสุดของการยิงประตูในยูโรรอบสุดท้าย โดยฝรั่งเศสเป็นเจ้าของสถิติปัจจุบัน ที่ทำเอาไว้ 14 ประตูในยูโร 1984


◉ หากนับในนามนักเตะ สถิติการคว้าแชมป์ยูโรมากที่สุด อยู่ที่ 2 สมัย ซึ่งส่วนใหญ่คือนักเตะทีมชาติสเปน ในชุดที่คว้าแชมป์ปี 2008 และ 2012 ทว่า หาก "โปรตุเกส" คว้าแชมป์ได้สำเร็จในยูโร 2024 คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เปเป้ และรุย ปาตริซิโอ้ จะกลายเป็นอีก 3 รายชื่อที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสถิติดังกล่าวนี้ ภายหลังจากที่พวกเขาเคยคว้ามาแล้ว 1 สมัยในยูโร 2016

◉ นอกจากนี้ ทั้งคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และเปเป้ ยังมีลุ้นสร้างสถิติเป็นนักเตะที่มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนท์สูงที่สุดอีกด้วย ภายหลังจากที่ทั้งคู่ทำไปแล้ว คนละ 3 สมัยเท่ากัน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดร่วมกับ เปาโล มัลดินี่ (อิตาลี) และโลร็องต์ บล็องก์ (ฝรั่งเศส)

◉ นับตั้งแต่ยูโร 1996 ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนท์แรกที่ปรับโครงสร้างให้มีทีมที่ผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้าย 16 ทีม (*ก่อนจะเริ่มปรับเป็น 24 ทีม ตั้งแต่ยูโร 2016 เป็นต้นมา) โปรตุเกส คือทีมที่ทะลุเข้ามาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นอย่างน้อย ได้ถึง 7 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติที่มากที่สุดเหนือกว่าทุกชาติในประวัติศาสตร์การแข่งขันยูโร

◉ ด้วยวัย 41 ปี 126 วัน (*สถิติ ณ วันที่ 1 ก.ค. 24) ภายหลังจากขึ้นแท่นเป็นแข้งอายุมากที่สุดที่ลงเล่นรอบสุดท้ายแล้วนั้น เปเป้ ยังมีลุ้นทำลายอีกสถิติในสาขา "อายุมากที่สุด" นั่นก็คือสถิติการทำประตูในการแข่งขันยูโรรอบสุดท้าย ซึ่งลูก้า โมดริช (โครเอเชีย) เพิ่งเป็นเจ้าของสถิติคนใหม่ไปหมาด ๆ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 24


◉ ด้วยวัยเพียง 16 ปี 354 วัน (*สถิติ ณ วันที่ 1 ก.ค. 24) ทำให้ ลามีน ยามาล (สเปน) มีลุ้นทุบสถิติในสาขา "อายุน้อยที่สุด" อีกเพียบ ไล่เรียงตั้งแต่ การทำประตู (โยฮัน วอนแลนเธ่น/สวิตเซอร์แลนด์/18 ปี 141 วัน/ยูโร 2004) ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศ (เรนาโต้ ซานเชส/โปรตุเกส/18 ปี 328 วัน/ยูโร 2016) และทำประตูในนัดชิงชนะเลิศ (ปิเอโตร อนาสตาซี่/ยูโกสลาเวีย/20 ปี 64 วัน/ยูโร 1968)

◉ มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในประวัติศาสตร์ลูกหนังที่สโมสรที่คว้าแชมป์ UCL สังกัดอยู่ในลีกเดียวกับชาติที่คว้าแชมป์ยูโร โดยเกิดขึ้นในปี 1988 ที่เนเธอร์แลนด์คว้าแชมป์ยูโร และพีเอสวี ไอน์โฮเฟ่นคว้าแชมป์ UCL หลังจากนั้นมา เป็นเวลา 36 ปีแล้วที่สถิติดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย ...กล่าวเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ชาติเดียวที่จะเบรคสถิติดังกล่าวได้ในครั้งนี้คือ "สเปน" ภายหลังจากที่เรอัล มาดริด ตัวแทนสโมสรจากประเทศสเปน ทำสำเร็จในการคว้าแชมป์ UCL ในปีนี้

◉ จาก 8 ชาติที่เหลืออยู่ "สเปน" เป็นชาติที่ใช้บริการนักเตะที่เรียกมาติดทัพ 26 คนสุดท้าย มากที่สุด โดยให้โอกาสผู้เล่นลงสนามไปแล้ว 25 คนด้วยกัน มีเพียง อเล็กซ์ เรมิโร่ มือกาวอันดับ 3 ของทีมเท่านั้น ที่ยังต้องรอคอยโอกาสลงสนามต่อไป

◉ นอกจากนี้ "สเปน" ยังเป็นเพียงชาติเดียวที่ยังยืนหยัดไม่ถูกคู่แข่งถลุงตาข่ายเลยแม้แต่ลูกเดียว โดย 1 ประตูที่พวกเขาเสียนั้น มาจากการทำเข้าประตูตัวเองของ โรบิน เลอ นอร์มานด์ ปราการหลังของทีม




แหล่งอ้างอิง ประกอบการเขียนบทความ
เว็บไซต์ทางการของ UEFA

หากชื่นชอบกระทู้นี้ ท่านสามารถแผล่บหรือโหวต เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานอื่น ๆ เพื่อเพื่อนสมาชิกต่อไปในอนาคตนะครับ

โหวตเป็นกระทู้แนะนำ

ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel