เห็นข่าวแมนยูจัดการทีมหลังบ้านใหม่เกือบหมด ซึ่งผมดีใจนะที่แมนยูได้คนเก่งๆมาทำงาน มันจะได้ดีขึ้นสักที

แต่ทีนี้เห็นมากันหลายคน มีใครรู้บ้างแต่ละคนมาทำอะไร ชื่อเสียงก่อนมาเก่งเรื่องอะไรบ้าง ช่วยบอกผมที

จะดีใจก็ดีใจไม่สุด ไม่รู้ใครทำอะไรบ้าง

เบอร์ราด้า CEO มาจาก แมนซิ น่าจะดูแลพวกธุรกิจ สปอนเซอร์ อะไรพวกนั้นละมั้ง

แอชเวิร์ธ DOF มาจาก ทีมชาติอังกฤษ ละ ไป ไบรท์ตัน ละไป นิวคาสเซิล เป็นพวกวางรากฐานทีม ดูแลจัดการในภาพใหญ่ ถ้าจำไม่ผิดแกเคยสัมภาษณ์ถึงบทบาทแกว่า แต่ละแผนกจะเหมือนเป็นแต่ละด้านของวงล้อใหญ่ๆแล้ว แอชเวิร์ธ เนี่ยจะอยู่ตรงกลางคอยดูให้วงล้อมันหมุนไปได้อย่างราบรื่น ก็น่าจะเป็นคนคอยดูแลจัดการการทำงานของพวกหัวหน้าแผนกต่างๆละมั้ง มีข้อสังเกตุจากแฟนบอลบางคนว่าแกดูจะเป็นคนอิงลิชภักดีหน่อย ต้องรอดูว่าจากนี้ แมนยู จะไปในแนวทาง อิงลิชภักดี มั้ย


วิลค็อก ผอเทคนิค เคยเป็น ผู้จัดการอคาเดมี่ของ แมนซิ แล้วมาเป็น DOF ของ เซาท์แธมป์ตัน น่าจะคาดหวังได้ในเรื่องส่องนักเตะ ส่องเด็ก หาดาวรุ่งนะ คงกะให้มาเสริมทางด้านนี้


วีเวลล์ ก็อยู่เครือเรดบูล เคยเป็นหัวหน้าแมวมองซัลบวร์ก แล้วมา ไลป์ซิก เป็น ผอเทคนิค เป็น สควอชแพลนเนอร์ แมนยู ตั้งมากะให้ดูแลเรื่องเครือข่ายสโมสรลูกละมั้ง เห็นมีพูดถึง มัลติคลับ


จากใจแฟนเชลซีที่พึ่งยกเครื่องบอร์ดและทีมซื้อขายมาเหมือนกัน ตอนนั้นประวัติการทำงานของคนที่มาเป็นทีมงานใหม่ เชลซี ก็ดูดี แต่ผลงานการบริหารและการซื้อขายก็ตามที่เห็น เพราะงั้นรอดูหน้างานเอาชัวร์กว่า

ไม่รู้เหมือนกันใครเป็นใคร มีแต่เขาว่าเก่ง แต่อย่างน้อยๆก็ดูดีมีอนาคตล่ะว่ะ

เบอร์ราด้า CEO มาจาก แมนซิ น่าจะดูแลพวกธุรกิจ สปอนเซอร์ อะไรพวกนั้นละมั้ง

แอชเวิร์ธ DOF มาจาก ทีมชาติอังกฤษ ละ ไป ไบรท์ตัน ละไป นิวคาสเซิล เป็นพวกวางรากฐานทีม ดูแลจัดการในภาพใหญ่ ถ้าจำไม่ผิดแกเคยสัมภาษณ์ถึงบทบาทแกว่า แต่ละแผนกจะเหมือนเป็นแต่ละด้านของวงล้อใหญ่ๆแล้ว แอชเวิร์ธ เนี่ยจะอยู่ตรงกลางคอยดูให้วงล้อมันหมุนไปได้อย่างราบรื่น ก็น่าจะเป็นคนคอยดูแลจัดการการทำงานของพวกหัวหน้าแผนกต่างๆละมั้ง มีข้อสังเกตุจากแฟนบอลบางคนว่าแกดูจะเป็นคนอิงลิชภักดีหน่อย ต้องรอดูว่าจากนี้ แมนยู จะไปในแนวทาง อิงลิชภักดี มั้ย


วิลค็อก ผอเทคนิค เคยเป็น ผู้จัดการอคาเดมี่ของ แมนซิ แล้วมาเป็น DOF ของ เซาท์แธมป์ตัน น่าจะคาดหวังได้ในเรื่องส่องนักเตะ ส่องเด็ก หาดาวรุ่งนะ คงกะให้มาเสริมทางด้านนี้


วีเวลล์ ก็อยู่เครือเรดบูล เคยเป็นหัวหน้าแมวมองซัลบวร์ก แล้วมา ไลป์ซิก เป็น ผอเทคนิค เป็น สควอชแพลนเนอร์ แมนยู ตั้งมากะให้ดูแลเรื่องเครือข่ายสโมสรลูกละมั้ง เห็นมีพูดถึง มัลติคลับ


จากใจแฟนเชลซีที่พึ่งยกเครื่องบอร์ดและทีมซื้อขายมาเหมือนกัน ตอนนั้นประวัติการทำงานของคนที่มาเป็นทีมงานใหม่ เชลซี ก็ดูดี แต่ผลงานการบริหารและการซื้อขายก็ตามที่เห็น เพราะงั้นรอดูหน้างานเอาชัวร์กว่า

ทีมแพทย์จากปืน

ถ้าเอาแฟร์ๆ ไม่เอาปั่นๆ จากตามโซเชียล คนที่ย้ายมาใหม่คือผลงานดีมากเลยนะ

แต่ปัญหาคือคนประเมินมากกว่าไม่ใช่คนนี้

ถ้าเทียบแค่โปร์ไฟล์ ทีมบริหารเชลซี กับ แมนยู ก่อนที่เอาเข้ามา

ใครดูดีกว่ากันเหรอครับ

โครงสร้างใหม่ของแมนฯ ยูไนเต็ด จะเป็นแบบนี้

ก็คนนี้แหละที่ประเมินพลาด ก่อนจากกับน่อลก็ประเมินทิมเบอร์พลาด ปล่อยให้เล่นต่อจนเจ็บ acl

ปีที่ผ่านมา
ซื้อตัวไม่ดียังไงบ้างครับ

ของ แมนยู ชื่อชั้นดีกว่า มี 2 คนที่เคยเป็นหัวหน้าของทีมงานเชลซีมาก่อน


- แอชเวิร์ธ เคยเป็น ผอเทคนิค ไบรท์ตัน ซึ่ง วินสแตนลี่ย์ ( 1 ใน DOF เชลซี ) ตอนอยู่ ไบรท์ตัน เป็น ผอฝ่ายสรรหาบุคลากร ก็ดูเป็นตำแหน่งใต้ แอชเวิร์ธ

- วิลค็อก เคยเป็น ผู้จัดการอคาเดมี่ แมนซิ ชิลด์ ( ปัจจุบันเป็น ผอฝ่ายสรรหา ของ เชลซี ) เคยเป็น หัวหน้าแมวมองอคาเดมี่ แมนซิ ทำงานกับ วิลค็อก และพอ วิลค็อก ย้ายมาเป็น DOF เซาท์แธมป์ตัน ชิลด์ ก็ย้ายมาเป็น หัวหน้าแมวมอง เซาท์แธมป์ตัน

การซื้อตัวหลายๆดีลแพงเกินไป อย่าง ไคเซโด้ ถ้ายื่น 100 ตั้งแต่แรก ( 90 + แอดออน 10 ก็ได้ ) ก็น่าจะได้ไปแล้ว จริงๆตอนแรก ไบรท์ตัน กะจะเอาไม่ถึง 100 ด้วยแต่พอดีล ไรซ์ มา ไบรท์ตัน เลยขอเท่า ไรซ์

ซึ่ง เชลซี ก็ไม่ตกลงทันที ไปต่อนิดต่อหน่อย ยืดเยื้อไปเรื่อย สุดท้ายพอใกล้ตลาดปิด เวลาบีบแล้ว ก็โดนโก่งเพิ่มอีก เลยจบที่ 100 + 15 ล้านปอนด์ เกินกำหนด

ลาเวีย 53 + 5 ลป และ อูโกชุควู 23 ลป จริงๆควรเลือกซื้อตัวเดียวก็พอ เพราะมันตำแหน่งเดียวกัน และ ลาเวีย ก็เป็นราคาที่แพงเกินไป ตอนแรก เซาท์ จะเอาแค่ 50 ถ้ายื่นแต่แรกก็อาจจะได้ แต่ เชลซี มัวไปเสียเวลายื้อกับดีล ไคเซโด้ มากไปเลยกระทบไปดีลอื่น เปลี่ยนแผนไปมาสุดท้ายเลยกลับมาเอา ลาเวีย ตามแผนสอง แต่ดันต้องจ่ายแพงกว่าเดิม ( เชลซี กะจะซื้อกลาง 2 คน แผนแรกคือ ไคเซโด้ กับ อูการ์เต้ แต่ ปารีส ได้ไป แผนสองเป็น ไคเซโด้ กับ โอนาน่า หรือ ลาเวีย ซักคน และ แผนสามเหมือนจะเป็น ไคเซโด้ กับ อดัม มั้ง )

ตลาดมกรา เอ็นคุนคู เจ็บอยู่ แจ๊คสัน กำลังจะไปเตะแอฟริกัน กองหน้าเหลือ โบรยา กับ ดาวรุ่งอย่าง วอชิงตัน แล้วก็มี ด.โฟฟาน่า กลับมาจากยืมตัว

ทีมซื้อขาย เชลซี ตัดสินใจปล่อยยืม โบรยา ปล่อยยืม ด.โฟฟาน่า ไม่เสริมกองหน้าใหม่เพิ่มเพราะคิดว่า เอ็นคุนคู จะหายกลับมาทันตอนสิ้นเดือน สุดท้าย เอ็นคุนคู เจ็บยาวอีกรอบ สุดท้ายไม่มีกองหน้าใช้ไปช่วงนึงเพราะ พอช ไม่กล้าใช้ดาวรุ่งอย่าง วอชิงตัน เลยต้องรอ แจ๊คสัน กลับมา ซึ่ง แจ๊คสัน มันก็ไม่ได้คมอะไรขนาดนั้น

และรวมไปถึงดีลก่อนหน้านี้ นับตั้งแต่ตลาดมกรายุคพ็อตเตอร์ เอ็นโซ่ มูดริค พวกนั้นอะที่เริ่มมีทีมงานใหม่มาทำงานบ้างแล้ว 1-2 คน ดีล มูดริค นี่เจ๊งยับ

รวมถึงการเลือก พอช มาเป็นผู้จัดการทีม ทั้งๆที่สควอชดูจะไม่เข้ามือ พอช เท่าไหร่

พอช มันไม่ใช้กลางแบบ เอ็นโซ่ พอช มันใช้กลางแบบ กัลลาเกอร์ กลางสายพละกำลัง แล้วก็พวก ใหญ่ๆสูงๆหน่อย คิดภาพสมัยคุม สเปอร์ส อะ ไดเออร์ วานยาม่า เดมเบเล่ พวกกายภาพดีๆ

พอมาคุม เชลซี มันเลยต้องหาตำแหน่งให้ เอ็นโซ่ เล่น ช่วงแรกดันไปกลางรุกนู่น เล่นไม่ดีเลย

คิดภาพ แมนยู ทุ่มซื้อกองหน้าใหม่มา 100 ล้านปอนด์ แล้วครึ่งปีต่อมา บอร์ดบริหารปลด เทนฮาค แล้วไปเอาผู้จัดการทีมคนใหม่ที่ใช้กองหน้าสไตล์แบบนี้ไม่เป็นมาคุมทีมอะ สำหรับผมถือว่าเป็นความผิดพลาดนะ

ส่วนเรื่องนโยบายนี่ผมว่าส่วนใหญ่มันมาจากเจ้าของทีมมากกว่าทั้งเซ็นแต่เด็กดาวรุ่งมากองๆกันไว้ หรือ ใช้ทีมงานใช้โค้ชอันเดอร์ด็อค หรือ โค้ชหน้าใหม่ไฟแรง อันนี้มันทรงอเมริกันเกมส์เลยพวก NFL กับ NBA ผมเลยคิดว่ามันเป็นนโยบายมาจากเจ้าของทีม ส่วน DOF มีหน้าที่ทำตามนโยบายไป

ลุงรัง!!!