ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
แบบสำรวจ
xx
ใช่
???
ไม่
???
คะแนนทั้งหมด: 155
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Dec 2009
ตอบ: 7908
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jul 02, 2024 21:29
[RE: คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม]
หาก วัดจาก รวย ไป จน จะกว้างมากขึ้น แต่ วัดจาก กลางมา จน จะแคบลง
โดยเฉพาะยุคนี้ ชนชั้นกลาง จน ลง อย่างเห็นได้ชัด

หากเทียบวิกฤติ เศรษฐกิจ ต้มยำกุ้ง คือ วิกฤติของคนรวย กระทบกับคนหมู่มาก
ตอนนี้ ก็คงเป้น วิกฤติของคนโดยมาก คือ คนชนชั้นกลางและคนจน วิกฤติกันเอง
ชนชั้นนำของประเทศแทบไม่ได้รับผลกระทบ ..
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: วันที่กาลเวลาถูกแช่แข็งในอากาศ คลื่นเสียงสลายเป็นไ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Mar 2009
ตอบ: 2024
ที่อยู่: ในสายลม
โพสเมื่อ: Tue Jul 02, 2024 21:42
[RE: คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม]
Tpk พิมพ์ว่า:
ปัญหาจริงๆมันคือเรื่องเงินนั้นละ

FIAT IS SHIT  

Yep bro

Fix the money, fix the world

เงินเฟ้อแม่งคืออาชญากรรม
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ARSENAL

“วันนี้จะไม่มีย้อนคืนกลับมาอีก และใครก็ตามเมื่อพลาดที่จะกิน ดื่ม ลิ้มรส หรือสูดกลิ่นอายของมันก็จะไม่มีวันได้รับโอกาสนี้อีกชั่วนิจนิรันดร์ ดวงอาทิตย์จะไม่มีวันฉายฉานเหมือนเช่นวันนี้... แต่ถึงกระนั้นคุณก็จักต้องเล่นไปตามบทบาท ขับร้องให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้”
- Klingsors letzter Sommer (Hermann Hesse)

ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2020
ตอบ: 1421
ที่อยู่: ฝากเอาไว้ในกายเธอ
โพสเมื่อ: Tue Jul 02, 2024 22:32
[RE]คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม
Foollyman พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
ปัญหาจริงๆมันคือเรื่องเงินนั้นละ

FIAT IS SHIT  

Yep bro

Fix the money, fix the world

เงินเฟ้อแม่งคืออาชญากรรม  


ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ ว่าถ้าเงินไม่เฟ้อ จะตอบรับกับ growth ยังไง ในเมื่อ resources ทุกอย่างมีจำกัด แต่population มีเพิ่มขึ้นทุกวัน จนเริ่มมาชลอตัวลงช่วงนี้
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Mar 2020
ตอบ: 1308
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jul 02, 2024 23:38
คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม
mongkoltot พิมพ์ว่า:
กว้างขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็จะมี great reset เร็วนี้

เห็นเขาเอาประวัติศาสตร์มาอ้างอิงถึงการครบรอบช่วงเวลา 50 หรือ 100 ปีเนี่ยแหละ

ถ้าเป็นจริงนี่น่ากังวลอยู่  

อย่าไปเชื่ออะไรมากครับ น่าจะเอาหนังสือ Ray Dalio มาเขียนยำๆกัน ตา Ray นี่ก็ผิดบ่อย อย่างเชียร์ลงทุนจีนนี่ก็ยับๆเลย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: วันที่กาลเวลาถูกแช่แข็งในอากาศ คลื่นเสียงสลายเป็นไ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Mar 2009
ตอบ: 2024
ที่อยู่: ในสายลม
โพสเมื่อ: Wed Jul 03, 2024 10:02
[RE: คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม]
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
ปัญหาจริงๆมันคือเรื่องเงินนั้นละ

FIAT IS SHIT  

Yep bro

Fix the money, fix the world

เงินเฟ้อแม่งคืออาชญากรรม  


ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ ว่าถ้าเงินไม่เฟ้อ จะตอบรับกับ growth ยังไง ในเมื่อ resources ทุกอย่างมีจำกัด แต่population มีเพิ่มขึ้นทุกวัน จนเริ่มมาชลอตัวลงช่วงนี้  

เอาแบบรีบๆพื้นๆ เมื่อโปรดักทิวิตี่โลกเพิ่ม แต่เงินมีจำกัด สิ่งที่จะเป็นเมื่อระบบ growth คือข้าวของจะต้องถูกลงครับ หรือของราคาเท่าเดิมแต่คุณภาพดีขึ้น ผู้คนที่เก็บเงินที่ไม่เสื่อมค่าจะมีอำนาจการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต วางแผนทำธุรกิจ วางแผนมีครอบครัวได้ เหมือนเช่นยุคสมัยมาตรฐานทองคำ
เราไม่ต้องตีลังกาทางความคิดตาม ศศ สำนักเคนส์ เราพูดตามคอมมอนเซนส์แบบสำนักออสเตรียน


แก้ไขล่าสุดโดย Foollyman เมื่อ Wed Jul 03, 2024 10:08, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ARSENAL

“วันนี้จะไม่มีย้อนคืนกลับมาอีก และใครก็ตามเมื่อพลาดที่จะกิน ดื่ม ลิ้มรส หรือสูดกลิ่นอายของมันก็จะไม่มีวันได้รับโอกาสนี้อีกชั่วนิจนิรันดร์ ดวงอาทิตย์จะไม่มีวันฉายฉานเหมือนเช่นวันนี้... แต่ถึงกระนั้นคุณก็จักต้องเล่นไปตามบทบาท ขับร้องให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้”
- Klingsors letzter Sommer (Hermann Hesse)

ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: วันที่กาลเวลาถูกแช่แข็งในอากาศ คลื่นเสียงสลายเป็นไ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Mar 2009
ตอบ: 2024
ที่อยู่: ในสายลม
โพสเมื่อ: Wed Jul 03, 2024 10:07
[RE: คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม]
[ซ้ำครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Foollyman เมื่อ Wed Jul 03, 2024 10:08, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ARSENAL

“วันนี้จะไม่มีย้อนคืนกลับมาอีก และใครก็ตามเมื่อพลาดที่จะกิน ดื่ม ลิ้มรส หรือสูดกลิ่นอายของมันก็จะไม่มีวันได้รับโอกาสนี้อีกชั่วนิจนิรันดร์ ดวงอาทิตย์จะไม่มีวันฉายฉานเหมือนเช่นวันนี้... แต่ถึงกระนั้นคุณก็จักต้องเล่นไปตามบทบาท ขับร้องให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้”
- Klingsors letzter Sommer (Hermann Hesse)

ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2020
ตอบ: 1421
ที่อยู่: ฝากเอาไว้ในกายเธอ
โพสเมื่อ: Wed Jul 03, 2024 10:39
[RE: คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม]
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
ปัญหาจริงๆมันคือเรื่องเงินนั้นละ

FIAT IS SHIT  

Yep bro

Fix the money, fix the world

เงินเฟ้อแม่งคืออาชญากรรม  


ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ ว่าถ้าเงินไม่เฟ้อ จะตอบรับกับ growth ยังไง ในเมื่อ resources ทุกอย่างมีจำกัด แต่population มีเพิ่มขึ้นทุกวัน จนเริ่มมาชลอตัวลงช่วงนี้  

เอาแบบรีบๆพื้นๆ เมื่อโปรดักทิวิตี่โลกเพิ่ม แต่เงินมีจำกัด สิ่งที่จะเป็นเมื่อระบบ growth คือข้าวของจะต้องถูกลงครับ หรือของราคาเท่าเดิมแต่คุณภาพดีขึ้น ผู้คนที่เก็บเงินที่ไม่เสื่อมค่าจะมีอำนาจการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต วางแผนทำธุรกิจ วางแผนมีครอบครัวได้ เหมือนเช่นยุคสมัยมาตรฐานทองคำ
เราไม่ต้องตีลังกาทางความคิดตาม ศศ สำนักเคนส์ เราพูดตามคอมมอนเซนส์แบบสำนักออสเตรียน


 



ข้าวของ = resource ในโลก มีจำกัด ไม่ว่าจะน้ำมัน แก๊ส livestock wheat
สมมติว่า มีคน 10 คน และมีข้าว 10 เม็ด ตัวกลางใช้แลกข้าว 1 เม็ด ของแต่ละคนคือ ทอง หรือ 1 BTC นะครับ แล้วในเคสนี้เมื่อมี growth ในเมื่อ supply ข้าวก็มีเท่าเดิม แต่ demand เพิ่มขึ้นจาก 10 คน กลายเป็น 20 คน ในกรณีนี้ ข้าวของจะถูกลงได้ยังไงครับ มันก็ต้องแพงขึ้นปะ ในเมื่อ demand มัน over supply
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status: ํ''You were born original don't die a copy.''
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 4906
ที่อยู่: เอ่อ..ไม่มีนะ
โพสเมื่อ: Wed Jul 03, 2024 10:51
[RE: คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม]
จริงๆถ้าไม่มีอะไรมาเร่งความห่างมันก็เพิ่มขึ้นอยุ่แล้วนะผมว่าแต่ทีละน้อย พอปัจจัยมันเอื้องี้ คนจนจนลง คนรวยรวยขึ้น มันยิ่งถ่าง gab ไปเรื่อยๆมามองดูปัจจุบันมันเลยกว้างแบบน่าตกใจ เพราะคนที่คอยจะชะลอเรื่องนี้หรือลดช่องว่างไปผลักดันด้านบนหมด ยังไปต่อได้เรื่อยๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: วันที่กาลเวลาถูกแช่แข็งในอากาศ คลื่นเสียงสลายเป็นไ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Mar 2009
ตอบ: 2024
ที่อยู่: ในสายลม
โพสเมื่อ: Wed Jul 03, 2024 11:03
[RE: คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม]
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
ปัญหาจริงๆมันคือเรื่องเงินนั้นละ

FIAT IS SHIT  

Yep bro

Fix the money, fix the world

เงินเฟ้อแม่งคืออาชญากรรม  


ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ ว่าถ้าเงินไม่เฟ้อ จะตอบรับกับ growth ยังไง ในเมื่อ resources ทุกอย่างมีจำกัด แต่population มีเพิ่มขึ้นทุกวัน จนเริ่มมาชลอตัวลงช่วงนี้  

เอาแบบรีบๆพื้นๆ เมื่อโปรดักทิวิตี่โลกเพิ่ม แต่เงินมีจำกัด สิ่งที่จะเป็นเมื่อระบบ growth คือข้าวของจะต้องถูกลงครับ หรือของราคาเท่าเดิมแต่คุณภาพดีขึ้น ผู้คนที่เก็บเงินที่ไม่เสื่อมค่าจะมีอำนาจการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต วางแผนทำธุรกิจ วางแผนมีครอบครัวได้ เหมือนเช่นยุคสมัยมาตรฐานทองคำ
เราไม่ต้องตีลังกาทางความคิดตาม ศศ สำนักเคนส์ เราพูดตามคอมมอนเซนส์แบบสำนักออสเตรียน


 



ข้าวของ = resource ในโลก มีจำกัด ไม่ว่าจะน้ำมัน แก๊ส livestock wheat
สมมติว่า มีคน 10 คน และมีข้าว 10 เม็ด ตัวกลางใช้แลกข้าว 1 เม็ด ของแต่ละคนคือ ทอง หรือ 1 BTC นะครับ แล้วในเคสนี้เมื่อมี growth ในเมื่อ supply ข้าวก็มีเท่าเดิม แต่ demand เพิ่มขึ้นจาก 10 คน กลายเป็น 20 คน ในกรณีนี้ ข้าวของจะถูกลงได้ยังไงครับ มันก็ต้องแพงขึ้นปะ ในเมื่อ demand มัน over supply  

ถ้าตามกลไกตลาด ข้าวของราคาเพิ่มหรือลดมันขึ้นกับดีมานด์ ซัพพลายถูกต้องแล้วครับ ราคาที่แพงขึ้นจากโลกที่เงินไม่เสื่อมค่ามันจะสะท้อนความขาดแคลนจริงหรือความต้องการจริง ทีนี้ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันจะทำให้คนหันมาปลูกข้าวเพิ่มขึ่น จนทำให้ซัพพลายมันดุลกับดีมานด์เองตามธรรมชาติ และข้าวที่แพงมันจะแพงชั่วคราวตามภาวะการผลิต จนกระทั่งมนุษย์หาทางเพิ่มโปรดักทิวิตี้ของข้าวได้

ที่ผมจะสื่อคือในโลกที่เงินมันเฟ้อ ต่อให้ข้าวของแพง คนต้องประหยัดตังค์โดยธรรมชาติ แต่ของมันก็ยังไม่ลดราคาเพราะเงินที่ถูกพิมพ์โดยรัฐบาลมันพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจเสมิ มันเลยเป็นภาวะ stagflation ที่เราหรือญี่ปุ่นกำลังเจอ มันฝืนธรรมชาติ

เมื่อมนุษย์ต้องการอะไรบางอย่างที่มากขึ้น คนมันจะหาทางพัฒนาซัพพลายจนได้ ถามว่าข้าวตามสั่ง ผัก หมู มันหายากหรอสำหรับผมก็ไม่ แต่มันราคาเป็น 50-60 ได้ เพราะต้องจ่ายค่าที่ ค่าที่ที่ถูกซื้อมาเก็งกำไรจากเงินที่ผลิตขึ้นมา

ผมไม่ได้มีปัญหากับทุนนิยม กลไกตลาด แต่ผมหรือ bitcoiner ท่านอื่นๆ เรามีปัญหากับการที่เงินที่ถูกผลิตใหม่มันเอาไปใช้กับการลงทุนที่ผิดพลาดจนมันบิดเบือน “ราคา” และความมั่งคั่งของผู้คน
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ARSENAL

“วันนี้จะไม่มีย้อนคืนกลับมาอีก และใครก็ตามเมื่อพลาดที่จะกิน ดื่ม ลิ้มรส หรือสูดกลิ่นอายของมันก็จะไม่มีวันได้รับโอกาสนี้อีกชั่วนิจนิรันดร์ ดวงอาทิตย์จะไม่มีวันฉายฉานเหมือนเช่นวันนี้... แต่ถึงกระนั้นคุณก็จักต้องเล่นไปตามบทบาท ขับร้องให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้”
- Klingsors letzter Sommer (Hermann Hesse)

ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2020
ตอบ: 1421
ที่อยู่: ฝากเอาไว้ในกายเธอ
โพสเมื่อ: Wed Jul 03, 2024 12:26
[RE: คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม]
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
ปัญหาจริงๆมันคือเรื่องเงินนั้นละ

FIAT IS SHIT  

Yep bro

Fix the money, fix the world

เงินเฟ้อแม่งคืออาชญากรรม  


ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ ว่าถ้าเงินไม่เฟ้อ จะตอบรับกับ growth ยังไง ในเมื่อ resources ทุกอย่างมีจำกัด แต่population มีเพิ่มขึ้นทุกวัน จนเริ่มมาชลอตัวลงช่วงนี้  

เอาแบบรีบๆพื้นๆ เมื่อโปรดักทิวิตี่โลกเพิ่ม แต่เงินมีจำกัด สิ่งที่จะเป็นเมื่อระบบ growth คือข้าวของจะต้องถูกลงครับ หรือของราคาเท่าเดิมแต่คุณภาพดีขึ้น ผู้คนที่เก็บเงินที่ไม่เสื่อมค่าจะมีอำนาจการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต วางแผนทำธุรกิจ วางแผนมีครอบครัวได้ เหมือนเช่นยุคสมัยมาตรฐานทองคำ
เราไม่ต้องตีลังกาทางความคิดตาม ศศ สำนักเคนส์ เราพูดตามคอมมอนเซนส์แบบสำนักออสเตรียน


 



ข้าวของ = resource ในโลก มีจำกัด ไม่ว่าจะน้ำมัน แก๊ส livestock wheat
สมมติว่า มีคน 10 คน และมีข้าว 10 เม็ด ตัวกลางใช้แลกข้าว 1 เม็ด ของแต่ละคนคือ ทอง หรือ 1 BTC นะครับ แล้วในเคสนี้เมื่อมี growth ในเมื่อ supply ข้าวก็มีเท่าเดิม แต่ demand เพิ่มขึ้นจาก 10 คน กลายเป็น 20 คน ในกรณีนี้ ข้าวของจะถูกลงได้ยังไงครับ มันก็ต้องแพงขึ้นปะ ในเมื่อ demand มัน over supply  

ถ้าตามกลไกตลาด ข้าวของราคาเพิ่มหรือลดมันขึ้นกับดีมานด์ ซัพพลายถูกต้องแล้วครับ ราคาที่แพงขึ้นจากโลกที่เงินไม่เสื่อมค่ามันจะสะท้อนความขาดแคลนจริงหรือความต้องการจริง ทีนี้ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันจะทำให้คนหันมาปลูกข้าวเพิ่มขึ่น จนทำให้ซัพพลายมันดุลกับดีมานด์เองตามธรรมชาติ และข้าวที่แพงมันจะแพงชั่วคราวตามภาวะการผลิต จนกระทั่งมนุษย์หาทางเพิ่มโปรดักทิวิตี้ของข้าวได้

ที่ผมจะสื่อคือในโลกที่เงินมันเฟ้อ ต่อให้ข้าวของแพง คนต้องประหยัดตังค์โดยธรรมชาติ แต่ของมันก็ยังไม่ลดราคาเพราะเงินที่ถูกพิมพ์โดยรัฐบาลมันพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจเสมิ มันเลยเป็นภาวะ stagflation ที่เราหรือญี่ปุ่นกำลังเจอ มันฝืนธรรมชาติ

เมื่อมนุษย์ต้องการอะไรบางอย่างที่มากขึ้น คนมันจะหาทางพัฒนาซัพพลายจนได้ ถามว่าข้าวตามสั่ง ผัก หมู มันหายากหรอสำหรับผมก็ไม่ แต่มันราคาเป็น 50-60 ได้ เพราะต้องจ่ายค่าที่ ค่าที่ที่ถูกซื้อมาเก็งกำไรจากเงินที่ผลิตขึ้นมา

ผมไม่ได้มีปัญหากับทุนนิยม กลไกตลาด แต่ผมหรือ bitcoiner ท่านอื่นๆ เรามีปัญหากับการที่เงินที่ถูกผลิตใหม่มันเอาไปใช้กับการลงทุนที่ผิดพลาดจนมันบิดเบือน “ราคา” และความมั่งคั่งของผู้คน
 



งี้ในกรณีที่ bitcoin สามารถลดความความผันผวนได้ เท่ากับ มูลค่าเริ่มคงที่ 1. ก็ต้องมีเจ้าที่ใหญ่กว่าเพราะถือมากกว่าทุกคนอยู่ดี ฉะนั้นความต่างในความมั่งคั่งของแต่ละคนก็ทีอยู่ดี เพราะยังไง คนที่ถือ 100 เหรียญ ก็รวยกว่า คนที่ถือแค่ 1 เหรียญอยู่ดี กับ 2. สมมติว่าสามารถออกกฎควบคุมได้ ที่นี้จะไม่ผิดกับหลักการของ bitcoin หรอครับ สำหรับ มุมbitcoiner อยากรู้ว่าเขามีความเห็นอย่างไรกับการที่จะป้องกัน ในการฟอกเงิน หรือstore เงินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: วันที่กาลเวลาถูกแช่แข็งในอากาศ คลื่นเสียงสลายเป็นไ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Mar 2009
ตอบ: 2024
ที่อยู่: ในสายลม
โพสเมื่อ: Wed Jul 03, 2024 12:32
[RE: คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม]
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
ปัญหาจริงๆมันคือเรื่องเงินนั้นละ

FIAT IS SHIT  

Yep bro

Fix the money, fix the world

เงินเฟ้อแม่งคืออาชญากรรม  


ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ ว่าถ้าเงินไม่เฟ้อ จะตอบรับกับ growth ยังไง ในเมื่อ resources ทุกอย่างมีจำกัด แต่population มีเพิ่มขึ้นทุกวัน จนเริ่มมาชลอตัวลงช่วงนี้  

เอาแบบรีบๆพื้นๆ เมื่อโปรดักทิวิตี่โลกเพิ่ม แต่เงินมีจำกัด สิ่งที่จะเป็นเมื่อระบบ growth คือข้าวของจะต้องถูกลงครับ หรือของราคาเท่าเดิมแต่คุณภาพดีขึ้น ผู้คนที่เก็บเงินที่ไม่เสื่อมค่าจะมีอำนาจการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต วางแผนทำธุรกิจ วางแผนมีครอบครัวได้ เหมือนเช่นยุคสมัยมาตรฐานทองคำ
เราไม่ต้องตีลังกาทางความคิดตาม ศศ สำนักเคนส์ เราพูดตามคอมมอนเซนส์แบบสำนักออสเตรียน


 



ข้าวของ = resource ในโลก มีจำกัด ไม่ว่าจะน้ำมัน แก๊ส livestock wheat
สมมติว่า มีคน 10 คน และมีข้าว 10 เม็ด ตัวกลางใช้แลกข้าว 1 เม็ด ของแต่ละคนคือ ทอง หรือ 1 BTC นะครับ แล้วในเคสนี้เมื่อมี growth ในเมื่อ supply ข้าวก็มีเท่าเดิม แต่ demand เพิ่มขึ้นจาก 10 คน กลายเป็น 20 คน ในกรณีนี้ ข้าวของจะถูกลงได้ยังไงครับ มันก็ต้องแพงขึ้นปะ ในเมื่อ demand มัน over supply  

ถ้าตามกลไกตลาด ข้าวของราคาเพิ่มหรือลดมันขึ้นกับดีมานด์ ซัพพลายถูกต้องแล้วครับ ราคาที่แพงขึ้นจากโลกที่เงินไม่เสื่อมค่ามันจะสะท้อนความขาดแคลนจริงหรือความต้องการจริง ทีนี้ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันจะทำให้คนหันมาปลูกข้าวเพิ่มขึ่น จนทำให้ซัพพลายมันดุลกับดีมานด์เองตามธรรมชาติ และข้าวที่แพงมันจะแพงชั่วคราวตามภาวะการผลิต จนกระทั่งมนุษย์หาทางเพิ่มโปรดักทิวิตี้ของข้าวได้

ที่ผมจะสื่อคือในโลกที่เงินมันเฟ้อ ต่อให้ข้าวของแพง คนต้องประหยัดตังค์โดยธรรมชาติ แต่ของมันก็ยังไม่ลดราคาเพราะเงินที่ถูกพิมพ์โดยรัฐบาลมันพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจเสมิ มันเลยเป็นภาวะ stagflation ที่เราหรือญี่ปุ่นกำลังเจอ มันฝืนธรรมชาติ

เมื่อมนุษย์ต้องการอะไรบางอย่างที่มากขึ้น คนมันจะหาทางพัฒนาซัพพลายจนได้ ถามว่าข้าวตามสั่ง ผัก หมู มันหายากหรอสำหรับผมก็ไม่ แต่มันราคาเป็น 50-60 ได้ เพราะต้องจ่ายค่าที่ ค่าที่ที่ถูกซื้อมาเก็งกำไรจากเงินที่ผลิตขึ้นมา

ผมไม่ได้มีปัญหากับทุนนิยม กลไกตลาด แต่ผมหรือ bitcoiner ท่านอื่นๆ เรามีปัญหากับการที่เงินที่ถูกผลิตใหม่มันเอาไปใช้กับการลงทุนที่ผิดพลาดจนมันบิดเบือน “ราคา” และความมั่งคั่งของผู้คน
 



งี้ในกรณีที่ bitcoin สามารถลดความความผันผวนได้ เท่ากับ มูลค่าเริ่มคงที่ 1. ก็ต้องมีเจ้าที่ใหญ่กว่าเพราะถือมากกว่าทุกคนอยู่ดี ฉะนั้นความต่างในความมั่งคั่งของแต่ละคนก็ทีอยู่ดี เพราะยังไง คนที่ถือ 100 เหรียญ ก็รวยกว่า คนที่ถือแค่ 1 เหรียญอยู่ดี กับ 2. สมมติว่าสามารถออกกฎควบคุมได้ ที่นี้จะไม่ผิดกับหลักการของ bitcoin หรอครับ สำหรับ มุมbitcoiner อยากรู้ว่าเขามีความเห็นอย่างไรกับการที่จะป้องกัน ในการฟอกเงิน หรือstore เงินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย  

1. ทุกคนไม่มีทางถือบิทคอยน์ได้ทั้งโลก นั่นคือเรื่องจริง แต่เราก็ถือเป็นหน่วยย่อยซาโตชิได้
2. คนที่ถือก่อน มาก่อน เขาก็ต้องแบกรับความเสี่ยง เขาต้องศึกษา เพราะฝั้นผมว่า”แฟร์“
3. ตรรกะเดียวกับทองคำ ไม่ใช่ทุกคนจะได้ถือทองคำตอน 3,000 บาท แต่เมื่อมันเป็นสินค้าที่มีจำกัด ผลิตได้ยาก ตรวจสอบได้ง่าย ราคามันก็เป็นเพียงตัวชี้การให้คุณค่า
4. เงิน Fiat ทุกวันนี้ก็มีการฟอกเงิน หรือเอาไปใช้ผิดกฏหมายหรือเปล่าครับ มันไม่เกี่ยวว่าจะเป็นบิทคอยน์ ทอง เฟียต ที่ดิน แว่นตร ตราบใดที่มีคนเอาเงินผิด ๆ ไปใช้ฟอก ต่อให้เป็นอะไรก็ผืด คำถามที่ควรถามกลับคือ เราใช้เกณฑ์อะไรตัดสินว่าเงินที่ฟอดมันผิด กับ ทำไมเราต้องให้รัฐบาลมาวุ่นวายเงินของเรา

ผมว่าเราไม่ต้องน้อยใจที่เราถือทีหลัง หรือสงสัยมากไปจนไม่มองมัน
เวลาเรามีค่า ผมแนะนำให้ศึกษา Bitcoin ให้มาก มันอาจเป็นทอปปิคที่คุ้มค่าที่สุดที่เราเคยได้ศึกษามาเลยก็ได้
แก้ไขล่าสุดโดย Foollyman เมื่อ Wed Jul 03, 2024 12:37, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ARSENAL

“วันนี้จะไม่มีย้อนคืนกลับมาอีก และใครก็ตามเมื่อพลาดที่จะกิน ดื่ม ลิ้มรส หรือสูดกลิ่นอายของมันก็จะไม่มีวันได้รับโอกาสนี้อีกชั่วนิจนิรันดร์ ดวงอาทิตย์จะไม่มีวันฉายฉานเหมือนเช่นวันนี้... แต่ถึงกระนั้นคุณก็จักต้องเล่นไปตามบทบาท ขับร้องให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้”
- Klingsors letzter Sommer (Hermann Hesse)

ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2020
ตอบ: 1421
ที่อยู่: ฝากเอาไว้ในกายเธอ
โพสเมื่อ: Wed Jul 03, 2024 13:02
[RE: คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม]
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
ปัญหาจริงๆมันคือเรื่องเงินนั้นละ

FIAT IS SHIT  

Yep bro

Fix the money, fix the world

เงินเฟ้อแม่งคืออาชญากรรม  


ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ ว่าถ้าเงินไม่เฟ้อ จะตอบรับกับ growth ยังไง ในเมื่อ resources ทุกอย่างมีจำกัด แต่population มีเพิ่มขึ้นทุกวัน จนเริ่มมาชลอตัวลงช่วงนี้  

เอาแบบรีบๆพื้นๆ เมื่อโปรดักทิวิตี่โลกเพิ่ม แต่เงินมีจำกัด สิ่งที่จะเป็นเมื่อระบบ growth คือข้าวของจะต้องถูกลงครับ หรือของราคาเท่าเดิมแต่คุณภาพดีขึ้น ผู้คนที่เก็บเงินที่ไม่เสื่อมค่าจะมีอำนาจการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต วางแผนทำธุรกิจ วางแผนมีครอบครัวได้ เหมือนเช่นยุคสมัยมาตรฐานทองคำ
เราไม่ต้องตีลังกาทางความคิดตาม ศศ สำนักเคนส์ เราพูดตามคอมมอนเซนส์แบบสำนักออสเตรียน


 



ข้าวของ = resource ในโลก มีจำกัด ไม่ว่าจะน้ำมัน แก๊ส livestock wheat
สมมติว่า มีคน 10 คน และมีข้าว 10 เม็ด ตัวกลางใช้แลกข้าว 1 เม็ด ของแต่ละคนคือ ทอง หรือ 1 BTC นะครับ แล้วในเคสนี้เมื่อมี growth ในเมื่อ supply ข้าวก็มีเท่าเดิม แต่ demand เพิ่มขึ้นจาก 10 คน กลายเป็น 20 คน ในกรณีนี้ ข้าวของจะถูกลงได้ยังไงครับ มันก็ต้องแพงขึ้นปะ ในเมื่อ demand มัน over supply  

ถ้าตามกลไกตลาด ข้าวของราคาเพิ่มหรือลดมันขึ้นกับดีมานด์ ซัพพลายถูกต้องแล้วครับ ราคาที่แพงขึ้นจากโลกที่เงินไม่เสื่อมค่ามันจะสะท้อนความขาดแคลนจริงหรือความต้องการจริง ทีนี้ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันจะทำให้คนหันมาปลูกข้าวเพิ่มขึ่น จนทำให้ซัพพลายมันดุลกับดีมานด์เองตามธรรมชาติ และข้าวที่แพงมันจะแพงชั่วคราวตามภาวะการผลิต จนกระทั่งมนุษย์หาทางเพิ่มโปรดักทิวิตี้ของข้าวได้

ที่ผมจะสื่อคือในโลกที่เงินมันเฟ้อ ต่อให้ข้าวของแพง คนต้องประหยัดตังค์โดยธรรมชาติ แต่ของมันก็ยังไม่ลดราคาเพราะเงินที่ถูกพิมพ์โดยรัฐบาลมันพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจเสมิ มันเลยเป็นภาวะ stagflation ที่เราหรือญี่ปุ่นกำลังเจอ มันฝืนธรรมชาติ

เมื่อมนุษย์ต้องการอะไรบางอย่างที่มากขึ้น คนมันจะหาทางพัฒนาซัพพลายจนได้ ถามว่าข้าวตามสั่ง ผัก หมู มันหายากหรอสำหรับผมก็ไม่ แต่มันราคาเป็น 50-60 ได้ เพราะต้องจ่ายค่าที่ ค่าที่ที่ถูกซื้อมาเก็งกำไรจากเงินที่ผลิตขึ้นมา

ผมไม่ได้มีปัญหากับทุนนิยม กลไกตลาด แต่ผมหรือ bitcoiner ท่านอื่นๆ เรามีปัญหากับการที่เงินที่ถูกผลิตใหม่มันเอาไปใช้กับการลงทุนที่ผิดพลาดจนมันบิดเบือน “ราคา” และความมั่งคั่งของผู้คน
 



งี้ในกรณีที่ bitcoin สามารถลดความความผันผวนได้ เท่ากับ มูลค่าเริ่มคงที่ 1. ก็ต้องมีเจ้าที่ใหญ่กว่าเพราะถือมากกว่าทุกคนอยู่ดี ฉะนั้นความต่างในความมั่งคั่งของแต่ละคนก็ทีอยู่ดี เพราะยังไง คนที่ถือ 100 เหรียญ ก็รวยกว่า คนที่ถือแค่ 1 เหรียญอยู่ดี กับ 2. สมมติว่าสามารถออกกฎควบคุมได้ ที่นี้จะไม่ผิดกับหลักการของ bitcoin หรอครับ สำหรับ มุมbitcoiner อยากรู้ว่าเขามีความเห็นอย่างไรกับการที่จะป้องกัน ในการฟอกเงิน หรือstore เงินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย  

1. ทุกคนไม่มีทางถือบิทคอยน์ได้ทั้งโลก นั่นคือเรื่องจริง แต่เราก็ถือเป็นหน่วยย่อยซาโตชิได้
2. คนที่ถือก่อน มาก่อน เขาก็ต้องแบกรับความเสี่ยง เขาต้องศึกษา เพราะฝั้นผมว่า”แฟร์“
3. ตรรกะเดียวกับทองคำ ไม่ใช่ทุกคนจะได้ถือทองคำตอน 3,000 บาท แต่เมื่อมันเป็นสินค้าที่มีจำกัด ผลิตได้ยาก ตรวจสอบได้ง่าย ราคามันก็เป็นเพียงตัวชี้การให้คุณค่า
4. เงิน Fiat ทุกวันนี้ก็มีการฟอกเงิน หรือเอาไปใช้ผิดกฏหมายหรือเปล่าครับ มันไม่เกี่ยวว่าจะเป็นบิทคอยน์ ทอง เฟียต ที่ดิน แว่นตร ตราบใดที่มีคนเอาเงินผิด ๆ ไปใช้ฟอก ต่อให้เป็นอะไรก็ผืด คำถามที่ควรถามกลับคือ เราใช้เกณฑ์อะไรตัดสินว่าเงินที่ฟอดมันผิด กับ ทำไมเราต้องให้รัฐบาลมาวุ่นวายเงินของเรา

ผมว่าเราไม่ต้องน้อยใจที่เราถือทีหลัง หรือสงสัยมากไปจนไม่มองมัน
เวลาเรามีค่า ผมแนะนำให้ศึกษา Bitcoin ให้มาก มันอาจเป็นทอปปิคที่คุ้มค่าที่สุดที่เราเคยได้ศึกษามาเลยก็ได้  


ยกตัวอย่างนะครับ fiat มีการฟอกเงินอยู่แล้ว แต่สำหรับ bitcoin ที่ promote privacy สูงสุด อย่าง bearer bonds ก็โดนยกเลิกไป เพราะไม่สามารถ trace ได้ กลับกัน ก็มีกลุ่มคนที่ขายยา ค้าอาวุธเถื่อน หันไป store value ในรูปแบบของ BTC แบบนี้ ในวงการ BTC เขามีแผนรับมือยังไง?
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: วันที่กาลเวลาถูกแช่แข็งในอากาศ คลื่นเสียงสลายเป็นไ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Mar 2009
ตอบ: 2024
ที่อยู่: ในสายลม
โพสเมื่อ: Wed Jul 03, 2024 13:53
[RE: คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม]
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
ปัญหาจริงๆมันคือเรื่องเงินนั้นละ

FIAT IS SHIT  

Yep bro

Fix the money, fix the world

เงินเฟ้อแม่งคืออาชญากรรม  


ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ ว่าถ้าเงินไม่เฟ้อ จะตอบรับกับ growth ยังไง ในเมื่อ resources ทุกอย่างมีจำกัด แต่population มีเพิ่มขึ้นทุกวัน จนเริ่มมาชลอตัวลงช่วงนี้  

เอาแบบรีบๆพื้นๆ เมื่อโปรดักทิวิตี่โลกเพิ่ม แต่เงินมีจำกัด สิ่งที่จะเป็นเมื่อระบบ growth คือข้าวของจะต้องถูกลงครับ หรือของราคาเท่าเดิมแต่คุณภาพดีขึ้น ผู้คนที่เก็บเงินที่ไม่เสื่อมค่าจะมีอำนาจการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต วางแผนทำธุรกิจ วางแผนมีครอบครัวได้ เหมือนเช่นยุคสมัยมาตรฐานทองคำ
เราไม่ต้องตีลังกาทางความคิดตาม ศศ สำนักเคนส์ เราพูดตามคอมมอนเซนส์แบบสำนักออสเตรียน


 



ข้าวของ = resource ในโลก มีจำกัด ไม่ว่าจะน้ำมัน แก๊ส livestock wheat
สมมติว่า มีคน 10 คน และมีข้าว 10 เม็ด ตัวกลางใช้แลกข้าว 1 เม็ด ของแต่ละคนคือ ทอง หรือ 1 BTC นะครับ แล้วในเคสนี้เมื่อมี growth ในเมื่อ supply ข้าวก็มีเท่าเดิม แต่ demand เพิ่มขึ้นจาก 10 คน กลายเป็น 20 คน ในกรณีนี้ ข้าวของจะถูกลงได้ยังไงครับ มันก็ต้องแพงขึ้นปะ ในเมื่อ demand มัน over supply  

ถ้าตามกลไกตลาด ข้าวของราคาเพิ่มหรือลดมันขึ้นกับดีมานด์ ซัพพลายถูกต้องแล้วครับ ราคาที่แพงขึ้นจากโลกที่เงินไม่เสื่อมค่ามันจะสะท้อนความขาดแคลนจริงหรือความต้องการจริง ทีนี้ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันจะทำให้คนหันมาปลูกข้าวเพิ่มขึ่น จนทำให้ซัพพลายมันดุลกับดีมานด์เองตามธรรมชาติ และข้าวที่แพงมันจะแพงชั่วคราวตามภาวะการผลิต จนกระทั่งมนุษย์หาทางเพิ่มโปรดักทิวิตี้ของข้าวได้

ที่ผมจะสื่อคือในโลกที่เงินมันเฟ้อ ต่อให้ข้าวของแพง คนต้องประหยัดตังค์โดยธรรมชาติ แต่ของมันก็ยังไม่ลดราคาเพราะเงินที่ถูกพิมพ์โดยรัฐบาลมันพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจเสมิ มันเลยเป็นภาวะ stagflation ที่เราหรือญี่ปุ่นกำลังเจอ มันฝืนธรรมชาติ

เมื่อมนุษย์ต้องการอะไรบางอย่างที่มากขึ้น คนมันจะหาทางพัฒนาซัพพลายจนได้ ถามว่าข้าวตามสั่ง ผัก หมู มันหายากหรอสำหรับผมก็ไม่ แต่มันราคาเป็น 50-60 ได้ เพราะต้องจ่ายค่าที่ ค่าที่ที่ถูกซื้อมาเก็งกำไรจากเงินที่ผลิตขึ้นมา

ผมไม่ได้มีปัญหากับทุนนิยม กลไกตลาด แต่ผมหรือ bitcoiner ท่านอื่นๆ เรามีปัญหากับการที่เงินที่ถูกผลิตใหม่มันเอาไปใช้กับการลงทุนที่ผิดพลาดจนมันบิดเบือน “ราคา” และความมั่งคั่งของผู้คน
 



งี้ในกรณีที่ bitcoin สามารถลดความความผันผวนได้ เท่ากับ มูลค่าเริ่มคงที่ 1. ก็ต้องมีเจ้าที่ใหญ่กว่าเพราะถือมากกว่าทุกคนอยู่ดี ฉะนั้นความต่างในความมั่งคั่งของแต่ละคนก็ทีอยู่ดี เพราะยังไง คนที่ถือ 100 เหรียญ ก็รวยกว่า คนที่ถือแค่ 1 เหรียญอยู่ดี กับ 2. สมมติว่าสามารถออกกฎควบคุมได้ ที่นี้จะไม่ผิดกับหลักการของ bitcoin หรอครับ สำหรับ มุมbitcoiner อยากรู้ว่าเขามีความเห็นอย่างไรกับการที่จะป้องกัน ในการฟอกเงิน หรือstore เงินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย  

1. ทุกคนไม่มีทางถือบิทคอยน์ได้ทั้งโลก นั่นคือเรื่องจริง แต่เราก็ถือเป็นหน่วยย่อยซาโตชิได้
2. คนที่ถือก่อน มาก่อน เขาก็ต้องแบกรับความเสี่ยง เขาต้องศึกษา เพราะฝั้นผมว่า”แฟร์“
3. ตรรกะเดียวกับทองคำ ไม่ใช่ทุกคนจะได้ถือทองคำตอน 3,000 บาท แต่เมื่อมันเป็นสินค้าที่มีจำกัด ผลิตได้ยาก ตรวจสอบได้ง่าย ราคามันก็เป็นเพียงตัวชี้การให้คุณค่า
4. เงิน Fiat ทุกวันนี้ก็มีการฟอกเงิน หรือเอาไปใช้ผิดกฏหมายหรือเปล่าครับ มันไม่เกี่ยวว่าจะเป็นบิทคอยน์ ทอง เฟียต ที่ดิน แว่นตร ตราบใดที่มีคนเอาเงินผิด ๆ ไปใช้ฟอก ต่อให้เป็นอะไรก็ผืด คำถามที่ควรถามกลับคือ เราใช้เกณฑ์อะไรตัดสินว่าเงินที่ฟอดมันผิด กับ ทำไมเราต้องให้รัฐบาลมาวุ่นวายเงินของเรา

ผมว่าเราไม่ต้องน้อยใจที่เราถือทีหลัง หรือสงสัยมากไปจนไม่มองมัน
เวลาเรามีค่า ผมแนะนำให้ศึกษา Bitcoin ให้มาก มันอาจเป็นทอปปิคที่คุ้มค่าที่สุดที่เราเคยได้ศึกษามาเลยก็ได้  


ยกตัวอย่างนะครับ fiat มีการฟอกเงินอยู่แล้ว แต่สำหรับ bitcoin ที่ promote privacy สูงสุด อย่าง bearer bonds ก็โดนยกเลิกไป เพราะไม่สามารถ trace ได้ กลับกัน ก็มีกลุ่มคนที่ขายยา ค้าอาวุธเถื่อน หันไป store value ในรูปแบบของ BTC แบบนี้ ในวงการ BTC เขามีแผนรับมือยังไง?  

Bitcoin ก็อยู่ของมันนิ่ครับ คนที่ผิดคือคนขายอาวุธ ขายยา ทำไมต้องโทษ Bitcoin ? คือกลัวเงินที่สตอร์กับการขายอาวุธ ขายยา เลยต้องมองข้ามการเงินที่ป้องกันเงินเฟ้อ รักษามูลค่าของผู้คนได้ผมว่าน่าเสียดาย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ARSENAL

“วันนี้จะไม่มีย้อนคืนกลับมาอีก และใครก็ตามเมื่อพลาดที่จะกิน ดื่ม ลิ้มรส หรือสูดกลิ่นอายของมันก็จะไม่มีวันได้รับโอกาสนี้อีกชั่วนิจนิรันดร์ ดวงอาทิตย์จะไม่มีวันฉายฉานเหมือนเช่นวันนี้... แต่ถึงกระนั้นคุณก็จักต้องเล่นไปตามบทบาท ขับร้องให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้”
- Klingsors letzter Sommer (Hermann Hesse)

ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2020
ตอบ: 1421
ที่อยู่: ฝากเอาไว้ในกายเธอ
โพสเมื่อ: Wed Jul 03, 2024 14:22
[RE: คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม]
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
ปัญหาจริงๆมันคือเรื่องเงินนั้นละ

FIAT IS SHIT  

Yep bro

Fix the money, fix the world

เงินเฟ้อแม่งคืออาชญากรรม  


ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ ว่าถ้าเงินไม่เฟ้อ จะตอบรับกับ growth ยังไง ในเมื่อ resources ทุกอย่างมีจำกัด แต่population มีเพิ่มขึ้นทุกวัน จนเริ่มมาชลอตัวลงช่วงนี้  

เอาแบบรีบๆพื้นๆ เมื่อโปรดักทิวิตี่โลกเพิ่ม แต่เงินมีจำกัด สิ่งที่จะเป็นเมื่อระบบ growth คือข้าวของจะต้องถูกลงครับ หรือของราคาเท่าเดิมแต่คุณภาพดีขึ้น ผู้คนที่เก็บเงินที่ไม่เสื่อมค่าจะมีอำนาจการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต วางแผนทำธุรกิจ วางแผนมีครอบครัวได้ เหมือนเช่นยุคสมัยมาตรฐานทองคำ
เราไม่ต้องตีลังกาทางความคิดตาม ศศ สำนักเคนส์ เราพูดตามคอมมอนเซนส์แบบสำนักออสเตรียน


 



ข้าวของ = resource ในโลก มีจำกัด ไม่ว่าจะน้ำมัน แก๊ส livestock wheat
สมมติว่า มีคน 10 คน และมีข้าว 10 เม็ด ตัวกลางใช้แลกข้าว 1 เม็ด ของแต่ละคนคือ ทอง หรือ 1 BTC นะครับ แล้วในเคสนี้เมื่อมี growth ในเมื่อ supply ข้าวก็มีเท่าเดิม แต่ demand เพิ่มขึ้นจาก 10 คน กลายเป็น 20 คน ในกรณีนี้ ข้าวของจะถูกลงได้ยังไงครับ มันก็ต้องแพงขึ้นปะ ในเมื่อ demand มัน over supply  

ถ้าตามกลไกตลาด ข้าวของราคาเพิ่มหรือลดมันขึ้นกับดีมานด์ ซัพพลายถูกต้องแล้วครับ ราคาที่แพงขึ้นจากโลกที่เงินไม่เสื่อมค่ามันจะสะท้อนความขาดแคลนจริงหรือความต้องการจริง ทีนี้ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันจะทำให้คนหันมาปลูกข้าวเพิ่มขึ่น จนทำให้ซัพพลายมันดุลกับดีมานด์เองตามธรรมชาติ และข้าวที่แพงมันจะแพงชั่วคราวตามภาวะการผลิต จนกระทั่งมนุษย์หาทางเพิ่มโปรดักทิวิตี้ของข้าวได้

ที่ผมจะสื่อคือในโลกที่เงินมันเฟ้อ ต่อให้ข้าวของแพง คนต้องประหยัดตังค์โดยธรรมชาติ แต่ของมันก็ยังไม่ลดราคาเพราะเงินที่ถูกพิมพ์โดยรัฐบาลมันพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจเสมิ มันเลยเป็นภาวะ stagflation ที่เราหรือญี่ปุ่นกำลังเจอ มันฝืนธรรมชาติ

เมื่อมนุษย์ต้องการอะไรบางอย่างที่มากขึ้น คนมันจะหาทางพัฒนาซัพพลายจนได้ ถามว่าข้าวตามสั่ง ผัก หมู มันหายากหรอสำหรับผมก็ไม่ แต่มันราคาเป็น 50-60 ได้ เพราะต้องจ่ายค่าที่ ค่าที่ที่ถูกซื้อมาเก็งกำไรจากเงินที่ผลิตขึ้นมา

ผมไม่ได้มีปัญหากับทุนนิยม กลไกตลาด แต่ผมหรือ bitcoiner ท่านอื่นๆ เรามีปัญหากับการที่เงินที่ถูกผลิตใหม่มันเอาไปใช้กับการลงทุนที่ผิดพลาดจนมันบิดเบือน “ราคา” และความมั่งคั่งของผู้คน
 



งี้ในกรณีที่ bitcoin สามารถลดความความผันผวนได้ เท่ากับ มูลค่าเริ่มคงที่ 1. ก็ต้องมีเจ้าที่ใหญ่กว่าเพราะถือมากกว่าทุกคนอยู่ดี ฉะนั้นความต่างในความมั่งคั่งของแต่ละคนก็ทีอยู่ดี เพราะยังไง คนที่ถือ 100 เหรียญ ก็รวยกว่า คนที่ถือแค่ 1 เหรียญอยู่ดี กับ 2. สมมติว่าสามารถออกกฎควบคุมได้ ที่นี้จะไม่ผิดกับหลักการของ bitcoin หรอครับ สำหรับ มุมbitcoiner อยากรู้ว่าเขามีความเห็นอย่างไรกับการที่จะป้องกัน ในการฟอกเงิน หรือstore เงินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย  

1. ทุกคนไม่มีทางถือบิทคอยน์ได้ทั้งโลก นั่นคือเรื่องจริง แต่เราก็ถือเป็นหน่วยย่อยซาโตชิได้
2. คนที่ถือก่อน มาก่อน เขาก็ต้องแบกรับความเสี่ยง เขาต้องศึกษา เพราะฝั้นผมว่า”แฟร์“
3. ตรรกะเดียวกับทองคำ ไม่ใช่ทุกคนจะได้ถือทองคำตอน 3,000 บาท แต่เมื่อมันเป็นสินค้าที่มีจำกัด ผลิตได้ยาก ตรวจสอบได้ง่าย ราคามันก็เป็นเพียงตัวชี้การให้คุณค่า
4. เงิน Fiat ทุกวันนี้ก็มีการฟอกเงิน หรือเอาไปใช้ผิดกฏหมายหรือเปล่าครับ มันไม่เกี่ยวว่าจะเป็นบิทคอยน์ ทอง เฟียต ที่ดิน แว่นตร ตราบใดที่มีคนเอาเงินผิด ๆ ไปใช้ฟอก ต่อให้เป็นอะไรก็ผืด คำถามที่ควรถามกลับคือ เราใช้เกณฑ์อะไรตัดสินว่าเงินที่ฟอดมันผิด กับ ทำไมเราต้องให้รัฐบาลมาวุ่นวายเงินของเรา

ผมว่าเราไม่ต้องน้อยใจที่เราถือทีหลัง หรือสงสัยมากไปจนไม่มองมัน
เวลาเรามีค่า ผมแนะนำให้ศึกษา Bitcoin ให้มาก มันอาจเป็นทอปปิคที่คุ้มค่าที่สุดที่เราเคยได้ศึกษามาเลยก็ได้  


ยกตัวอย่างนะครับ fiat มีการฟอกเงินอยู่แล้ว แต่สำหรับ bitcoin ที่ promote privacy สูงสุด อย่าง bearer bonds ก็โดนยกเลิกไป เพราะไม่สามารถ trace ได้ กลับกัน ก็มีกลุ่มคนที่ขายยา ค้าอาวุธเถื่อน หันไป store value ในรูปแบบของ BTC แบบนี้ ในวงการ BTC เขามีแผนรับมือยังไง?  

Bitcoin ก็อยู่ของมันนิ่ครับ คนที่ผิดคือคนขายอาวุธ ขายยา ทำไมต้องโทษ Bitcoin ? คือกลัวเงินที่สตอร์กับการขายอาวุธ ขายยา เลยต้องมองข้ามการเงินที่ป้องกันเงินเฟ้อ รักษามูลค่าของผู้คนได้ผมว่าน่าเสียดาย  


ผมไม่ได้บอกว่า btc มันไม่ดีครับ แต่ผมมองว่าหาก regulate ไม่ได้ ก็จะเป็นไปได้ยากที่จะได้รับการยอมรับ หาก trace ไม่ได้งี้แปลว่า btc แทบไม่ต่างจากfiat เพราะสุดท้ายไม่ได้ก่อเกิดความเท่าเทียม สมมติคนสองคนทำงานใช้เวลาเท่ากัน อีกคนขาวใส อีกคนเทาดำ คนทำเทาดำย่อมได้ผลตอบแทนมากกว่า จำนวนbtc เขาก็จะถือมากกว่าอีกคนโดยปริยาย ทั้งที่ใช้เวลาทำงานเท่ากัน แถมคนเทาดำ ไม่สามารถ trace เส้นทางการเงินได้ ก็ไม่สามารถโดนเอาผิดได้สิครับ ผมไม่ได้บอกว่าเงินเฟ้อมันดีหรือไม่ดี inflation ใน% ที่สมควร คือสิ่งที่ดีกับ economy growth รวมไปถึง อัตราการว่างงาน ทุกอย่างมันเกีายวพันกันหมด แต่เงินเฟ้อที่มากแบบตอนนี้ย่อมไม่ดีแน่นอน แต่ deflation กับ stagnation อย่างทีาไทยเจออยู่ตอนนี่ก็น่ากลัวไม่แพ้กันซึ่งตราบใด ที่BTC ยังแก้เรื่อง volatility กับ regulation ไม่ได้ก็สามารถทำให้เกิด stagnation ได้เหมือนกัน ผมอยากทราบมุมมองของคนที่ศึกษามาแล้วเพราะด้วยความรู้อันจำกัดของผมบางทีมันเจอทางตันหาคำตอบไม่ได้ ยังมองไม่ออก
แก้ไขล่าสุดโดย Zalmon เมื่อ Wed Jul 03, 2024 14:30, ทั้งหมด 2 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: วันที่กาลเวลาถูกแช่แข็งในอากาศ คลื่นเสียงสลายเป็นไ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Mar 2009
ตอบ: 2024
ที่อยู่: ในสายลม
โพสเมื่อ: Wed Jul 03, 2024 16:00
[RE: คิดว่าความห่างของชนชั้น จะกว้างขึ้นเรื่อยๆไหม]
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Zalmon พิมพ์ว่า:
Foollyman พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
ปัญหาจริงๆมันคือเรื่องเงินนั้นละ

FIAT IS SHIT  

Yep bro

Fix the money, fix the world

เงินเฟ้อแม่งคืออาชญากรรม  


ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ ว่าถ้าเงินไม่เฟ้อ จะตอบรับกับ growth ยังไง ในเมื่อ resources ทุกอย่างมีจำกัด แต่population มีเพิ่มขึ้นทุกวัน จนเริ่มมาชลอตัวลงช่วงนี้  

เอาแบบรีบๆพื้นๆ เมื่อโปรดักทิวิตี่โลกเพิ่ม แต่เงินมีจำกัด สิ่งที่จะเป็นเมื่อระบบ growth คือข้าวของจะต้องถูกลงครับ หรือของราคาเท่าเดิมแต่คุณภาพดีขึ้น ผู้คนที่เก็บเงินที่ไม่เสื่อมค่าจะมีอำนาจการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต วางแผนทำธุรกิจ วางแผนมีครอบครัวได้ เหมือนเช่นยุคสมัยมาตรฐานทองคำ
เราไม่ต้องตีลังกาทางความคิดตาม ศศ สำนักเคนส์ เราพูดตามคอมมอนเซนส์แบบสำนักออสเตรียน


 



ข้าวของ = resource ในโลก มีจำกัด ไม่ว่าจะน้ำมัน แก๊ส livestock wheat
สมมติว่า มีคน 10 คน และมีข้าว 10 เม็ด ตัวกลางใช้แลกข้าว 1 เม็ด ของแต่ละคนคือ ทอง หรือ 1 BTC นะครับ แล้วในเคสนี้เมื่อมี growth ในเมื่อ supply ข้าวก็มีเท่าเดิม แต่ demand เพิ่มขึ้นจาก 10 คน กลายเป็น 20 คน ในกรณีนี้ ข้าวของจะถูกลงได้ยังไงครับ มันก็ต้องแพงขึ้นปะ ในเมื่อ demand มัน over supply  

ถ้าตามกลไกตลาด ข้าวของราคาเพิ่มหรือลดมันขึ้นกับดีมานด์ ซัพพลายถูกต้องแล้วครับ ราคาที่แพงขึ้นจากโลกที่เงินไม่เสื่อมค่ามันจะสะท้อนความขาดแคลนจริงหรือความต้องการจริง ทีนี้ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันจะทำให้คนหันมาปลูกข้าวเพิ่มขึ่น จนทำให้ซัพพลายมันดุลกับดีมานด์เองตามธรรมชาติ และข้าวที่แพงมันจะแพงชั่วคราวตามภาวะการผลิต จนกระทั่งมนุษย์หาทางเพิ่มโปรดักทิวิตี้ของข้าวได้

ที่ผมจะสื่อคือในโลกที่เงินมันเฟ้อ ต่อให้ข้าวของแพง คนต้องประหยัดตังค์โดยธรรมชาติ แต่ของมันก็ยังไม่ลดราคาเพราะเงินที่ถูกพิมพ์โดยรัฐบาลมันพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจเสมิ มันเลยเป็นภาวะ stagflation ที่เราหรือญี่ปุ่นกำลังเจอ มันฝืนธรรมชาติ

เมื่อมนุษย์ต้องการอะไรบางอย่างที่มากขึ้น คนมันจะหาทางพัฒนาซัพพลายจนได้ ถามว่าข้าวตามสั่ง ผัก หมู มันหายากหรอสำหรับผมก็ไม่ แต่มันราคาเป็น 50-60 ได้ เพราะต้องจ่ายค่าที่ ค่าที่ที่ถูกซื้อมาเก็งกำไรจากเงินที่ผลิตขึ้นมา

ผมไม่ได้มีปัญหากับทุนนิยม กลไกตลาด แต่ผมหรือ bitcoiner ท่านอื่นๆ เรามีปัญหากับการที่เงินที่ถูกผลิตใหม่มันเอาไปใช้กับการลงทุนที่ผิดพลาดจนมันบิดเบือน “ราคา” และความมั่งคั่งของผู้คน
 



งี้ในกรณีที่ bitcoin สามารถลดความความผันผวนได้ เท่ากับ มูลค่าเริ่มคงที่ 1. ก็ต้องมีเจ้าที่ใหญ่กว่าเพราะถือมากกว่าทุกคนอยู่ดี ฉะนั้นความต่างในความมั่งคั่งของแต่ละคนก็ทีอยู่ดี เพราะยังไง คนที่ถือ 100 เหรียญ ก็รวยกว่า คนที่ถือแค่ 1 เหรียญอยู่ดี กับ 2. สมมติว่าสามารถออกกฎควบคุมได้ ที่นี้จะไม่ผิดกับหลักการของ bitcoin หรอครับ สำหรับ มุมbitcoiner อยากรู้ว่าเขามีความเห็นอย่างไรกับการที่จะป้องกัน ในการฟอกเงิน หรือstore เงินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย  

1. ทุกคนไม่มีทางถือบิทคอยน์ได้ทั้งโลก นั่นคือเรื่องจริง แต่เราก็ถือเป็นหน่วยย่อยซาโตชิได้
2. คนที่ถือก่อน มาก่อน เขาก็ต้องแบกรับความเสี่ยง เขาต้องศึกษา เพราะฝั้นผมว่า”แฟร์“
3. ตรรกะเดียวกับทองคำ ไม่ใช่ทุกคนจะได้ถือทองคำตอน 3,000 บาท แต่เมื่อมันเป็นสินค้าที่มีจำกัด ผลิตได้ยาก ตรวจสอบได้ง่าย ราคามันก็เป็นเพียงตัวชี้การให้คุณค่า
4. เงิน Fiat ทุกวันนี้ก็มีการฟอกเงิน หรือเอาไปใช้ผิดกฏหมายหรือเปล่าครับ มันไม่เกี่ยวว่าจะเป็นบิทคอยน์ ทอง เฟียต ที่ดิน แว่นตร ตราบใดที่มีคนเอาเงินผิด ๆ ไปใช้ฟอก ต่อให้เป็นอะไรก็ผืด คำถามที่ควรถามกลับคือ เราใช้เกณฑ์อะไรตัดสินว่าเงินที่ฟอดมันผิด กับ ทำไมเราต้องให้รัฐบาลมาวุ่นวายเงินของเรา

ผมว่าเราไม่ต้องน้อยใจที่เราถือทีหลัง หรือสงสัยมากไปจนไม่มองมัน
เวลาเรามีค่า ผมแนะนำให้ศึกษา Bitcoin ให้มาก มันอาจเป็นทอปปิคที่คุ้มค่าที่สุดที่เราเคยได้ศึกษามาเลยก็ได้  


ยกตัวอย่างนะครับ fiat มีการฟอกเงินอยู่แล้ว แต่สำหรับ bitcoin ที่ promote privacy สูงสุด อย่าง bearer bonds ก็โดนยกเลิกไป เพราะไม่สามารถ trace ได้ กลับกัน ก็มีกลุ่มคนที่ขายยา ค้าอาวุธเถื่อน หันไป store value ในรูปแบบของ BTC แบบนี้ ในวงการ BTC เขามีแผนรับมือยังไง?  

Bitcoin ก็อยู่ของมันนิ่ครับ คนที่ผิดคือคนขายอาวุธ ขายยา ทำไมต้องโทษ Bitcoin ? คือกลัวเงินที่สตอร์กับการขายอาวุธ ขายยา เลยต้องมองข้ามการเงินที่ป้องกันเงินเฟ้อ รักษามูลค่าของผู้คนได้ผมว่าน่าเสียดาย  


ผมไม่ได้บอกว่า btc มันไม่ดีครับ แต่ผมมองว่าหาก regulate ไม่ได้ ก็จะเป็นไปได้ยากที่จะได้รับการยอมรับ หาก trace ไม่ได้งี้แปลว่า btc แทบไม่ต่างจากfiat เพราะสุดท้ายไม่ได้ก่อเกิดความเท่าเทียม สมมติคนสองคนทำงานใช้เวลาเท่ากัน อีกคนขาวใส อีกคนเทาดำ คนทำเทาดำย่อมได้ผลตอบแทนมากกว่า จำนวนbtc เขาก็จะถือมากกว่าอีกคนโดยปริยาย ทั้งที่ใช้เวลาทำงานเท่ากัน แถมคนเทาดำ ไม่สามารถ trace เส้นทางการเงินได้ ก็ไม่สามารถโดนเอาผิดได้สิครับ ผมไม่ได้บอกว่าเงินเฟ้อมันดีหรือไม่ดี inflation ใน% ที่สมควร คือสิ่งที่ดีกับ economy growth รวมไปถึง อัตราการว่างงาน ทุกอย่างมันเกีายวพันกันหมด แต่เงินเฟ้อที่มากแบบตอนนี้ย่อมไม่ดีแน่นอน แต่ deflation กับ stagnation อย่างทีาไทยเจออยู่ตอนนี่ก็น่ากลัวไม่แพ้กันซึ่งตราบใด ที่BTC ยังแก้เรื่อง volatility กับ regulation ไม่ได้ก็สามารถทำให้เกิด stagnation ได้เหมือนกัน ผมอยากทราบมุมมองของคนที่ศึกษามาแล้วเพราะด้วยความรู้อันจำกัดของผมบางทีมันเจอทางตันหาคำตอบไม่ได้ ยังมองไม่ออก  

เอางี้นะครับ มุมมองผมและ bitcoiner หลายคนคือ เงินที่ดีไม่จำเป็นต้องถูก regulate และผมไม่เคยเชื่อในไอเดียเงินที่ต้องถูก regulate ได้ และในอดีตเงินที่ไม่โดน regulate ก็สร้างอารยธรรมให้มนุษย์มาตลอด
เราพยายามทำให้เงิน มัน regulate ได้มาตั้งแต่ปี 1971 เรามอบอำนาจในการควบคุมเงินให้รัฐ แล้วผลลัพธ์เป็นยังไง สิ่งที่มีคุณค่าแพงขึ้น อาหารแย่ลง ที่ดิน อสังหาเป็นที่เก็งกำไร เงินเฟ้อไม่เคยดีทั้งนั้นต่อให้น้อย เพราะเงินเฟ้อคือการบอกว่าคนเรา spend เพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่ แต่ไม่ได้มองว่าราคาของมันแพงยังไง
ที่ผ่านมาคุณกินสเต้กจานละ 100 แต่จู่ๆ สเต้กเพิ่มราคาเป็นจานละ 150 ถามว่าคุณจะจ่ายสเต้กจานละ 150 ได้ไงเมื่อคุณมีเงินแค่ 100 คุณก็ต้องหันไปกินอย่างอื่นที่ราคาถูกลง หรือกินสเต้กที่คุณภาพห่วยลง
เงินเฟ้ออ่อน ๆ ที่คิดตาม spending สำหรับผมคือ scam สำหรับผมเงินเฟ้อคือปริมาณเงินที่ถูกพิมพ์เพิ่มเข้ามาในระบบนั่นแหละคือพื้นฐานของเงินเฟ้อ

และถ้าเอาจริง ๆ เงินเฟ้อไทยไม่ใช่ 2-3% ถ้านับตามราคาข้าวของที่แพงขึ้น เงินเฟ้อไทยคือ 7-9% ต่อปี

ส่วนถ้ากลัวเงินเทาจากอาชญากรก็ไปใช้กำลังทหาร ตำรวจจับครับ ไม่ใช่กลัว Bitcoin เหมือนบอกว่าคนเรากลัวมีดทำอาหารเพราะมันฆ่าคนได้ เราเลยต้องควบคุมมีดทำอาหาร

ส่วนที่เราคิดและติดใจเงินที่มัน regulate ได้หลักๆคนไม่ได้สนใจเรื่องการติดตามอาชญากร แต่เงินที่ regulate ได้คือพัฒนาการของเงินเฉย ๆ ในการตอบสนองศักยภาพในการชำระเงินข้ามพื้นที่ ที่ใช้เวลาตรวจสอบน้อย ส่งโอนได้เร็ว ไม่ต้องมี loss เหมือนขนส่งทองเมื่อ 100 ปีก่อนเราเลยต้องมี regulator

แต่เมื่อ bitcoin มันแก้ปัญหาตรงนี้ได้ เราไม่จำเป็นต้องให้ใครมาคุม เงินมันจะเป็นเพียงตัวแทนแหล่งกักเก็บพลังงารของเรา และมีนโยบายทางการเงินที่ไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ปัจเจกวางแผนการใช้ชีวิตได้ ไม้บรรทัดจะกลับมาตรงอีกครั้ง bitcoin มันสร้างมาเพื่อแก้ปัญหาทางการเงิน เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต มันไม่ได้เอามาตามสืบว่าเงินใครเป็นของใคร

อีกรอบนะครับ เงินที่ดีไม่ต้องการการถูก regulate
และอีกรอบ Bitcoin ไม่ได้ถูกสร้างมาให้เท่าเทียม แต่ถูกสร้างมาให้ “แฟร์” 2 คำนี้ต่างกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Foollyman เมื่อ Wed Jul 03, 2024 16:04, ทั้งหมด 2 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ARSENAL

“วันนี้จะไม่มีย้อนคืนกลับมาอีก และใครก็ตามเมื่อพลาดที่จะกิน ดื่ม ลิ้มรส หรือสูดกลิ่นอายของมันก็จะไม่มีวันได้รับโอกาสนี้อีกชั่วนิจนิรันดร์ ดวงอาทิตย์จะไม่มีวันฉายฉานเหมือนเช่นวันนี้... แต่ถึงกระนั้นคุณก็จักต้องเล่นไปตามบทบาท ขับร้องให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้”
- Klingsors letzter Sommer (Hermann Hesse)

ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel