Manchester United เริ่มนับ 1 ในการแข่งขัน
ที่ว่าแข่งขัน...คือในระดับโลก
แล้วที่ว่าแข่งขัน...คือเป็นเรื่อง Football
ที่แฟนบอลแทบหาความสุขได้ไม่กี่นัดตลอดสิบปีที่ผ่านมา
แฟนบอลทุกท่านคาดหวังให้แมนยูจะกลับมาดีได้ในกี่ปี
ขอบคุณภาพจาก Football Genuis
เราโชคดีที่ Newscastle ไม่สามารถเป็นแบบ Manchester City ทีมที่สองได้แม้เจ้าของจะรวยกว่ามหาศาล
เพราะต้องปั้นบัญชีอีกนาน ทำให้โดน PSR เล่น
เปิดโอกาสให้ Dan ashworth ร่วมงานกับเราได้ไวมากขึ้นหลังจากทำสวนมาหลายเดือน
ฝ่ายบริหารเราได้มาเกือบหมดแล้วที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล อาจจะเหลือบางฝ่ายอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าเริ่มนับ 1 ในเดือน 7 ของปี 2024
ต้องขอบคุณชื่อเสียงเก่าและโจทย์ที่ท้าทายมากพอจะดึงดูดผู้บริหารระดับโลกมากอบกู้ทีมจากซากปรักหักพัง
วางโครงสร้าง รากฐาน ไปพร้อมกัน ส่วนแฟนบอลอย่างเราก็คงได้แค่ช่วยซื้อเสื้อปีละตัว สองตัว
เป็นเรื่องจริงที่ฝ่ายบริหารกุมขมับตั้งแต่ปริมาณพนักงานที่มากเกินเนื้องาน
(หากใครจำข่าวได้ว่าช่วง COVID ทาง Manchester United ไม่มีการปลดพนักงานสักคน จะเข้าใจดี)
เราเห็นได้ชัดมากขึ้นถึงความเขี้ยวของฝ่ายเจรจาซื้อขาย
เราเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นว่ามีการลงทุนกับโครงสร้างองค์กร
เราเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นว่านักเตะที่เป็นข่าวด้วย มีสถิติมาอ้างอิงที่จับต้องเป็นรูปธรรมจริงๆ
มันมีโอกาสที่ตัวที่ซื้อมาจะเล่นไม่ได้ตามความคาดหวังอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทีมไหนบนโลก
แค่สถิติจะช่วยลดโอกาสการซื้อตัวที่ผิดพลาดน้อยลง หากวิเคราะห์ทุกมุมได้รอบด้านมากพอ
(เช่นกมลสันดอน เรื่องนอกสนาม การซ้อม ความมุ่งมั่น ฯลฯ)
บริษัทที่ผมเป็นลูกจ้างเขาอยู่ก็ล้มเหลวในด้านการบริหารมาก่อน
จนเหล่าผู้บริหารในภูมิภาคโดนบริษัทแม่ปลดยกชุด
กว่าจะฟอร์มทีมชุดใหม่ ตั้งแต่หัวยันหาง เรียกความมั่นใจคืนจากลูกค้าและพลิกฟื้นกลับมาก็กินเวลา 3 ปี
หากผมตั้งความหวังไว้ที่เลขสาม จะคาดหวังมากเกินไปไหมสำหรับ Manchester United
การที่ทั้งสุขและทุกข์ไปพร้อมกับทีมเชียร์เป็นเรื่องที่ผมภูมิใจและไม่เคยเสียใจที่ได้เชียร์ Manchester United
แต่ถ้าไม่นับบุคคลทางการเมืองของประเทศไทย ผู้บริหารของ Man U ที่ผ่านมาจะได้รับการสรรเสริญด้วยนิ้วกลางจากผมตลอดยันตาย