ทัพนักเตะทีมชาติไทย ยู-16 ได้รับเสียงชมอย่างล้นหลามหลังคว้ารองแชมป์อาเซียนได้สำเร็จ ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นเกิดจากรากฐานที่ถูกวางไว้เป็นอย่างดี โดยมี อาร์แซน เวเนเกอร์ อดีตกุนซือระดับโลก เป็นผู้ริเริ่ม

ขุนพลชุดนี้ทั้ง 23 คน เรียกได้ว่าต่างคนต่างที่มีและแทบไม่เคยเล่นร่วมกันมาก่อน แต่มาจากการคัดเลือกเยาวชนที่มีพรสวรรค์จากทั่วประเทศผ่านโครงการ “FA Thailand Talent ID”

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ต่อยอดมาจากโครงการของฟีฟ่าที่ชื่อ “FIFA Talent Development Scheme” โดยมี อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกพัฒนาฟุตบอลของฟีฟ่า เป็นผู้ริเริ่ม

กุนซือชาวฝรั่งเศสเชื่อว่าทุกชาติสามารถผลิตเด็กขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลที่มีคุณภาพได้ โดยจำเป็นต้องกำหนดโครงสร้างระบบนิเวศน์ของฟุตบอลในประเทศ เพื่อให้เยาวชนได้เล่นฟุตบอลที่ถูกต้อง พร้อมมีการเก็บฐานข้อมูลอย่างมีมาตรฐาน

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จึงร่วมมือกับฟีฟ่าในการเฟ้นหานักเตะจากทุกภาคทั่วประเทศ โดยส่งทีมงานติดตามดูฟอร์มเยาวชนตามรายการต่าง ๆ ทุกรุ่นทั้งชายและหญิง ไม่ว่าจะเป็น Thai Youth League ฟุตบอลกรมพละ หรือฟุตบอลนักเรียน พร้อมจัดเก็บสถิติของนักกีฬาทุกคนไว้ในฐานข้อมูล

สำหรับ ทีมยู-16 ชุดนี้ ได้ทำการคัดเลือกนักเตะจาก 10 โซนทั่วประเทศ ประกอบด้วย โซนกรุงเทพฯและปริมณฑล 1-2, โซนภาคเหนือ, โซนภาคตะวันตก, โซนภาคตะวันออก, โซนภาคกลาง, โซนภาคอีสานตอนบน, โซนภาคอีสานตอนล่าง, โซนภาคใต้ตอนบน และโซนภาคใต้ตอนล่าง

ทีมสเกาท์ที่ถูกส่งไปโซนละ 2 คน จะทำการเก็บข้อมูลโดยใช้หลักเกณฑ์ T+MASC ในการพิจารณาให้คะแนน ซึ่งเน้นที่ศักยภาพของนักฟุตบอลมากกว่าผลการแข่งขัน ประกอบด้วย

Talent : จุดเด่นหรือจุดแข็งของแต่ละคน

Motricity : กลไกของร่างกาย เช่น ทักษะในการเคลื่อนไหวและการเคลื่อนที่ในสนาม สปีด การกระโดดโหม่ง

Availability : ทักษะการเล่นกับลูกบอล เช่น การครอบครองบอล เลี้ยงบอล ยิงประตู

Smart : ไหวพริบและการตัดสินใจในการเล่น รวมถึงความเข้าใจในระบบการเล่นทั้งเกมรุกและเกมรับ

Commitment : ความทุ่มเทและทัศนคติ รวมถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการเล่น ความอดทนต่อความกดดัน

ทักษะทั้งหมดจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นคะแนนตามความสามารถในด้านต่าง ๆ พร้อมบันทึกในฐานข้อมูลแยกเป็นรายบุคคล หากใครมีคะแนนดีก็จะยิ่งถูกติดตามอย่างใกล้ชิด

การคัดเลือกที่เกิดขึ้นทำให้สมาคมมีฐานข้อมูลนักเตะจากทุกโซนรวมกันมากถึง 330 คน พร้อมได้นักเตะล็อตแรกที่ผ่านคัดเลือก 44 คน ก่อนจะตัดตัวตามลำดับจนเหลือ 23 คนสุดท้ายลุยทัวร์นาเมนท์

นักเตะที่ได้มาจึงมีความหลากหลาย ตั้งแต่ นักเตะที่สังกัดอคาเดมีของสโมสรในไทยลีก นักเตะจากทีมโรงเรียน ไปจนถึงแคมป์ฟุตบอล

ก่อนจะฟอร์มทีมและผ่านการคัดเกลาโดย "โค้ชชุ่ม" ชยกร ถนัดเดินข่าว ที่ปลุกปั้นทีมชุดนี้ตั้งแต่เริ่มตั้งไข่ จนส่งไม้ต่อให้กับ “เซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ กุนซือในปัจจุบัน

สำหรับ ช้างศึกชุดนี้ ยังมีคิวสำคัญรออยู่คือ ศึกชิงแชมป์เอเชีย 2025 รอบคัดเลือก วันที่ 19-27 ตุลาคมนี้ โดยอยู่กลุ่ม D ร่วมกับ อินเดีย บรูไน และเติร์กเมนิสถาน คัดแชมป์กลุ่มและอันดับ 2 ที่ดีที่สุด 5 ทีมจาก 10 กลุ่มเข้ารอบสุดท้าย

ขณะที่ในรอบสุดท้ายแข่งระหว่างวันที่ 3-20 เมษายน 2025 คัด 8 ทีมไปลุยศึก ยู-17 ชิงแชมป์โลก 2025 ที่กาตาร์

Cr.Main Stand

จากการวิแคะส่วนตัว
ตอนแรกแผนงาน Talent ID มันก็ดีในตัวมันเองนั่นแหละ แต่ทีนี้ด้วยความไทยๆอยากได้หน้าอยากได้ผลงาน อยากมีโทรฟี่แบบว่า อนาคตช่างมันแต่วันนี้กุขอชนะไว้ก่อน ก็เลยเห็นว่าน้องโค้ชชุ่มกับทีมงานยังเด็กไป (ตามสูตรคนไทยมักมองว่าคนอายุน้อยมักจะไม่ค่อยมีฝีมือ ทั้งที่เค้าอาจจะมีของก็ได้ ไม่มีเวลาทีให้ค้าลองจะรู้ได้ไง)

ทีนี้ด้วยความที่จะแข่งอาเซียนอีกสองวีคเลยคิดว่างั้นเอาคนมีประสพการณ์มาทำทีมดีกว่าเพื่อแชมป์นี่คือทำงานไทยๆ ซึ่งพี่เด็จก็ทำตามจ็อบได้ดี เด็กทำผลงานดี แต่ความบัดซบระยะยาวก็คือการทำแบบนี้มันผิดแผนของฟีฟ่าที่ไปล้มทีมงานที่ฟีฟ่าเค้าแอฟฟรูฟมาแล้วเพียงเพื่อจะเก่งแค่วันนี้ แต่ระยะยาวเค้าโมโหตัดงบช่วยเหลือไม่มีทีมงานพี่เลี้ยงมาช่วยเสริมโนวฮาว

แทนที่อนาคตเราจะมีการเฟ้นหาเด็กที่เข้มข้นตามตำราฟีฟ่าเพื่อสร้างจำนวนสควอดนักบอลตุนไว้ใช้ในอนาคต แต่ทุกอย่างจบแล้ว ทั้งที่เราเป็นชาติแรกที่ฟีฟ่าให้เงินมาทำและมีการมาสำรวจจากทีมงานฟีฟ่าทั่วไทยก่อนเป็นปีๆเค้ามั่นใจในเด็กไทยจึงให้เงินมาทำ แต่ด้วยการทำงานไทยๆแบบครอบครัวก็ชีวิตกุจะเอาแค่วันนี้ วันหน้าช่างแมร่งก็แทรกแซงจนฟีฟ่าโมโหตัดงบ แล้วยังมีหน้าไปง้อเค้าอีก นี่มันไทยแท้จริงๆ กุเอาแค่วันนี้ก็พอวันหน้าช่างแมร่ง ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกถึงซีเกมส์เวียตนามที่อยุ่ดีๆเดือนหน้าจะแข่งเอเชียควรให้โค้ชจริงได้คุม แต่เอามาโน่มาทำเพื่อหวังทอง ทั้งที่รายการเอเชียสำคัญกว่ามากคัดไป อลป แต่คิดแบบไทยๆไง สุดท้ายพังทั้งคู่เพราะจบซีเกมมีเวลาสามสี่วันรวมทีมบินไปแข่งรายการใหญ่ นี่ไงผลงาน เบื่อระบบครอบครัวว่ะ

อาร์กแซน วองเชร์ที่ว่าแน่ยังแพ้ระบบครอบครัว ตัดงบแม่ม

ขอบคุณ เวนเกอร์ ครับ

ข้างบนของคุณเวงเกอร์ละ
งั้นขอบคุณทีมงานไทยชุดเก่าทั้งระบบ
ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นชุดใหม่

ทำไมต้องส่งต่อครับ ทำไมไม่คุมเอง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนคัดมา

แปลก ๆ แฮะ

จากการวิแคะส่วนตัว
ตอนแรกแผนงาน Talent ID มันก็ดีในตัวมันเองนั่นแหละ แต่ทีนี้ด้วยความไทยๆอยากได้หน้าอยากได้ผลงาน อยากมีโทรฟี่แบบว่า อนาคตช่างมันแต่วันนี้กุขอชนะไว้ก่อน ก็เลยเห็นว่าน้องโค้ชชุ่มกับทีมงานยังเด็กไป (ตามสูตรคนไทยมักมองว่าคนอายุน้อยมักจะไม่ค่อยมีฝีมือ ทั้งที่เค้าอาจจะมีของก็ได้ ไม่มีเวลาทีให้ค้าลองจะรู้ได้ไง)

ทีนี้ด้วยความที่จะแข่งอาเซียนอีกสองวีคเลยคิดว่างั้นเอาคนมีประสพการณ์มาทำทีมดีกว่าเพื่อแชมป์นี่คือทำงานไทยๆ ซึ่งพี่เด็จก็ทำตามจ็อบได้ดี เด็กทำผลงานดี แต่ความบัดซบระยะยาวก็คือการทำแบบนี้มันผิดแผนของฟีฟ่าที่ไปล้มทีมงานที่ฟีฟ่าเค้าแอฟฟรูฟมาแล้วเพียงเพื่อจะเก่งแค่วันนี้ แต่ระยะยาวเค้าโมโหตัดงบช่วยเหลือไม่มีทีมงานพี่เลี้ยงมาช่วยเสริมโนวฮาว

แทนที่อนาคตเราจะมีการเฟ้นหาเด็กที่เข้มข้นตามตำราฟีฟ่าเพื่อสร้างจำนวนสควอดนักบอลตุนไว้ใช้ในอนาคต แต่ทุกอย่างจบแล้ว ทั้งที่เราเป็นชาติแรกที่ฟีฟ่าให้เงินมาทำและมีการมาสำรวจจากทีมงานฟีฟ่าทั่วไทยก่อนเป็นปีๆเค้ามั่นใจในเด็กไทยจึงให้เงินมาทำ แต่ด้วยการทำงานไทยๆแบบครอบครัวก็ชีวิตกุจะเอาแค่วันนี้ วันหน้าช่างแมร่งก็แทรกแซงจนฟีฟ่าโมโหตัดงบ แล้วยังมีหน้าไปง้อเค้าอีก นี่มันไทยแท้จริงๆ กุเอาแค่วันนี้ก็พอวันหน้าช่างแมร่ง ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกถึงซีเกมส์เวียตนามที่อยุ่ดีๆเดือนหน้าจะแข่งเอเชียควรให้โค้ชจริงได้คุม แต่เอามาโน่มาทำเพื่อหวังทอง ทั้งที่รายการเอเชียสำคัญกว่ามากคัดไป อลป แต่คิดแบบไทยๆไง สุดท้ายพังทั้งคู่เพราะจบซีเกมมีเวลาสามสี่วันรวมทีมบินไปแข่งรายการใหญ่ นี่ไงผลงาน เบื่อระบบครอบครัวว่ะ

อยากรู้ว่าโครงการพวกนี้มันต่อเนื่องแค่ไหนเหมือนกัน

จะว่า ชุบมือเปิป ยังได้

เพราะคำว่า ค ร อ บ ค รั ว คำเดียวครับ

เห็น คซค. ลง ว่าเป็นโครงการที่ ประธานเทคนิคคนก่อน(กาเลส) เป็นคนรู้ลู่ทาง ดำเนินเรื่องให้

จึงได้โครงการนี้มา



ว่าแต่ ประธานเทคนิคคนล่าสุดนี่ มีแผนอย่างไรบ้างนะ

แต่ก่อนระบบคัดเลือกมันไม่ได้มีฐานข้อมูลขนาดนี้
ก็เอาจากคนคุ้นเคย

ถ้าต่อยอดได้ มันจะเกิดการพัฒนาระยะยาว