พอดีเห็น Social media ของเชลซี ทั้ง FB หรือ X โพสต์เกี่ยวกับงาน Pride ซึ่งแน่นอนครับก็คงมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ด้วยปัจจัย ค่านิยม ศาสนา ฯลฯ ทำให้ความเชื่อและความคิดของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน

ก็เลยลองเลื่อนๆ อ่านคอมเมนท์ ส่วนหนึ่งก็คงแสดงคิดเห็นในเชิงไม่เห็นด้วย อย่างเช่น
- โฟกัสฟุตบอล
- แยกฟุตบอลออกจากการเมือง

ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วก็พยายามแล้วแยกออกจากกัน (อันนี้น่าจะเคยมีคนของ FIFA พูดถึง) แต่ความเป็นจริง ก็เห็นมีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวทั้งนั้น เช่น
- เหยียดเชื้อชาติ/เหยียดผิว
- ฟุตบอลโลกที่การ์ตาก็มีคำถามเกี่ยวกับเรื่องเพศโดยเฉพาะผู้หญิง สมรสเท่าเทียม หรือการกดขี่แรงงานเพื่อสร้างสนามให้ทันใช้งาน
- เคสนักฟุตบอลที่เป็นเกย์เมื่อก่อน ถ้าเปิดตัวคือหมดอนาคต
- หรืออย่างเคสสเปน สโมสรฟุตบอลแทบจะมาจากการเมืองทั้งนั้น ทั้งมาดริด หรือบาร์เซโลน่าเอง

ถ้าความเห็นส่วนตัวฟุตบอลมันไม่ใช่แค่กีฬา อีกมุมนึงมันเหมือนเป็นการสะท้อน สังคม วัฒนธรรม เพื่อให้ทุกคนเห็น อย่างนักเตะบราซิลมาเต้นแซมบ้าฉลองเวลายิงประตู การทำงานหนักมีวินัยของนักเตะญี่ปุ่น เหมือนหลายๆ มันก็สะท้อนออกมาในเกมกีฬา

สุดท้ายก็อยากถามท่านอื่นๆ ว่ามีความเห็นอย่างไรบ้างครับ

ล่าสุดก็ทัวร์ยูโร เอมปัปเป้ ไง มาสัมพาทให้สนับสนุนมาคอง ต่อต้านฝั่งขวาที่นำนโนยบาย อพยพคนผิวสีและมุสลิม

อะไรมากไปมันก็ไม่ดี เรียกร้องความ"เท่าเทียม"สำหรับทุกเพศ แต่ไม่รับความเห็น"ต่าง"ใดๆทั้งสิ้น
ผมว่ามันก็จะแปลกๆ ดูยังไงก็ย้อนแย้ง

เหมือนคนชอบเรียกร้องสิทธิประโยชน์ แต่ไม่เอาหน้าที่ความรับผิดชอบ
ถ้าฉันได้ฉันเอา อะไรฉันต้องเสียหรือต้องรับผิดชอบเพิ่ม ฉันไม่รู้ ฉันไม่เอา

ในเคสนี้ ท่านต้องเข้าใจคำว่าเห็นต่าง/นิยามออกมาก่อน

“ผมไม่เห็นกับที่ lgbtq คือ สิ่งที่ถูกต้อง คนพวกนี้ผิดผี ผิดศาสนา ควรหายไปให้หมด” อันนี้แค่เห็นต่างหรือ ละเมิดสิทธิความมนุษย์/hate speech /discrimination

“ผมคิดว่าคนดำไม่ควรมานั่งเรียนกับพวกผม ห้องน้ำก็แบ่งเป็นห้องน้ำสำหรับคนผิวขาว ผิวดำ ผมผิดอะไรก็แค่‘เห็นต่าง’”

“ผมเห็นต่าง ผมคิดว่าฮิตเลอร์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ถูกแล้ว”

มันมีเส้นบางๆ ในการใช้คำว่า เห็นต่างมาเป็นเกราะในการไม่ยอมรับว่าตัวเองเหยียด/แบ่งแยกเชื้อชาติ
เหมือนพวกอวยฮิตเลอร์ อวยเผด็จการ แล้วบอกฉันมีสิทธิ์สนับสนุนผู้นำที่กำจัดสิทธิ์/ปิดปาก/ลิดรอนสิทธิ ประชาชน

กฎฟุตบอลแยกขาดจากการเมือง หมายถึง ไม่ให้ ฝ่ายบริหาร(รัฐบาล) เข้ามาแทรกแซงการจัดการ/บริหาร ของสมาคมฟุตบอล

ไม่ได้บอกว่า ฟุตบอลกับการเมืองไม่เกี่ยวข้องกันเลย

สโมสรทุกสโมสรมีสิทธิ์สนับสนุน Lgbtq+ right ถ้าคุณไม่โอเค ก็สนับสนุนสโมสรอื่น ยอมรับความเห็นต่างของสโมสรฟุตบอลไม่ได้หรอ(ขอยืมคำมาใช้หน่อย)

เยอะเกินไป? >> ใครเป็นคนตัดสินว่าอะไรเยอะ อะไรน้อยอะ พระเจ้าหรอ สุดท้ายขึ้นอยู่กับกระแสสังคมอะครับ

คุณบอกว่าสโมสรเยอะ ตามกระแส แต่กระแสสังคมเอาด้วย แล้วไงต่อดี?

องค์กรไหนมีคนตั้งแต่สามคนขึ้นไปมันก็มีการเมืองแล้ว แล้วแต่ว่าจะเล่นกันแบบไหนจะหน้าฉากหลังฉาก ไม่เชื่อลองไปถามเสี่ยหมีดู

แค่ป้องกันไม่ให้สมาคมฟุตบอลในแต่ละประเทศโดนแทรกแซงจากการเมืองภายในประเทศ
แต่ประเด็นอื่นๆก็ทำได้ปกติ อย่างการต่อต้านการเหยียดผิว/เพศ หรือต่อต้านสงคราม

คิดว่าเมือง บาร์เซโลน่า กับ ประเทศสเปน มีการเมืองไหม

สมมติมีข้อเรียกร้องจากสโมสรระหว่าง รีลมาดริด กับ FA สเปน
และ บาร์เซโลน่า กับ FA สเปน
FA จะให้น้ำหนักทั้ง 2 สโมสรเท่ากันไหม

อันนี้ผมไม่ตอบ แต่ลองตอบคำถามนี้ในใจกันเอง

ผมว่าการแสดงออกถึงความเท่าเทียมเป็นเรื่องปกติมากๆกับการที่ทีมกีฬาทีมนึงจะเทคแอ็คชั่น เพราะส่วนตัวผมเอง ผมไม่รู้สึกเลยว่าจะต้องฟังความเห็นต่าง (สำหรับเรื่องความเท่าเทียม) เพราะทุกคนเท่ากันครับ สำหรับคนที่เห็นต่างผมรู้สึกว่าถ้าให้ทำความเข้าใจคงต้องเอาเหตุผลมานั่งคุยกันจริงๆ เพราะบอกตามตรงผมไม่เข้าใจสำหรับคนที่เห็นต่างเรื่องความเท่าเทียม / แต่ถ้าตามหัวข้อว่าเกี่ยวกับการเมืองไหม ผมมองว่าเกี่ยว สำหรับเรื่องอื่นๆ เราต้องยอมรับว่าทีมฟุตบอลอยู่ได้เพราะแฟนบอล หรือถ้าใครบอกว่าอยู่ได้เพราะเงินของเจ้าของทีม มันก็จริงแต่ถ้าเจ้าของทีมนั้นถูกคว่ำบาตร เขาก็จะไม่มีเงิน กลายเป็นปัญหาทอดๆกันมา เพราะงั้นการเมืองอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นก็ได้นะสำหรับสโมสร เพราะก็คงมีบางคนที่เลือกและเลิกเชียร์เพราะการแอ็คชั่นต่างๆของสโมสร

ดูสภาพทีมผมทุกวันนี้สิ ถ้าการเมืองมันไม่ยุ่งเกี่ยวกันมันจะอยู่สภาพนี้มั้ย มันแยกไม่ขาดหรอก ไม่เข้าพวกก็อยู่ยากตลอด

แยกไม่ขาดครับ ถ้าการเมืองอยากเข้าไปเกี่ยวกับอะไร คนก็สามารถโยงเข้าไปได้ทั้งหมด

การเมืองถ้าต้องการคะแนนเสียง ทำได้หมดทั้งนั้น

เราเป็นสินค้าของพรรคการเมืองที่มาจับจ่ายใช้สอย ว่าใครตรงตามสเปคก็เอาเข้ากลุ่ม ใครไม่ตรงก็ใช้ Social Media หรือ นักกิจกรรม ครอบงำเปลี่ยนความคิดให้เข้าสเปค แค่นั้นเอง...

เม้นในเฟส แขก/แอฟริกันทั้งนั้น อะไรที่เกี่ยวกะเพศที่สามก็ร้องหมดแหละ จะการเมืองหรือฟุตบอลก็ตามแต่

ไม่มีทางแยกกันได้

มันแยกไม่ขาดก็จริง

แต่ฟีฟ่าย้ำมาตลอดว่า นอกสนามยังไงก็ช่าง แต่ในสนามให้วางเรื่องพวกนี้ไว้ก่อน ขนาดว่าต่อให้มีสงครามกันแต่ถ้ามีปัญญาส่งนักกีฬามาลงแข่งได้ก็ให้เตะกันให้ได้ พยายามไม่ให้ยกเลิกด้วยเหตุผลทางการเมือง

แล้วเอาเรื่องนอกสนามมาเอี่ยวมากๆ จนรบกวนการเล่น ผลงานดูไม่จืดเลย อย่างเยอรมนีกับอิหร่านที่แสดงออกในนัดแรกตอนบอลโลก 2022 ดูผลงานในหนนั้นสิ